‘วิษณุ’ปัดตอบเหมาะสมหรือไม่‘องคมนตรีประยุทธ์’แสดงความเห็นการเมือง แต่เชื่อรู้กรอบระเบียบวินัย ชี้ กระแสหวนนั่งนายกฯ เหตุยังเป็นแคนดิเดตอยู่ สิ้นสุดเมื่อหมดสมัย มองหากเกิดอุบัติเหตุคงไม่รับตำแหน่ง

เมื่อเวลา 09.40 น.วันที่ 6 สิงหาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ตั้งคำถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ขณะเดินทางการไปร่วมงานศพมารดาของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยมีการพูดคุยเรื่องการเมืองกับนายยกรัฐมนตรีนั้นเหมาะสมหรือไม่ว่า ตนไม่ขอตอบ เพราะตนไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าใครแสดงความเห็นอะไรทางการเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการกล่าวอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำชับ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติในเรื่องการทำงานร่วมกับรัฐบาล นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เนื่องจากเป็นข่าว จะจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ แล้วท่านพูดว่าอย่างไรนั้น ไม่ทราบ แล้วสื่อฯเอามาสรุปอีกทีหนึ่งว่าเป็นอย่างนี้ ท่านเป็นองคมนตรี ท่านรู้กรอบ ระเบียบ  วินัย เพราะเขาอยู่กัน 19 คน อยู่กันได้ปกติ ภายใต้กฎระเบียบวินัย และภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่เป็นปัญหา แต่ผู้สื่อข่าวเองอาจจะเอามาสรุปว่าอย่างนั้น

เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมา ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเป็นองคมนตรี และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ สามารถกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง นายวิษณุ กล่าวว่า มันไม่เชิงเป็นกระแส แต่เป็นการพูดกันไปมาเท่านั้นเอง บางคนอาจจะพูด อาจจะคิด เพราะชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่ จะลาออกหรือจะถอนตัวก็ไม่ได้ จะสละอะไรขณะนี้ก็ยังไม่ได้ แต่เมื่อถึงเวลาหากถูกเรื่องขึ้นมาสามารถสละตำแหน่งที่สภาเขาเลือกได้

เมื่อถามว่า ถ้าถึงเวลาแล้วเลือก พล.อ.ประยุทธ์ สามารถไม่รับตำแหน่งได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า แน่นอน ก่อนจะมีใครเสนอชื่อคงต้องไปถามก่อน แล้วท่านคงจะปฏิเสธตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะสิ้นสุดต่อเมื่อหมดสมัยสภา ซึ่งตามกฎหมายลาออกไม่ได้ อย่างไรก็ตาม คงเป็นกระแส เพราะองคมนตรีคนอื่นไม่ได้เป็นกระแส เพราะไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะนัดวินิจฉัยคดีของนายกรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่าผลพิจารณาอาจเป็นลบต่อนายกรัฐมนตรี หากเป็นเช่นนั้น ขั้นตอนจะเป็นอย่างไรว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องเรียกประชุม เพื่อสรรหาผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยระหว่างการสรรหา รัฐบาลชุดเดิมยังคงทำหน้าที่รักษาการอยู่