‘วิโรจน์’เผยพรรคใหม่ ส่งคนลงเลือกตั้งซ่อมเขต 1 พิษณุโลกแน่นอน แต่ขออุบชื่อไว้ก่อน อัด‘เรืองไกร’สร้างวิบากกรรมซ้ำหวังอยากให้ประเทศเหมือนเดิม ลุยผลักดันกฎหมายเข้าสภาแม้เสียโควตารองประธานฯ
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 8 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 1 พิษณุโลก จะส่งคนลงสมัครหรือไม่ ว่า ลงแน่นอน และตนคงไปชวยหาเสียงด้วย ส่วนตัวบุคคลของอุบไว้ก่อน แต่ต้องเป็นบุคคลที่ทำงานกับพรรคมาเป็นเวลานานพอสมควร
เมือถามว่า ดูเหมือนวิบากกรรมของพรรคก้าวไกลยังไม่จบ ล่าสุดนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ให้สอบคดี 44 สส. ยื่นแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายวิโรจน์ กล่าวว่า พรรคการเมืองที่พยายามสร้างความเปลี่ยนแปลง และพยายามผลักให้ประเทศเดินไปข้างหน้า โดยส่วนมากก็จะมีวิบากกรรมเช่นนี้ แต่ตนคิดว่าถ้าเราเจอกับวิบากกรรม คนที่เขาสร้างวิบากกรรมอย่างนี้ เพราะเขาต้องการให้บ้านเมืองเป็นเหมือนเดิม ต้องการให้บ้านเมืองอยู่ในกรอบที่เขาอยากให้เป็นเหมือนเดิม ไม่อยากให้บ้านเมืองเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างที่ประชาชนอย่างน้อยๆเป็นหลักล้านคนที่ต้องการเห็น ซึ่งวิบากกรรมเหล่านี้เขาสร้างมาเพื่อสิ่งนั้น แล้วเราจะยอมเขาหรือ
“สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือการสร้างระบบงาน ระบบพรรคให้ประชาชนไว้วางใจและขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ให้ประเทศพัฒนาไปในจุดที่ประชาชนคาดหวังได้ตรงนี้สำคัญที่สุดโดยที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับคน แม้บุคลากรมีความสำคัญแต่ถ้าพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง ถูกผูกไว้กับคนหนึ่งคน การที่จะกำจัดพรรคการเมืองแบบนี้มันง่ายมาก คือแค่กำจัดคนๆนั้น แต่ถ้าพรรคการเมืองร้อยรัดกับประชาชนให้ความสำคัญกับระบบและอุดมการณ์ ต่อให้บุคคลคนนั้นสูญสลายหายไป ไม่วาจะด้วยเหตุผลกลใด แต่พรรคการเมืองเคลื่อนไปข้างหน้าต่อได้เพราะประชาชนเป็นคนหนุนหลังและเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามว่าคาดหวังหรือไม่ว่าการยุบพรรคครั้งนี้จะเป็นการยุบครั้งสุดท้าย นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราคาดหวังว่าเป็นครั้งสุดท้ายและเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ถ้าพวกเราร่วมมือกับพรรครัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ในการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดสรรอำนาจที่พอเหมาะพอสม ให้กับองค์กรอิสระ เพราะองค์กรอิสระที่มีอำนาจมากขนาดนี้ถูกตั้งคำถามจากสังคมว่าการตรวจสอบถ่วงดุลยังอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม และยึดโยงกับประชาชนหรือไม่ และจำกัดอำนาจให้พอเหมาะพอสมลง
เมื่อถามว่าการทำงานในสภาฯโดยเฉพาะการขับเคลื่อนกฎหมาย พรรคก้าวไกลจะเสียเปรียบหรือไม่ เพราะไม่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาฯคนที่ 1 และเสียโควตารองประธานสภาฯไป นายวิโรจน์ กล่าวว่า คิดว่าต้องติดตามดู คนที่ขึ้นมาเป็นรองประธาน ก็คงต้องมีความเป็นกลางและตนเชื่อว่าการขับเคลื่อนกฎหมายต่างๆของพรรคก้าวไกล ในสไตล์ของเรา คือเราพยายามชี้แจงและการมีส่วนร่วมของประชาชน เราไม่เคยรู้สึกว่าอยู่ดีๆ กฎหมายก็เข้าสู่สภาฯ แต่เราจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงความสำคัญของกฎหมายนั้น และจำเป็นต้องมีการแก้กฎหมายนั้นอย่างไร เราพยายามทำให้มีความโปร่งใส และให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่ครบ 4 ปี ก็ไปกากบาทในคูหา 3 วินาที แล้วมอบอำนาจให้นักการเมืองหมดสิ้น เราจึงให้ความสำคัญกับประชาชนมีส่วนร่วม เมื่อมีพรรคใหม่แล้ว ก็จะมีการจัดกิจกรรมสัมพันธ์สมาชิกและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอกฎหมายเหมือนเดิม ฉะนั้น ไม่ว่ารองประธานเป็นใคร เราทำงานได้เหมือนเดิม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี