ศาลรธน.คุมเข้มวันพิพากษา 7 ส.ค.
ชี้ชะตา‘ก้าวไกล’
‘หมออ๋อง’โวเล็งจัดปาร์ตี้
มั่นใจผลออกมาเป็นบวก
ปลุกสาวกรวมตัวที่พรรค
ร่วมกิจกรรม‘ก.ก.ไปต่อ’
ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำพิพากษาชี้ชะตายุบพรรคก้าวไกลใช้นโยบายหาเสียงแก้ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯคุมเข้มมาตรการความปลอดภัย “หมออ๋อง”รอฉลองใหญ่เชื่อคำตัดสินเป็นบวกแน่นอนเหล่าส้มเตรียมจัดงานปาร์ตี้ ด้านพรรคก้าวไกลโพสต์ปลุกมวลชนร่วมกิจกรรม“ก้าวไกลไปต่อ!”นัดพบบ่ายโมง ฟังคำวินิจฉัยด้วยกันขณะที่นายกฯไม่ทราบ“พิธา”คุยทูต18ประเทศ เรื่องคดียุบพรรคก้าวไกล ลั่นไทยเป็นเอกราช ไม่มีใครมีสิทธิ์ไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 7สิงหาคม 2567 คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ ลงมติและออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรค การเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ตาม พ.ร.ป ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง จากเหตุมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรคหนึ่ง(1) และ (2) ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจ ฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ที่ระบุว่า เสนอร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ.... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่ง สส.พรรคก้าวไกล 44คน เข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 25 มี.ค. 2564 และใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งปี2566 เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชา ธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดการกระทำนั้น
โดยเวลา 9.30น.ศาลรัฐธรรมนูญจะเริ่มประชุมแถลงด้วยวาจา ลงมติ และจัดทำคำวินิจฉัยก่อนออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น.ตามที่นัดหมาย
สำหรับการจัดมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อรองรับการวินิจฉัยคดี ในวันนี้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้คุมเข้มมาตรการความปลอดภัยโดยรอบอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์(อาคาร A) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตามประกาศศาลรัฐธรรมนูญเรื่องอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ฉบับลงวันที่ 31 ก.ค.67 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันพุธที่7 ส.ค.ตั้งแต่ เวลา 00.01 น.ไปจนถึงเวลา 23.59 น. โดยกำหนดห้ามผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ควบคุม เว้นแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มาปฏิบัติงาน หรือมาติดต่อราช การ และต้องผ่านการตรวจตัวบุคคลและสิ่งของที่นำมาตามวิธีการของเจ้าหน้าที่ด้านการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย เนื่องจากอาจมีสถาน การณ์ความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น โดยมีการนำแผงรั้วเหล็กมากั้นโดยรอบพื้นที่ทั้งด้านในและด้านนอกอาคาร และประสานทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 และสน.ทุ่งสองห้อง จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาดูแลความปลอดภัยโดยรอบอาคารสถาน เช่นเดียวกับวันอ่านคำวินิจฉัยในคดีสำคัญๆ ที่ผ่านมา
ขณะที่บุคคลที่จะเข้ารับฟังการอ่านคำวินิจฉัยนั้น ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้เฉพาะคู่กรณีและบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยจะต้องแลกบัตร ฝากสิ่งของ อาทิ กระเป๋า โทรศัพท์มือถือ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ รวมทั้งต้องผ่านจุดตรวจค้นอาวุธ ซึ่งจะอยู่บริเวณเชิงบันไดทางขึ้นห้องพิจารณาคดี นอกจากนี้ ทางสำนักงานฯ ยังได้อำนวยความสะดวกให้สื่อมวลชนและประชาชนที่เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเองด้วยการติดตั้งจอทีวีพร้อมลำโพงไว้เพื่อถ่ายทอดการอ่านคำวินิจฉัย ส่วนประชาชนทั่วไปติดตามผลการอ่านคำวินิจฉัยผ่านช่องทางยูทูบของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่เวลา15.00น.เป็นต้นไป
ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสภาฯ ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ที่อาจจะจบเร็ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญจะมีการอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ว่า ยังไม่มีเอกสารที่เป็นทางการส่งมาถึงตนเอง แต่สุดท้ายคณะกรรมการประสานงาน (วิป) ว่าอย่างไรก็คงต้องเป็นวิจารณญาณของประธานสภาฯ เพราะระเบียบวาระต่างๆก็คงดำเนินต่อไป แต่ก็เข้าใจฝั่งการเมือง เพราะสมาธิในการประชุมก็คงจะไม่มี ถ้าเลิกประชุมเร็วหรือมีการพักการประชุมได้ ก็อาจจะเป็นประโยชน์ก็ได้
นายปดิพัทธ์ กล่าวถึงคดียุบพรรคก้าวไกลที่จะมีความเกี่ยวข้องกับตนว่า ตอนนี้ตนมีกำลังใจดีมาก เพราะเราไม่ได้เตรียมตัวว่าจะต้องอยู่นาน รู้อยู่แล้วว่ารัฐธรรมนูญ 60 มีข้อน่ากังวลอยู่หลายประเด็น ทั้งนี้ถ้ามองข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล ผลคำวินิจฉัยก็น่าจะเป็นคุณ แต่เราก็ต้องเตรียมไว้หลายแผนรับรอง แต่ตอนนี้ทำงานแบบที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็พร้อมรับทุกสถานการณ์อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าที่มีการพูดถึงว่าจะดึงองค์กรต่างประเทศ เข้ามาติดตามเรื่องคดียุบพรรคก้าวไกลจะส่งผล ต่อความเป็นประชาธิปไตยหรือการเมืองไทยในอนาคตหรือไม่ นายปดิพัทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ประชาชนรู้ดี ถ้าเราเป็นประเทศปิดเหมือนพม่าหรือกัมพูชา เราคงไม่ต้องสนใจต่างชาตินัก แต่ประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิด และมีตัวตนในเวทีโลก ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เราจะบอกว่าขอมีตัวตนในโลก แต่ไม่ให้โลกจับตามองประเทศไทย ตนก็ต้องถามกลับว่าเรา อยากมีตัวตนอย่างไรในเวทีโลกมากกว่า ส่วนที่บางคนใช้คำว่า “เป็นมารยาท” ไม่ควรแทรกแซงนั้น นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ตนคิดว่าก็วิจารณ์กันได้
“เมื่อวานก็มีรองโฆษกรัฐบาลได้เผยแพร่ข่าวในเว็บไซต์ ผมก็ไม่แน่ใจว่าอันนั้นเรียกว่าไร้มารยาทหรือไม่ ผมคิดว่าเราพูดกันตรงๆดีกว่า ว่าถ้าเราปล่อยให้บ้านเมืองเป็นไปอย่างนี้ เราจะได้รับการยอมรับจากทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างไร แน่นอนจะบอกว่าเราไม่แคร์ก็ได้ ว่าต่างประเทศจะคิดกับเราอย่างไร แต่สำหรับผมแล้วในฐานะที่เป็นตัวแทน ของสภาในหลายเวทีในโลกนี้ ต้องยอมรับว่าความพยายามที่เราจะมีตัวตนในโลกนี้สอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีความเป็นประชาธิปไตย คงส่งผลต่อทั้งศักดิ์ศรีของสภาฯ ส่งผลต่อตัวตนของรัฐบาล และส่งผลต่อการเจรจาการค้าอีกหลายมิติ” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า พรุ่งนี้ หากเสร็จสิ้นจากงานสภาแล้ว จะเดินทางไปร่วมงานที่พรรคก้าวไกลแน่นอน “ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อนของผม ก็บอกว่ามีปาร์ตี้อยู่แล้ว ถ้าผลเป็นคุณก็ปาร์ตี้เลย ถ้าผลไม่เป็นคุณก็ปาร์ตี้หนักเลย เพราะการให้กำลังใจกันการอยู่ด้วยกัน ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเป็นคุณค่าที่เราอยู่ร่วมกันอยู่แล้ว” นายปดิพัทธ์กล่าว
ทางด้าน เพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกลโพสต์ภาพ พร้อมข้อความ ระบุว่า ก้าวไกล ไปต่อ! โดยระบุว่าแวะมาย้ำเตือนกันอีกสักรอบ พรุ่งนี้ 7 สิงหาคม 2567 พรรคก้าวไกล ขอเรียนเชิญพี่น้องประชาชนทุกท่าน มาร่วมกิจกรรมและรับฟังคำวินิจฉัยพร้อมกัน ณ อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไปโดยเราจะมีกิจกรรมภายในงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Exclusive Lecture : การบรรยายพิเศษ จาก ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในหัวข้อ “ศาลรัฐธรรมนูญกับการยุบพรรคการเมือง” กิจกรรมจากฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ พรรคก้าวไกลพร้อมรับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญร่วมกันแล้วพบกันในวันพรุ่งนี้ณ อาคารอนาคตใหม่ (รามคำแหง 42 หัวหมาก12)
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล หารือกับทูต 18ประเทศถึงคดียุบพรรค จนหลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยว่า ตนไม่ทราบว่ามีการคุยกันในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะมีการพบกัน แต่ไม่ทราบเนื้อหาว่ามีการพูดคุยอะไรกันบ้างแต่กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ส่วนตัวคิดว่าทั้ง 18 ประเทศ ระบบยุติธรรมและระบบบริหารแยกกันชัดเจน ฝ่ายบริหารไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายกับกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และกระบวนการยุติธรรมของไทย ก็เป็นกลางและเป็นสากล ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายอยู่แล้ว
“ผมคงพูดแทนท่านอื่นไม่ได้ แต่ผมเคารพกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ผมเข้ามาเป็นนายกฯ เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ถ้ามีประเด็นหรือมีผู้ร้องเรียน ก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องแจ้งไปที่ระบบยุติธรรมและคอยการตัดสิน กรณีของผมก็ได้แจ้งไปแล้วว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ยื่นไปแล้ว ก็คอยวันตัดสินคือวันที่ 14 ส.ค. และผมไม่ได้ไปพูดคุยกับใครทั้งสิ้น ประเทศเราก็เป็นเอกราช แต่ต้องให้ให้เกียรติทางนั้นเขาเหมือนกัน ผมไม่ทราบว่ารายละเอียดการพูดคุยสนทนามีเรื่องอะไรบ้าง” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์โดยเฉพาะในวันที่ 7 ส.ค. ที่จะตัดสินคดีของพรรคก้าวไกล ได้พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนตนไม่ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงและมั่นใจว่า ทุกคนตั้งอยู่บนความสงบและยอมรับคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และความจริงแล้วเราก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี