ปปช.ลุยไต่สวนคดีเสนอแก้ม.112
44สส.ก้าวไกลระทึก
กระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง
โทษหนักถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต
เลขาฯปปช.ชี้เบื้องต้นคดีมีมูล
143สส.ยกทีมย้ายเข้าบ้านใหม่
ป.ป.ช. เผยอยู่ระหว่างไต่สวนคดี “44 สส.อดีตก้าวไกล’ เข้าชื่อแก้ไขมาตรา 112ชี้ยึด “คำวินิจฉัยศาลฯ” เพียงอย่างเดียวไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ต้องเปิดโอกาสให้ชี้แจง ต้องเป็นธรรมทุกฝ่าย ยันไร้อคติ-แทรกแซง-ใบสั่งการเมือง “เรืองไกร”จี้
ปปช.ฟัน44สส.ก้าวไกล ฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่ “เต้ มงคลกิตติ์”บุก ตร.จี้ดำเนินคดีอาญาข้อหากบฏ”พิธากับพวก” ด้านแกนนำก้าวไกลไม่กังวล หลัง44ส.ส.อาจถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต “พิธา” ถามกลับ โทษแรงเหมาะสมกับความผิดหรือไม่ สส.อดีตพรรคก้าวไกล ทั้ง 143 คน ย้ายไปพรรคใหม่ 100% ไม่มีงูเห่า เตรียมเปิดพรรคใหม่ 9 สิงหาคมนี้ ‘ศิริกัญญา’นั่งหัวหน้าพรรค ‘เท้ง ณัฐพงษ์’ เลขาฯ สส.‘ถิ่นกาขาว’ยังเต็งว่าที่พรรคใหม่
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (เลขาฯป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบจริยธรรม 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อเพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 ว่า ขณะนี้ได้นำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว และมีมติการตรวจสอบมีมูลเบื้องต้น มีพยานหลักฐานตามแนวความคิดเห็นของศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป.ป.ช.ก็มีมติสั่งไต่สวนทั้ง 44 สส. ส่วนข้อเท็จจริงยังอยู่ในระหว่างการไต่สวน เรายังไม่ได้ให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการเปิดให้ผู้ต้องหาชี้แจงต่อไป
ใช้เวลาไม่นานเหตุข้อเท็จจริงครบ
เมื่อถามว่า ระยะเวลาการพิจารณาจะยาวนานหรือไม่ เลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะนาน เพราะข้อเท็จจริงก็ปรากฎครบถ้วน อยู่ที่การวินิจฉัยในข้อกฎหมาย และเจตนา ส่วนกรณีคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความที่ยื่นร้องในคดีนี้ ที่มีการแนบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง จะถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญในการนำมาประกอบการพิจารณาหรือไม่นั้น อาจเป็นข้อเท็จจริง หรือเป็นพฤติกรรม อยู่ที่คณะกรรมการไต่สวนจะพิจารณา ตนไม่ก้าวล่วง
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ออกมาระบุ เนื่องจากศาลฯมีคำวินิจฉัยในกรณีนี้ไปแล้ว ทาง ป.ป.ช.ไม่จำเป็นต้องไต่สวนเรื่องนี้อีก นายนิวัติไชย กล่าวว่า เรื่องการให้ความเป็นธรรม อยู่ที่ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน หากเรื่องนี้แล้วเสร็จ ก็ต้องไปจบในชั้นศาลฯ ศาลฯ ต้องใช้ดุลยพินิจพิจารณา หากเราจะใช้คำวินิจฉัยล้วนๆ ก็อาจจะไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ดังนั้นข้อเท็จจริงต้องถึงที่สุด พยานหลักฐานต้องฟังให้ได้ วันนี้เรายังไม่ได้เปิดให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเลย ถือว่ายังไม่ครบถ้วนตามข้อกฎหมาย
เมื่อถามว่า จะใช้หลักการว่าคำวินิจฉัยของศาลฯผูกพันทุกองค์กรได้หรือไม่ เลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวว่า จะต้องไปดูว่าผูกพันเรื่องอะไร ยืนยันว่าคดีนี้อยู่ระหว่างการไต่สวน
ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้าน นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คดีนี้มีผู้ทุกกล่าวหาหลายราย ดังนั้นข้อเท็จจริงในแต่ละรายอาจแตกต่างกัน ในการไต่สวนต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ต้องให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งคุณและโทษ ต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสชี้แจงเต็มที่ กระบวนการยุติธรรมรวบรัดไม่ได้ จึงต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ได้มีการไต่สวน ขณะนี้คณะกรรมการฯกำลังดำเนินการไต่สวน ไม่ได้ล่าช้า และไม่ได้ละเลย คำวินิจฉัยของศาลฯ เราก็นำมาประกอบพิจารณา แต่ต้องพิจารณาทุกแง่มุม ยืนยันว่าคณะกรรมการไต่สวนไม่มีอคติ ยึดบนข้อเท็จจริง กฎหมาย แต่จะเอารวดเร็วดั่งใจไม่ได้ การล่าช้าเป็นการปฏิเสธความยุติธรรม แต่ถ้ารวบรัดเกินไปความเป็นธรรมก็อาจจะไม่เกิด
ยันไม่มีใบสั่งทางการเมือง
เมื่อถามถึงกรอบเวลาในการพิจารณาเรียกผู้ถูกกล่าวหาเข้าสู่กระบวนการไต่สวน นายเอกวิทย์ กล่าวว่า ต้องดูหลักฐานของแต่ละราย และในการจะเชิญแต่ละคนมา บางคนก็ติดธุระ มาไม่ตรงตามเวลาที่เรานัด รวมถึงการขอเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ อาจจะยังไม่ได้รับ แต่ตนยืนยันว่าดำเนินการไปตามทุกขั้นตอน พร้อมย้ำว่า ไม่มีใบสั่งจากไหน หรือเข้าข้างพรรคการเมืองฝ่ายใด เราอยู่ในฝั่งที่เป็นกลาง และให้โอกาสทุกฝ่าย ยืนยันว่าไม่มีใบสั่งทางการเมือง ไม่มีเข้าข้าง และไม่มีใครมาสั่งตนได้
เมื่อถามว่าการเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา112 ถือว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า หากเป็นความผิดทางอาญา ก็อาจเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเอาผิดทางการเมือง ตนคิดว่าอยู่ที่ข้อเท็จจริงและหลักฐานมากกว่า เชื่อว่าประชาชนและสื่อมวลชนตรวจสอบได้
‘เรืองไกร’จี้ ปปช.ฟัน44สส.ก้าวไกล
ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือ ด่วนพิเศษทางไปรษณีย์ (อีเอ็มเอส) เพื่อขอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รีบดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจด้วยการขอคัดสำเนาคำวินิจฉัยและสรรพเอกสารในสำนวนคดีทั้งสองจากศาลรัฐธรรมนูญมาถือเป็นพยานหลักฐานในสำนวนไต่สวนของ ป.ป.ช. ตามนัยมาตรา 235 วรรคหนึ่ง ประกอบนัยมาตรา 234 วรรคหนึ่ง (1) และรีบส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) ต่อไปว่า สส.อดีตพรรคก้าวไกล จำนวน 44 คน มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า การที่ สส.อดีตพรรคก้าวไกล 44 คน ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันเป็นการลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ซึ่งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันองค์กรอิสระด้วย ป.ป.ช. ต้องทราบดีว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวผูกพัน ป.ป.ช. และใช้ได้ในคดีทั้งปวงที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของ ป.ป.ช. ด้วย จึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจด้วยการรีบส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) ต่อไปว่า กรณีข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นที่ยุติแล้วในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 3/2567 วันที่ 31 ม.ค.2567 และในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 7 ส.ค.5267 จะเป็นเหตุให้ สส.อดีตพรรคก้าวไกล จำนวน 44 คน เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่
“เต้”บุก ตร.จี้ดำเนินคดีข้อหากบฏ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำวินิจฉัยตัดสินยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ์ทางการเมือง กรรมการบริหารพรรค 10 ปี ในคดีล้มล้างการปกครอง เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษไปต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดรวม 11 คน ว่าเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 วรรค 1 ฐานล้มล้างสถาบันการปกครองและเป็นกบฏ หรือไม่
ฝากถึงพรรคใหม่อย่าแตะต่อง ม.112
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของพรรคก้าวไกลในการหาเสียงเรื่องยกเลิก ม.112 เป็นพฤติกรรมร้ายแรง และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญก็มีผลผูกพันธ์กับทุกองค์กร ดังนั้นในฐานะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รักษากฎหมาย ก็ขอให้ดำเนินคดีอาญาด้วย ซึ่งตนเองก็พร้อมจะเป็นพยานในคดี ส่วนประชาชน 14ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล ถือว่าไม่เข้าข่ายสนับสนุนการกระทำความผิด เพราะเลือกตั้งมาด้วยความบริสุทธิ์และพรรคก้าวไกลก็มีนโยบายอื่นกว่า 300 ข้อ ประกอบกับกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับเฉพาะพรรคการเมืองเท่านั้น พร้อมยืนยันว่าที่ตนเองออกมาร้องทุกข์ครั้งนี้ไม่ได้หิวแสง และไม่ได้ต้องการเหยียบย่ำซ้ำเติม แต่ตนเองต่อต้านการนำนโยบายยกเลิก ม.112 มาหาเสียงตั้งแต่แรกแล้ว
แกนนำก้าวไกลยืนยันไม่กังวล
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีมีการร้องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนเอาผิดเรื่องจริยธรรมอดีต ส.ส.ก้าวไกล 44 คน ที่ร่วมกันลงชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งถือว่ามีโทษสูงถึงขั้นตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตนั้น ว่า ไม่ได้มีความกังวลอะไร ส่วนของจริยธรรมทางการมองว่าเป็นเรื่องของรายบุคคลซึ่งเชื่อว่าแต่ละคนก็สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงในส่วนของตัวเองได้ว่ากระทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไรและยืนยันว่าทุกคนไม่ได้ทำผิดจริยธรรมแค่มุ่งหวังให้การแก้ไขกฎหมายต่างๆเป็นไปอย่างถูกต้องในระบอบประชาธิปไตยมากกว่า
“พิธา”ถามกลับโทษแรงไปหรือไม่
ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวว่า เรื่องที่ถูกร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบจริยธรรมครั้งนี้ ไม่กังวลแต่ไม่ประมาทยังยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ พร้อมทั้งตั้งคำถามกลับว่าจริยธรรมของคนทุกคนไม่เหมือนกันและไม่มีมาตรฐานที่ตายตัว ไม่ถึงขั้นผิดกฎหมายด้วยซ้ำแต่โทษกลับรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตทางการเมือง ตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสัดส่วนทางกฎหมายสิ่งที่กระทำกับโทษที่ต้องรับไม่สอดคล้องกันหรือไม่
หวังไม่เกิดผลร้ายกับประเทศไทย
นายพิธา กล่าวถึงการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่อ้างไปถึงมารยาทของการแสดงความคิดเห็นจากสถานทูต และต่างประเทศ ว่ากังวลใจ เพราะแต่ละส่วนเกี่ยวข้องกับประชาคมโลก ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล นิตบัญญัติ ตุลาการ ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด อีกทั้งประเทศไทย ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ทั้ง FTA OECD ขณะเดียวกันฝั่งตุลาการอย่างศาลรัฐธรรมนูญ ในช่วงกลางเดือนก็จะมีการเชิญร่วมประชุมนานาชาติ และมีส่วนหนึ่งที่ระบุถึงความเกี่ยวข้องของศาลรัฐธรรมนูญไทยกับต่างประเทศ
“พูดในฐานะนิติบัญญัติ การจะพูดถึงประชาคมโลก หรือตำหนิใครแรงๆ ก็ต้องระวัง การที่ไปเตือนว่า อาจจะสะท้อนกลับมาหาเราได้ ไม่ใช่ว่าจะยึดว่าประเทศเรามีกฎหมายแบบเดียว ทั้งๆ ที่ก็มีกฎหมายสากลอยู่ด้วย อีกทั้งการเชิญศาลอื่นมาประชุมก็หมายความเรายอมรับ เราพูดถึงเขาได้ เขาก็ต้องพูดถึงเราได้” นายพิธา และว่า ก็หวังและไม่อยากให้เกิดผลร้ายอะไรกับประเทศไทย แต่ก็ไม่สามารถไปเดาใจกับหน่วยงานประชาคมโลกได้ เพราะเราควรจะให้ประเทศชาติบ้านเมืองมาเป็นอันดับแรก
“วิโรจน์”ปัดเช็คชื่อ แต่เช็คหัวใจเพื่อน
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าการนำสมาชิกไปเปิดตัวสังกัดพรรคใหม่ ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ จะมากันครบหรือไม่ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ในคดีล้มล้างการปกครอง ว่า เราไม่ได้มีการเช็คชื่อ แต่เรามีการเช็คหัวใจกัน มีการพูดคุยกัน จากการหารือคิดว่าน่าจะไปสมัครพร้อมกัน คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนชื่อพรรคที่จะไปสังกัดใหม่นั้น ขอให้รอก่อน ตนยังบอกไม่ได้ เพราะตนก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ยืนยันว่า พวกเราจะไปในที่ใหม่อย่างพร้อมเพรียง ส่วนเรื่องจำนวนเงินในการซื้อตัว สส.อดีตพรรคก้าวไกล 20-30 ล้านบาท ตนว่าไม่จริง
สส.อดีต ก.ก.ย้ายไปพรรคใหม่100%
รายงานข่าวแจ้งว่า สส.อดีตพรรคก้าวไกล ซึ่งถูกยุบพรรคไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ได้สมัครสมาชิกพรรคใหม่เรียบร้อยแล้ว ครบทั้ง 100% โดยวันที่ 9ส.ค.สส.ทั้ง 143คน จะเดินทางไปร่วมประชุมพรรคใหม่ ที่อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ ถนนเพชรบุรี ร่วมกับสมาชิกและทีมงานเครือข่ายพรรคทั่วประเทศ เพื่อร่วมกำหนดตัวผู้บริหารและทิศทางการทำงานของพรรคต่อไป โดยเวลา 12.00 น. จะมีการแถลงเปิดตัวพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่อย่างเป็นทางการและเปิดให้ประชาชนทั่วไปสมัครสมาชิกพรรค รวมถึงบริจาคเงินได้ในเวลา 14.00น.เป็นต้นไป ผ่านทางระบบออนไลน์ หลังจากนั้น ในวันเสาร์ที่ 10ส.ค.2567 จัดกิจกรรมรับสมัครสมาชิกพรรคใหม่เป็นครั้งแรก พร้อมพบปะกับสส.,สก.และผู้บริหารพรรคชุดใหม่ ที่ Stadium One ถนนบรรทัดทอง กรุงเทพฯ
+++++++++++++++++++
เปิดโผแกนนําส้มรุ่นใหม่ ‘เท้ง ณัฐพงษ์’ นั่งเลขาฯ สส.ขยาด กลัวถูกเลือกเป็นกก.บห.ถูกตัดสิทธิซ้ำรอยรุ่นพี่‘ถิ่นกาขาว’ยังเต็งว่าที่รังใหม่
‘ศิริกัญญา’รับไม้ต่อหัวหน้าพรรค
ส่วนกรณีที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ อดีตรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศจะเปิดตัวบ้านใหม่ของพรรคก้าวไกลในวันที่ 9ส.ค.นั้น แหล่งข่าวระดับสูงภายในพรรคก้าวไกล ระบุว่า เป็นที่ยืนยันแน่ชัดแล้วว่า หัวหน้าพรรคคนต่อไป จะเป็นว่าที่ผู้นำหญิง อย่าง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส่วนนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ จะรับตำแหน่งเลขาธิการพรรค เนื่องจากเป็นที่ยอมรับของ สส.หลายคน และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทํางานในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมา ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการนำทัพทีมเบื้องหลัง กลุ่มก้าว Geek โดยการเคาะชื่อผู้นำชุดใหม่ ชัดขึ้นภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื่องจากที่ผ่านมา มีการชั่งใจจากทีมยุทธศาสตร์ของพรรคและผู้มีบารมีนอกพรรคว่า จะผลักดันน.ส.ศิริกัญญา หรือนายณัฐพงษ์ โดยมีพรรคที่เป็นรังใหม่พรรคเดิม คือ พรรคถิ่นกาขาว ชาววิไล
สส.ขยาด กลัวถูกเลือกเป็นกก.บห.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนที่ยังเป็นปัญหาในตอนนี้คือ การเลือกกรรมการบริหารพรรค เนื่องจาก สส.ในพรรคส่วนใหญ่กังวลว่าจะมีจุดจบแบบเดียวกับรุ่นพี่ หากก้าวขึ้นเป็นกรรมการบริหารพรรค อาจมีเหตุให้ถูกร้องและตัดสิทธิในเวลาต่อมา จึงทำให้แทบไม่มีคนอาสาขึ้นมาทำหน้าที่ โดยมีการพูดติดตลกกันว่า “ใครเชียร์เพื่อนให้เป็นกรรมการบริหารพรรคเท่ากับแช่ง” ทั้งนี้ ก้าวไกลจะแถลงเปิดตัวพรรคใหม่ในวันที่ 9 ส.ค. ที่อาคารไทยซัมมิท และเปิดรับสมัครสมาชิกพรรค ในวันที่ 10ส.ค.ที่อาคารสเตเดียมวัน
นายกฯ เชื่อก้าวไกลเคารพคำตัดสิน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค ที่เหมือนเป็นการปลุกระดม ว่า ตนคิดว่าอย่าใช้คำว่าปลุกระดม และคิดว่าไม่ใช่ความตั้งใจของพรรคก้าวไกล ที่จะให้เกิดความวุ่นวายหรือปลุกระดม แต่เป็นการแสดงจุดยืน และตนเข้าใจว่าเป็นการประกาศที่จะเดินหน้าการเมืองต่อไป ก็ขอให้กำลังใจ ในการที่จะต้องทำงานต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องของทางการเมืองไป และตนได้พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงแล้ว ก็ไม่ได้มีข่าวอะไร ที่ทำให้เราจะต้องระมัดระวังในการปลุกระดม หากจะใช้คำนี้ไม่มีหรอก และตนก็มั่นใจว่าทางพรรคก้าวไกลเคารพการตัดสินของศาล และมีแนวทางการเดินต่ออย่างถูกต้องตามวิถีการเมืองที่ต้องเดินต่อไป ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7ส.ค. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ได้มารายงานเรื่องการชุมนุมหลังศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นไปด้วยความสงบทุกๆ ฝ่าย
ชี้มะกันค้านไม่มีความหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยต่อการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไทย นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรื่องการออกมาคัดค้านอะไร มันไม่มีความหมายอะไรหรอก เพราะเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรามีวิถีการที่จะพัฒนาเรื่องของการเมือง เรื่องของระบอบประชาธิปไตยของเราให้เป็นไปตามขั้นตอน ที่มันถูกต้อง สิ่งที่เราไม่เห็นด้วยก็แก้กฎหมายกันไป ตามวิถีของรัฐสภาอยู่แล้ว
“ผมมั่นใจว่าคนไทยทุกคนเข้าใจตรงนี้ เราคงไม่มีใครยอมให้ประเทศอื่นมาก้าวก่าย เรื่องอธิปไตยของเราหรอก ทั้งนี้อย่าใช้คำว่าก้าวก่ายดีกว่า ผมว่าเขาอาจจะมาเสนอแนะ เราอยู่ด้วยกันในโลกที่มีความเปราะบาง ฉะนั้นเราก็ต้องบริหารกันไป” นายกฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี