‘นันทเดช’ชี้เลือกตั้งปี’70 ค่ายพรรคสีส้มจะโตทั้งแผ่นดินหรือไม่อยู่ที่ผลงานรัฐบาล-บทบาทของ"ทักษิณ ชินวัตร" พร้อมมองบทบาทของสหรัฐออกแถลงการณ์จุ้นคดียุบพรรคก้าวไกล แค่ชั้นเชิงการทูตเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่
8 ส.ค. 2567 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นความเคลื่อนไหวของต่างประเทศโดยเฉพาะชาติตะวันตก ในคดียุบพรรคก้าวไกล ทั้งก่อนและหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินยุบพรรค ว่า ตนมองว่าผู้บริหารพรรคก้าวไกลส่วนใหญ่จะมีความรู้จริงๆ เกี่ยวกับประเทศไทยน้อย แต่จะให้ความสนใจกับประเทศตะวันตกมากกว่า โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศแถบยุโรป
ซึ่งเมื่อตัวแทนพรรคก้าวไกล แม้จะเป็นคนไทยแต่มีความรู้เกี่ยวกับขนบประเพณีวัฒนธรรมน้อย เมื่อไปพูดกับต่างประเทศก็พูดแบบผิดๆ ถูกๆ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ หรืออย่างที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หนึ่งในกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ไม่รู้ว่าแกรนด์สปอร์ตเป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาของไทย หรือไม่รู้ว่านักกีฬาไทยเคยได้เหรียญทองโอลิมปิกมาหลายเหรียญแล้ว เหมือนกับไม่สนใจฐานความรู้ในประเทศตนเอง หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็สุ่มเสี่ยงผิดพลาดในการให้ความเห็นหรือตัดสินใจ
หรือเรื่องความรู้ของประชาชน ประเทศไทยประกอบด้วยชนหลายเผ่าพันธุ์ จะพูดถึงเผ่าหนึ่งก็กลัวกระทบกับอีกเผ่าหนึ่ง เรามีหลายมิติทางวัฒนธรรม นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ตนคิดว่าโชคดีที่กรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันพ้นสภาพไป ก็อยากให้กรรมการบริหารพรรคชุดต่อไปหันกลับมาสนใจปัญหาของประเทศตนเองบ้าง ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว มีการถ่ายทอดข้อมูลไปแล้วจะส่งผลอะไรกับประเทศไทยหรือไม่ ตนเห็นว่าเป็นเพียงนักการเมือง 2 คน จากประเทศตะวันตก เป็นเรื่องปกติ แต่อย่างไรสหรัฐฯ ก็ทิ้งประเทศไทยไมได้ จึงเป็นการพูดกดดันไปอย่างนั้นเอง
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า สหรัฐฯ กับพรรคก้าวไกลดูจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ตนเห็นว่า การแทรกแซงของเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับทุนมาจากประเทศกลุ่มยุโรปเข้ามาในประเทศไทย และกลุ่มเหล่านี้ก็มีส่วนสนับสนุนพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว ดังนั้นความใกล้ชิดของคนในพรรคก้าวไกลกับสหรัฐฯ จึงมีค่อนข้างมาก เพราะวิธีที่ดีที่สุดในการที่สหรัฐฯ จะเข้าถึงคนคือเข้ากับพรรคก้าวไกล และในขณะเดียวกัน พรรคก้าวไกลก็ไม่เข้ากับจีนหรือโซเวียต (รัสเซีย) จึงพอเห็นว่าเป็นเรื่องระหว่างประเทศ
“ฉะนั้นพรรคก้าวไกลก็คือเครื่องมือของสหรัฐอเมริกา ในการกดดันทั้งประเทศไทย กดดันต่อจีน เพราะคนไทยเรารู้สึกว่าจะสนิทสนมกับจีนมากกว่า ถ้าเผื่อกดดันมากๆ มันก็จะทำให้ประเทศไทยระมัดระวังตัวในการคบกับจีนมากขึ้น หันมาพูดกับอมเริกามากขึ้น แต่ที่ผมบอกว่าการกระทำที่ออกมาทั้งหมดนี่มันเป็นเรื่องตามปกติ เป็นชั้นเชิงทางการพูดเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่” พล.ท.นันทเดช กล่าว
พล.ท.นันทเดช กล่าวต่อไปว่า ส่วนข้อกังวลกรณีสหรัฐฯ ยืมมือพรรคการเมืองของไทยเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองในไทยจะเป็นอันตรายหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าสหรัฐฯ ทำแบบนี้กับทุกประเทศอยู่แล้ว อย่างกรณีที่ต้องออกมาขอโทษเรื่องให้ข้อมูลกับฟิลิปปินส์ว่าวัคซีนจากจีนใช้การไม่ได้ ดังนั้นเรื่องการออกแถลงการณ์ ออกมาเพียงฉบับเดียวก็คงจบไปเท่านั้น
เมื่อถามต่อไปถึงความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองจะตั้งขึ้นใหม่แทนพรรคก้าวไกลที่ถูกยุบไป รวมถึงบรรดาผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล เห็นว่า ในเรื่องของการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อเห็นบทเรียนแล้วก็คงจะไม่ปรากฏบนพื้นดินหรือแบบเปิดเผย กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่คงสรุปบทเรียนได้แล้ว แต่ใต้ดินก็อาจจะมีเพราะคงไม่สามารถไปห้ามสมาชิกพรรคได้ทั้งหมด
ส่วนที่บรรดาอดีตแกนนำพรรคตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ออกมาบอกว่า การเลือกตั้งปี 2570 จะได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เกิน 270 ที่นั่ง จนกลายเป็นทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลง หรือที่บอกว่าตายสิบเกิดแสน แต่คำพูดแบบนี้อาจเป็นความจริงหรือไม่จริงก็ได้ อย่างไรก็ตาม ตัวแปรสำคัญไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกล แต่อยู่ที่ปัจจัยภายนอก เช่น หาก สส. พรรคร่วมรัฐบาลตื่นตัว ลงพื้นที่บ่อยๆ ด้วยตนเอง โอกาสรุกของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ชนบทก็จะลดลง เรื่องนี้หมายถึง สส. ทุกพรรค
“ในปัจจุบันนี้ สส. พรรคร่วมรัฐบาลจะเห็นว่าไม่ค่อยลงพื้นที่ ไปงานศพก็ให้หัวคะแนนไป ในขณะที่พรรคก้าวไกลก็ต้องยอมรับอันหนึ่งว่าความขยันขันแข็งของเขามีมากกว่าพรรคร่วมรัฐบาล แม้เขาจะเป็น สส. อาจเป็นเพราะเขาไม่มีงานเกี่ยวข้องกับงานบริหารก็ได้ เขาจึงลงพื้นที่ได้มากกว่า แล้วก็มี Activity (กิจกรรม) ที่มันเป็นที่ต้องตาของคนในชนบท คือเรื่องแบบที่เขาลงไป คนในชนบทไม่ค่อยรู้ เออ! มันมีเรื่องนี้ขึ้นหรือ? เรืองนั้นขึ้นหรือ? เนื้อหาที่แตกต่างนี้ก็จริงบ้าง-ไม่จริงบ้าง โม้บ้าง” พล.ท.นันทเดช ระบุ
พล.ท.นันทเดช ยังกล่าวอีกว่า ปัจจัยประการต่อมาคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะยังคงมีบทบาทต่อไปอีกหรือไม่ ซึ่งหากนายทักษิณยังคงมีบทบาท พรรคก้าวไกลก็จะมีคะแนนดีขึ้น อีกประการหนึ่งคือ หากรัฐบาลเร่งรัดให้ข้าราชการทำงานรับใช้ประชาชนอย่างจริงจัง กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน พบบ้านไหนมีทุกข์ร้อนก็เสนอเรื่องขึ้นมาแล้วก็รีบลงไปแก้ไข ไม่ต้องรอให้สื่อมวลชนเสนอข่าว ถ่ายภาพมาให้เห็นประเภทบ้านหญิงชรายากจนเลี้ยงลูก 7 คน จนประชาชนต้องลงขันบริจาค
ซึ่งหากรัฐบาลแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ ผู้คนไม่ต้องพึ่งพาเพจสายไหมต้องรอด หรือพึ่งพาบุคคลอย่างนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ (กัน จอมพลัง) หรือนางปวีณา หงสกุล หรือบรรดาทนายความต่างๆ เมื่อนั้นพรรคก้าวไกลก็หมดโอกาสเติบโต ที่บอกว่าตายสิบเกิดแสน อาจเหลือเพียงตายสิบเกิดสิบ หรือแม้แต่ตายสิบเกิดเก้า ส่วนคำถามว่าสถานการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา มีความเสี่ยงนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ ตนยังมองไม่เห็น เพราะต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่า การเคลื่อนไหวเมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะส่งผลกระทบกลับมาที่ตนเอง และประชาชนก็จ้องดูอยู่
โดยต้องยอมรับว่าประชาชนก็ได้รับความเดือดร้อน ที่เห็นว่าประชาชนไมได้ออกมาเคลื่อนไหวอะไรกันมาก เพราะมีพื้นที่ผ่อนคลายอย่างสื่อสังคมออนไลน์ให้ได้แสดงออก ไม่เหมือนยุคก่อนๆ ที่ต้องออกมาเคลื่อนไหวบนท้องถนน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสลงถนนหากเรื่องมาถึงจุดหนึ่ง ทั้งนี้ ตนมองว่าปัญหาการเมืองไทยจะคลี่คลายในตัวเอง ทุกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์ อย่างพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย ฯลฯ จะค่อยๆ ประนีประนอมแก้ไขปัญหากันเอง แม้แต่พรรคก้าวไกลกึคงไม่กล้าเคลื่อนไหวแบบเดิม
“ในเมื่อกฎหมายเป็นกฎหมาย ถ้าเผื่อข้าราชการทุกฝ่ายลงมาร่วมกันทำงาน ลงมาช่วยอะไรกันอย่างดี ไม่ต้องไปติดตามนักการเมือง ทำงานของตัวเอง แล้วนักการเมืองก็ต้องเห็นว่าคนทำงานจริงๆ เป็นคนอย่างไร แค่นั้นสถานการณ์ประเทศไทยไปได้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอะไรก็ไปได้หมด” พล.ท.นันทเดช กล่าว
ชมคลิปเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=1uoyfhkPbK0
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี