เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2567 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ระบุว่า อย่าได้ดีใจจนตีปีกไป กับการที่มีผู้โหลด application ทางรัฐและลงทะเบียนกันอย่างล้นหลามจนระบบล่มเป็นระยะ ใครๆก็อยากได้เงิน 1 หมื่นบาทหากมีสิทธิจะได้ มีน้อยคนที่จะยอมเสียสิทธิอันพึงได้ไป รู้ทั้งรู้ว่า เงินที่จะนำมาใช้ส่วนใหญ่ต้องกู้มา ทำให้หนี้สารธาราณะท่วมท้น จะมีสิทธิหรือไม่มีสิทธิรับเงิน จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เราก็ต้องร่วมแบกภาระหนี้ร่วมกันทั้งประเทศ ประเทศเราต้องใช้หนี้รวมดอกเบี้ยจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด แม้จะแจกเเงินเป็นกระเป๋าดิจิตัล ที่นำไปใช้หนี้ก็ไม่ได้ จ่ายค่าน้ำค่าไฟที่ค้างอยู่ก็ไม่ได้ จ่ายค่าเล่าเรียนลูกก็ไม่ได้ จ่ายเป็นค่าเชื้อเพลิงก็ไม่ได้ ซื้อเครื่องไฟฟ้าก็ไม่ได้ ต้องนำไปซื้อของกินของใช้เฉพาะจากร้านที่อยู่ในระบบภาษีและเข้าร่วมโครงการเท่านั้นก็ตาม แต่ถ้าเราไม่เอาคนอื่นเขาก็เอา ฉะนั้นเอาไว้ก่อน อื่นๆค่อยว่ากัน
เราไม่ค่อยนึกถึงส่วนรวม ไม่ค่อยนึกถึงประเทศชาติ เพียงนึกไม่ให้ตัวเราเองต้องเสียเปรียบ คนอื่นเขาได้เราก็ต้องได้ ประเทศจะถึงแก่หายนะ นั่นไม่เกี่ยวกับเรา ถึงจะไปเบียดบังงบประมาณทั้งปี 67 และปี 68 อีกกว่าแสนล้าน ที่เขาใช้คำว่า ได้จากการบริหารจัดการงบประมาณ ก็ตามก็ดีกว่าเอาเงินไปให้พวกนักการเมืองและข้าราชการประจำทุจริตคอรัปชั่นกัน อย่างน้อยพวกเรายังได้บ้าง นี่คือวิธีคิดของพวกเรา
ดังนั้นการมีผู้คนแห่กันลงทะเบียนกันถึงกว่า 20 ล้านคน เพียงวันที่ 3 ที่เปิดให้ลงทะเบียน จึงไม่ใช่เรื่องแปลก การที่ระบบล่ม ระบบรวน ใช้งานไม่สะดวกและยุ่งยาก ก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน นั่นไม่ได้หมายความว่า นโยบาย digital wallet จะสำเร็จและแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้
เพื่อความเป็นธรรม ต้องบอกว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้พวกเราต้องลำบากอยู่ในขณะนี้ ไม่ได้เกิดจากรัฐบาลนี้เท่านั้น แต่เป็นผลที่สะสมมาจากทุกรัฐบาลที่ผ่านมาที่ไม่มียุทธศาสตร์ที่โฟกัสที่จุดแข็งของประเทศ แผนยุทธศาสตร์ 20 ปีที่มีอยู่ ก็เป็นแผนยุทธศาสตร์ที่ไร้ยุทธศาสตร์ ครอบคลุมไปหมดทุกเรื่อง ในขณะที่เราจำเป็นต้องเลือกโฟกัสเพียงบางเรื่อง แล้วทุ่มเทให้กับมัน เพราะเราไม่สามารถทำทุกอย่างได้พร้อมกันเนื่องจากทุกประเทศมีทรัพยากรจำกัด
การที่ทำโน่นนี่อย่างละนิดอย่างละหน่อย ไม่ได้ทุ่มเทในบางเรื่องอย่างแท้จริง เป็นผลทำให้ความสามารถในการแข่งขันของเราสู้ประเทศอื่นๆที่เป็นคู่แข่งไม่ได้ อุตสาหกรรมต่างๆที่มีอยู่จึงเป็นอุตสาหกรรมที่ล้าหลัง ไม่มีการพัฒนายกระดับเทคโนโลยีให้ล้ำหน้าประเทศอื่นๆ มีนวัตกรรมน้อยมาก ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ปัจจุบันมีเพียง 3-4 บริษัทที่พอจะผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าได้ เทียบกับจึนที่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆของประเทศจีนได้อย่างก้าวกระโดดจนแซงหน้าประเทศตะวันตกในเวลาที่รวดเร็วมาก แต่ประเทศเรากลับย่ำอยู่กับที่ หรือจะเรียกว่าถอยหลังก็ได้
ทั้งหมดนี้ digital wallet ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้เลย อย่าไปหวังว่า digital wallet จะทำให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น ผลที่จะเกิดขึ้นจาก digital wallet ก็เพียงทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นบ้าง เพราะอย่างที่พูดกันว่า สำหรับคนที่พอมีฐานะ ไม่ถึงกับยากจนเขาก็เพียงใช้เงินจาก digital wallet ซื้อของที่ต้องซื้ออยู่แล้ว แต่แทนที่จะใช้เงินจากรายได้ปกติหรือจากเงินออม ก็ใช้เงินจาก digital wallet แทน ดังนั้นจึงไม่ได้ทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างเต็มร้อย ยิ่งไม่มีทางเกิดการลงทุนเพิ่ม หรือทำให้บางครอบครัวสามารถตั้งตัวได้อย่างที่คุยโม้กัน
อย่างไรก็ดี แม้มีการให้ลงทะเบียนไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่า จะเริ่มแจกเมื่อใด บอกได้เพียงว่าไม่เกินปลายเดือนธันวาคม นั่นแสดงความไม่เคยพร้อมของรัฐบาล แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะมีโอกาสสูงมากที่ท่านที่ลงทะเบียนไปแล้ว อาจจะไม่ได้รับเงินเลยก็ได้ เพราะรัฐบาลชุดนี้อาจต้องออกไปก่อนที่จะเริ่มแจกเงินได้ อย่างนั้นใครจะมาเป็นรัฐบาลชุดใหม่ต่อจากรัฐบาลชุดนี้
การพบปะเล่นกอล์ฟ กินเลึ้ยง ร้องเพลงกันที่เขาใหญ่ ไม่ใช่เป็นการสังสรรกันธรรมดาอย่างแน่นอน และการที่คุณทักษิณยื่นศาลอาญาเพื่อขออนุญาตเดินทางไปดูไบ ก็ไม่ใช่เพราะไปรับการรักษาโรคปลอมๆ และพบปะกับคนสำคัญอย่างแน่นอนเช่นกัน ทั้ง 2 เหตุการณ์ น่าจะเกี่ยวข้องกัน เป็นการเจรจาต่อรองกันทางการเมือง ที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้หรือไม่ คุณทักษิณจึงพยายามออกไปตั้งหลักนอกประเทศอย่างกระทันหันเช่นนี้ โล่งอกที่ศาลอาญาท่านไม่อนุญาต เพราะหากอนุญาตกระบวนการยุติธรรมของประเทศเราก็คงพินาศย่อยยับไปทั้งหมดแล้วอย่างแท้จริง
รัฐบาลชุดต่อไปจะเป็นรัฐบาลแบบใด หากเป็นรัฐบาลที่มาจากกลไกทางการเมืองอย่างที่เป็นอยู่ จะเป็นรัฐบาลเพื่อไทย รัฐบาลภูมิใจไทย รัฐบาลพลเอก ประวิตร รัฐบาลลุงตู่ ล้วนไม่สามารถนำพาประเทศไปสู้เป้าหมายที่ควรจะเป็นได้ แต่รัฐบาลที่จะสามารถแก้ปัญหาได้ ก็ต้องไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร เพราะการทำรัฐประหารทุกครั้ง ต้องมีการให้ตำแหน่งเพื่อต่างตอบแทนกันอย่างมากมาย โดยเฉพาะเพื่อตอบแทนแม่ทัพนายกองต่างๆ นั่นคือจุดอ่อนและอุปสรรคของการบริหารประเทศอย่างมาก
รัฐบาลที่จะสามารถแก้ปัญหาในระยะยาวได้ต้องเป็นรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีเป็นคนมือสะอาดอย่างแท้จริง ซึ่งหมายความว่าต้องไม่ใช่นักการเมือง ต้องมีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ และมีความสามารถในการบริหาร เข้าใจเรื่องแผนยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง และคิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ที่สำคัญคือต้องสามารถเลือกคณะรัฐมนตรีทั้งหมดได้เองอย่างอิสระ โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงโควต้าของพรรคหรือกลุ่มการเมืองใดๆ
เราจะได้รัฐบาลแบบนี้มาได้อย่างไร ขอบอกว่า ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ เราคอยดูกันต่อไปตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในประเทศของเรา ถึงวันนั้นเมื่อใดก็จะรู้เอง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี