นายกฯให้กำลังใจตำรวจท่องเที่ยว ชมนำเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกนทท. สั่งเพิ่มกำลังพลตร.-สายตรวจจักรยานรับเซย์ฮัลโหลนักท่องเที่ยวจีน พร้อมชวนเที่ยวไทยอีก
เมื่อเวลา 15.20 น.วันที่ 4 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยว ณ บริเวณสนามหลวง (ฝั่งวัดพระแก้ว) เพื่อให้กำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว พร้อมกล่าวถึงนโยบายหลักของรัฐบาล ว่า Ignite Thailand ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวนมากกว่าช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งจากประเทศรัสเซีย จีน มาเลเซียออสเตรเลียอังกฤษอังกฤษและตะวันออกกลาง ตำรวจท่องเที่ยวถือเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันเรื่องเศรษฐกิจ และดูแลความปลอดภัยของประชาชนทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งจากการมาติดตามในวันนี้พบว่ามีเจ้าหน้าที่ที่เป็นอาสาสมัครจากหลายเชื้อชาติมาทำหน้าที่ โดยขอเสนอแนะให้ปรับปรุงเสื้อของเจ้าหน้าที่เพื่อให้ระบุว่า เจ้าหน้าที่มีความถนัดภาษาอะไร และเป็นเจ้าหน้าที่จากประเทศใด
นายกฯ ยังกล่าวชื่นชมผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวที่สามารถจัดการได้เป็นอย่างดีว่า ตำรวจท่องเที่ยวถือเป็นองค์กรที่ทำงานแบบปิดทองหลังพระ หากไม่มีปัญหาก็ไม่มีใครออกมาชื่นชม และการที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องที่ดี วันนี้จึงมาให้กำลังใจและชื่นชม หากไม่ได้รับคำชื่นชมอย่าคิดมาก แต่หากมีปัญหาก็จะเป็นด่านแรก จึงขอให้เตรียมอุปกรณ์ในการทำหน้าที่ให้ดี และขอให้ดูแลสุขภาพตัวเอง ซึ่งปีหน้าจะถือเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการท่องเที่ยวไทย แล้วจะทำให้บทบาทของทุกคนถูกยกขึ้น นอกจากนี้ นายกฯ ยังชื่นชมอาสาสมัครที่เข้ามาช่วยงาน และมาทำประโยชน์ให้กับประเทศไทย
จากนั้น นายกฯ ได้ขึ้นรถโมบายของตำรวจท่องเที่ยวเพื่อรับฟังรายงานปฎิบัติงานของตำรวจท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องการนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและการป้องกันและปราบปรามผู้ร้าย เนื่องจากมีการเชื่อมโยงข้อมูลหมายจับกับตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งหากพบข้อมูลบุคคลต้องสงสัยตำรวจท่องเที่ยวในจุดต่างๆ จะสามารถสกัดจับได้เลย ซึ่งที่ผ่านมาสามารถสกัดจับได้แล้ว 3 ราย
โดย นายกฯ ได้ชื่นชมการทำหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยวในการนำเทคโนโลยีเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวแต่อยากให้เพิ่มเรื่องของการประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง ขณะเดียวกัน อยากให้เพิ่มตำรวจท่องเที่ยวในส่วนของสายตรวจจักรยานในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน เนื่องจากมองว่า สายตรวจจักรยานมีความเป็นมิตรเข้าถึงง่ายกับนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ตำรวจท่องเที่ยวได้ขอนายกฯ เพิ่มอัตรากำลังพลที่ยังขาดแคลนอยู่ประมาณ 150 อัตรา โดยนายกฯเห็นด้วยเนื่องจากรัฐบาลประกาศให้ปี 2568 เป็นปีมหกรรมการท่องเที่ยวไทยปี 2568 จึงเห็นว่า ควรที่จะเพิ่มจำนวนตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญจังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต และพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ
จากนั้น นายกฯ ได้เดินลงจากรถและไปทักทายนักท่องเที่ยวชาวจีน และทันทีที่มาถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนตะโกนว่า “นายกฯเศรษฐา” ทั้งนี้ นายกฯได้สอบถามนักท่องเที่ยวว่าชอบเมืองไทยหรือไม่ นักท่องเที่ยวชาวจีนตะโกนตอบว่า ชอบเป็นภาษาจีน โดยมีล่ามแปลภาษาจีนช่วยในการสื่อสาร นอกจากนี้ นายกฯเศรษฐายังถามว่าชอบอะไร และนักท่องเที่ยวตอบว่า ชอบวัดพระแก้ว พระที่สวยงาม มีผลไม้ที่อร่อย
นายกฯ ได้ถามอีกว่า มาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยรู้สึกปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งนักท่องเที่ยวตอบว่า ปลอดภัยมาก ทำให้นายกฯ ระบุว่าความปลอดภัยถือว่าสำคัญ เพราะการมาเที่ยวก็ต้องสนุก อาหารอร่อย และต้องปลอดภัย และหวังว่า นักท่องเที่ยวจะกลับมาประเทศไทยอีก ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนตอบว่าแน่นอน
ในช่วงท้ายนายกฯ ยังฝากประชาสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวว่า ช่วงปลายเดือน ก.ย.-ต้นเดือน ต.ค.67 ถือเป็นช่วงโกลเด้นวีค ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยจำนวน มาก และประเทศไทยจัดกิจกรรมจำนวนมากเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งนักท่องเที่ยวตอบรับว่า จะมาอีกครั้งหนึ่ง
จากนั้น นายกฯ ได้มอบเอกสารประชาสัมพันธ์ กรณีมีปัญหาระหว่างเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมทั้งมอบพัดลมมือถือเป็นของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ได้พบในวันนี้ ขณะที่ก่อนที่จะเดินทางกลับ นายกฯ ได้ไปถ่ายรูปกับตำรวจท่องเที่ยว ที่บริเวณกลางสนามหลวง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี