‘ก้าวไกล’แปลงร่างเป็น‘พรรคประชาชน’
ลุยไฟแก้ม.112
ไม่ลดเพดานแต่ต้องรอบคอบ
‘เท้ง-ณัฐพงษ์’นั่งหัวหน้าพรรค
โวพร้อมเป็นนายกฯ-รบ.พรรคเดียว
ตั้งเป้าสร้างการเปลี่ยนแปลงปท.
คณะ สส.อดีตพรรคก้าวไกลประชุมคึกคัก ย้ายเข้า “พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล” เปลี่ยนชื่อเป็น “พรรคประชาชน” ประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง “เสรีภาพ เสมอภาค
ภราดรภาพ” ตั้ง 5 กก.บห. “ณัฐพงษ์” นั่งหน.พรรค โวลั่นเลือกตั้งปี’70 ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว-เดินหน้าแก้ ม.112 พร้อมยกระดับ
ตัวเองสู่นายกฯ ถ้าไม่ได้ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว พร้อมจับมือพรรคอื่นได้ แต่ต้องไม่ขัดอุดมการณ์ เผย “ธนาธร” ให้กำลังใจ ขณะที่“ศรายุทธ”เลขาฯพรรค ยอมรับ เป็นเพื่อนรักกับ“ธนาธร”ยาวนานกว่า 20 ปี
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตึกไทยซัมมิท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) อดีตพรรคก้าวไกล143คน ทยอยเดินทางมาร่วมประชุมกับพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เพื่อเตรียมพิจารณาแก้ไขข้อบังคับพรรค และเปลี่ยนชื่อพรรคใหม่เพื่อร่วมกำหนดตัวผู้บริหารและทิศทางการทำงานของพรรคต่อไป โดยก่อนเริ่มการประชุมทางพรรคได้เปิดให้สื่อมวลชนเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศ ซึ่งภายในห้องประชุมค่อนข้างคึกคัก สส. อดีตพรรคก้าวไกล มากันอย่างพร้อมหน้า สังเกตสีหน้าแต่ละคน ยิ้มแย้มแจ่มใสดี
โดยเฉพาะ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือเท้ง สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะอดีตรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่ถูกจับตาว่า เป็นตัวเต็งจะได้นั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็ได้เปิดเผยความรู้สึกสั้นๆ ว่าวันนี้รู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง มีคนมาสมัครสมาชิก และย้ายมาบ้านใหม่พร้อมกัน เชื่อมั่นเต็มที่ ว่าพวกเราจะไปต่อได้แน่นอน
“พริษฐ์”ยัน143สส.มาครบ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล เปิดเผยก่อนการประชุมใหญ่พรรค ว่า อดีต สส.พรรคก้าวไกล ทั้ง 143 คน มาลงสมัครสมาชิกพรรคใหม่กันอย่างพร้อมเพียง และในวันนี้จะมีการหารือกันเกี่ยวกับแนวทางในการเดินหน้าต่อ พร้อมยืนยันว่า ไม่ท้อ และเดินหน้าต่ออย่างแน่นอน ซึ่งบรรยากาศโดยรวมวันนี้ ทุกคนก็มากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และยืนยันที่จะเดินหน้ากันทำงานกันต่อเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงตามที่สัญญาไว้กับประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า สส.ทั้ง 143 คน จะไม่แตกแถวใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ ตอบว่า ทั้ง 143 คนได้สมัครสมาชิกพรรคใหม่แล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีแตกแถว
ใช้ชื่อใหม่“พรรคประชาชน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชื่อใหม่ของอดีตพรรคก้าวไกล คือ พรรคประชาชน โดยใช้ชื่อย่อว่า “ปชช.”เขียนภาษาอังกฤษว่า “PEOPLE’S PARTY” มีชื่อย่อในภาษาอังกฤษว่า “PP”
ในขณะที่เครื่องหมายพรรคมีภาพสัญลักษณ์ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม และมุมทุกด้านของสามเหลี่ยมมุมแต่ละมุมเท่ากันกลายเป็นสามเหลี่ยมหกด้าน โดยใช้สีส้มเป็นสีของสามเหลี่ยม ภาพสัญลักษณ์ตัวอักษรคำว่า “พรรคประชาชน” “PEOPLE’S PARTY” ซึ่งเป็นชื่อพรรคปรากฏอยู่ด้านล่างสามเหลี่ยม ดังกล่าว โดยใช้สีกรมท่าเป็นสีของตัวอักษรคำว่า “พรรคประชาชน” และใช้สีส้มเป็นสีของตัวอักษรคำว่า “PEOPLE’S PARTY”.
เปิดความหมายสัญลักษณ์‘พรรคส้ม’
เพจ “พรรคก้าวไกล Move Forward Party” ได้เปลี่ยนโปรไฟล์ใหม่ เป็น “พรรคประชาชน - People’s Party” พร้อมโพสต์ข้อความว่า...สถาบันที่ศักดิ์สิทธิ์และยืนยงที่สุดในระบบการเมืองแบบประชาธิปไตย คือ ประชาชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ สัญลักษณ์สามเหลี่ยมพีระมิดหัวกลับ แสดงถึงการยกประชาชนผู้เป็นรากฐานของประเทศไว้เหนือผู้ปกครอง เส้นประกบสามเส้น สื่อถึง เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ ลักษณะตัวอักษรชื่อพรรค เป็นงานสไตล์ Rectilinear ซึ่งเป็นเส้นตัด สะท้อนความเสมอภาคเท่าเทียมและทันสมัย และนี่คือ พรรคประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน สร้างประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ในส่วนของคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคประชาชน คือ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ
เปิดอดีต‘พรรคประชาชน’ถูกใช้4ครั้ง
ในส่วนของชื่อ “พรรคประชาชน” ถูกใช้มาแล้วในการเมืองไทย 4 ครั้ง ครั้งแรกปี 2490 แยกออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ มีนายเลียง ไชยกาล เป็นหัวหน้าพรรค ปี 2499 ก่อตั้งใหม่ 27 ธันวาคม มีนายสมภาษก์ อุทยางกูร เป็นหัวหน้าพรรค ปี 2531 แยกออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ มีนายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ เป็นหัวหน้าพรรค ปี 2541 ก่อตั้งใหม่ 31 มีนาคม มีนายนัดดา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เป็นหัวหน้าพรรค และปี 2567 ก่อตั้งใหม่ หลังยุบพรรคก้าวไกล โดยมี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรค
“ณัฐพงษ์”นั่งหน. “ศรายุทธ”เลขาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมใหญ่ของพรรคประชาชน มีการลงมติเลือกบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ดังนี้ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค นายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรค นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทะเบียนพรรค น.ส.ชุติมา คชพันธ์ เหรัญญิกพรรค นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรค ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ที่ไม่ได้จัดอยู่ในกรรมการบริหารพรรค เช่น รองหัวหน้าพรรค และโฆษกพรรค จะมีการลงมติในที่ประชุมต่อไป
เปิดประวัติ’ณัฐพงษ์’สายตรง’ธนาธร’
สำหรับประวัติของ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือ “เท้ง” หัวหน้าพรรคประชาชนนั้น เคยเป็นรองเลขาธิการอดีตพรรคก้าวไกล ฝ่ายพัฒนาระบบข้อมูลและดิจิทัล อายุ 37 ปี เกิดวันที่ 18 พ.ค. 2530 เป็นบุตรชายคนที่ 4 ของ “สุชาติ เรืองปัญญาวุฒิ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด(ประกอบธุรกิจด้านพัฒนาอสังหารัมทรัพย์) และประธานกรรมการ บริษัท เรืองปัญญา เคหะการ จำกัด
นายณัฐพงษ์ จบปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนทวีธาภิเศก ยังเคยเป็นผู้บริหาร absolute.co.th ผู้ให้บริการคลาวด์ โซลูชัน ก่อนเข้ามาทำงานทางการเมือง ได้รับเลือกตั้งเป็น สส. กรุงเทพฯ เขตเลือกตั้งที่ 28 สังกัดอดีตพรรคอนาคตใหม่ ในการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562
ต่อมา ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล กระทั่ง ล่าสุดหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 10 ปี นอกจากนั้นนายณัฐพงษ์ ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยในครั้งตั้งพรรคก้าวไกลในส่วนตึกที่ใช้เป็นที่ทำการพรรคย่านบางแค กทม.ก็เป็นตึกนายณัฐพงษ์อีกด้วย
ชูอำนาจเป็นของประชาชน
เวลา 12.00 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายศรายุทธ ใจหลัก นายพริษฐ์ วัชรสินธุ และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ได้ร่วมกันแถลงข่าว ภายหลังที่ประชุม สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่ร่วมประชุมกับพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เพื่อเปลี่ยนชื่อพรรคเป็น “พรรคประชาชน”และแต่งตั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) ชุดใหม่
โดยนายพริษฐ์ เป็นตัวแทนพรรคแถลงว่า ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเราฟื้นคืนชีพกลับมาแล้วในนามพรรคประชาชน วันนี้ 143 สส.อดีตก้าวไกล ที่ไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง และ สก. 11 คน รวมถึงแนวร่วม อดีตเครือข่ายพรรคก้าวไกลทั่วประเทศ ได้ประชุม ตกลงร่วมกันเพื่อเดินหน้าต่อ ขับเคลื่อนผลักดันประเทศนี้ในนามพรรคประชาชน เหตุผลที่ใช้ชื่อนี้ เพราะต้องการเป็นพรรคการเมืองโดยประชาชน เพื่อประชาชน และเดินหน้าสู่การสร้างประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน มีความเชื่อในระบอบประชาธิปไตย สิ่งมีคุณค่าสูงสุดคือประชาชนทุกคนในประเทศ สถาบันทางการเมืองทุกสถาบัน ควรยึดโยงประชาชน ถูกตรวจสอบได้โดยประชาชน และดำรงอยู่อย่างมั่งคง ชอบธรรม ด้วยความยินยอมพร้อมใจของประชาชนทุกคน
ชวนสมัครสมาชิก-บริจาคเงิน
ภารกิจแรก เชิญชวนประชาชนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น รวมถึงสมาชิกพรรคก้าวไกล 1 แสนกว่าคน มาร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในบทถัดไปของการเมืองไทย ในการเข้าเว็บไซต์พรรคประชาชน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้ผ่าน 2 ช่องทาง คือ 1.สมัครเป็นสมาชิกพรรค ตั้งเป้าหมายให้ยอดถึง 1 แสนคนโดยเร็วที่สุด 2.บริจาคเงินให้พรรคเพื่อขับเคลื่อนทางการเมือง โดยตั้งเป้าไว้ 10 ล้านบาท หลังจากนั้นในวันที่ 10 ส.ค.จะจัดกิจกรรมทั่วประเทศ เปิดรับสมาชิก เปิดรับบริจาคของประชาชนที่มาเป็นส่วนหนึ่งกับพรรคประชาชน โดยในกทม.จะมีบูธใหญ่ จัดขึ้นที่สเตเดียมวัน ถนนบรรทัดทอง
ฝันตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
ขณะที่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า กระบวนการทำให้พรรคประชาชนเป็นสถาบันทางการเมือง สืบทอดอุดมการณ์พรรคอนาคตใหม่ และก้าวไกล เป็นสิ่งสำคัญ วันนี้ตนได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค จะพูดสื่อสารถึงประชาชนอย่างตรงไปตรงมาว่า ภารกิจของเราต่อจากนี้ จะสร้างรัฐบาลแห่งการเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งปี 2570 สำคัญที่สุดเราจำเป็นต้องชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า เราต้องตั้งเป้าหมายให้สูงยิ่งขึ้น นอกจากการเป็นพรรคอันดับ 1 ในการเลือกตั้งปี 2566 ต่อไปคือการชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ นี่คือเป้าหมายสูงสุดของพวกเรา
“มีหลายสิ่งที่เราทำ สร้างพรรคใหม่ ปรับปรุงโครงสร้างพรรค หาสมาชิกพรรค การปรับปรุงนโยบายให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้น ทุกท่านทั้งนายศรายุทธ และ น.ส.ศิริกัญญา อยู่ร่วมมาตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ ตอนนี้เราพยายามจัดวางแบ่งแยกบทบาทให้ชัดเจน ตนเป็น สส.มาหลายปี จะรับบทบาทในฐานะทำงานหน้าบ้าน สิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างพรรคให้แข็งแรง คือการทำโครงสร้างพรรค ฐานสมาชิกให้แข็งแรง โดยนายศรายุทธ ได้รับความไว้วางใจ เพราะทำหน้าที่ตรงนี้มาตลอดตั้งแต่ร่วมเดินทางด้วยกันมา” นายณัฐพงษ์ กล่าว
มุ่งเป้าเปลี่ยนแปลงประเทศ
ด้าน นายศรายุทธ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา เราตระหนักเรื่องนี้ดี ตั้งแต่สร้างพรรคอนาคตใหม่ การที่ต้องใช้เวลา เราจำเป็นต้องมีคนจำนวนมาก เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน นั่นคือทำให้ต้องสร้างพรรคให้เป็นสถาบัน ตั้งแต่อนาคตใหม่ถึงก้าวไกล เรามีโครงสร้างสมาชิกพรรค มีทั้งส่วนที่เป็นโครางสร้างตัวแทนสมาชิกพรรคผ่านงานเครือข่าย มีเครือข่ายพื้นที่ ชาติพันธุ์ แรงงาน ส่วนโครงสร้างสมาชิกพรรคที่เป็นตัวแทนประชาชนคือ สส. แน่นอน แม้ว่าวันนี้ เรายังคาดหวังการเติบโตของสมาชิกพรรคในอนาคตว่าในอนาคตอันใกล้เราจะมีโครงสร้างตัวแทนสมาชิกพรรคที่ทำงานการเมืองท้องถิ่น มีโครงสร้างสมาชิกพรรคที่จะไปเป็นรัฐบาล ทำหน้าที่บริหารประเทศ นี่คือความสำคัญที่เรามีหลายโครงสร้างภายในพรรคที่ชื่อว่าประชาชน
“หน้าที่ตนคือการบริหารจัดการทำให้ทุกภาคส่วน ทำงานประสานสอดคล้องกันเพื่อเป้าหมายที่เราอยากสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ แน่นอนถ้าเราทำสำเร็จ เราจะมั่นใจว่าจะมีพรรคทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต แม้เราจะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วก็ตาม” เลขาธิการพรรคประชาชนย้ำ
‘ไหม’เผยเสนอชื่อ‘เท้ง’นั่ง หน.
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค โดยมีชื่อตนด้วย แต่อย่างที่บอกว่าการเลือกหัวหน้าพรรคต้องเริ่มจากกระบวนการภายใน โดยเริ่มจากคืนวันที่ 8 ส.ค. เป็นการเริ่มต้นกระบวนการภายในของ สส.อดีตพรรคก้าวไกล ในกระบวนการจะต้องมีการหยั่งเสียงเพื่อหาเสียงผู้รับรองว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ ก่อนเข้าสู่กระบวนการที่ประชุมใหญ่วิสามัญในวันนี้ โดยในการเสนอชื่อมีหัวหน้าพรรคคนเดียว ที่มีการเสนอชื่อคือ นายณัฐพงษ์ และผู้เสนอชื่อนั้นคือตนเอง ดังนั้น ตนไม่มีความประสงค์แข่งขันตำแหน่งหัวหน้าพรรคตั้งแต่ต้น จึงเสนอชื่อนายณัฐพงษ์ด้วยความมั่นใจว่ามีคุณสมบัติพร้อมในการเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ในการสู้ศึกเลือกตั้งปี2570 เพราะเป็นคนครบเครื่อง เริ่มต้นทำงาน สส.เขต ทำงาน สส.ปาร์ตี้ลิสต์ มีบทบาททำงานเบื้องหลังพรรคในฝ่าย IT และทำระบบต่าง ๆ มีส่วนร่วมบริหารพรรคมาโดยตลอด ทำให้ตนมั่นใจ และเพื่อนสมาชิกให้เสียงสนับสนุนรับรองนายณัฐพงษ์
ลั่นเดินหน้าลุยแก้ ม.112 ต่อ
จากนั้น แกนนำพรรคประชาชน ตอบคำถามสื่อมวลชนภายหลังการแถลงข่าวเปิดตัวพรรค โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังจากนี้จะลดเพดานลงหรือไม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า เราไม่เคยสื่อสารว่าลดเพดานอะไร เรายืนยันว่าเราเสนอร่างแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 เพื่อไม่ให้มีการกลั่นแกล้งพรรคฝั่งตรงข้าม และคำวินิจฉัยศาลไม่ได้สั่งห้ามแก้ไข แน่นอนว่าเราไม่ประมาท เราทำทุกอย่างรอบคอบ คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา จนยุบพรรคก้าวไกล เราต้องศึกษาอย่างดี แต่คิดว่าพวกเราต้องผลักดันเดินหน้าการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย โดยเฉพาะในส่วนนี้ที่ปัจจุบันยังมีปัญหาอยู่
ศึกษาข้อกฎหมาย/ไม่ประมาท
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราเซ็นเซอร์ปิดปากตัวเอง เราเสนอบนหลักการ เราไม่ได้มุ่งเป้าเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันใด ตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน เราต้องยึดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรายืนยันเดินหน้าทุกอย่างต่อ แต่เราต้องกลับมาศึกษาข้อกฎหมายทุกอย่างด้วย” นายณัฐพงษ์ ย้ำ
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า การที่บอกว่าเจรจาบนโต๊ะ ในส่วนการทำหน้าที่ในส่วนนี้ หรือพรรคก้าวไกลถูกคำสั่งยุบพรรค จะทำให้การทำงานของเราเปลี่ยนไปหรือไม่ คิดว่าวิธีการปฏิบัติ เราไม่ประมาท เราต้องกลับมาทบทวนเรียนรู้ในส่วนคำตัดสินศาล และประเด็นกฎหมายต่าง ๆ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือหลักการและความเชื่อ เราต้องการทำให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
อ้างถูกกดทับไม่ให้เดินหน้าต่อ
เมื่อถามถึงคดีความของ 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่อยู่ระหว่างไต่สวนในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คำร้องของ ป.ป.ช.คิดว่าต่างจากการยุบพรรค เพราะเป็นศาลยุติธรรม ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี การกระทำของ สส.แต่ละคน องค์ประกอบอาจต่างกันบ้าง บางคนอาจเรียกร้องแทนผู้ชุมนุม บางคนใช้สิทธิประกันตัว แต่ทุกคนได้ลงนามเสนอแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งแต่ละคนมีสิทธิชี้แจงกันไป แต่โดยในส่วนของตนไม่มีข้อกังวล
เมื่อถามว่า พรรคประชาชนที่เพิ่งตั้งมานี้จะมีอายุสั้นหรือยืนยาว นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สั้นหรือยืนไม่ได้อยู่ที่เรา ที่ผ่านมาเห็นว่าสั้นหรือยืนอยู่ที่กลุ่มขั้วอำนาจเก่า ใช้เครื่องมือในการทุบทำลายเรา เอาสิ่งเหล่านั้นมากดทับไม่ให้เราเดินหน้าต่อก็ไม่ได้ เพราะประชาชนอาจขาดศรัทธาในตัวเรา ยืนยันจะเดินหน้าต่อไป แต่ไม่ประมาท ทำงานด้วยความสุขุมรอบคอบ ดังนั้นอายุยืนหรือไม่อยู่ที่พวกเขาด้วย และอยู่ที่ประชาชนสนับสนุน
ยันไม่ได้พุ่งเป้าแก้ ม.112อย่างเดียว
เมื่อถามถึงที่ผ่านมา พรรคพยายามมุ่งมั่นแก้ไขเรื่องใหญ่ๆ เช่น มาตรา 112 นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เราเองไม่ได้พุ่งเป้าที่จะเสนอแก้ไขมาตรา 112 อย่างเดียว แต่เสนอแก้ไขเรื่องนโยบายอื่น ๆ ด้วย ตนขอสื่อสารไปยังประชาชนที่อาจยังไม่ได้โหวตเลือกเราในอดีต พรรคประชาชนในปัจจุบันไม่ได้พุ่งเป้าใด ๆ ต่อสถาบันทางการเมืองใดๆ ก็ตาม เราตั้งใจเสนอนโยบายต่าง ๆ ในโครงสร้างสังคมไทยที่ยังมีปัญหา นี่คือวิธีสื่อสารตรงไปตรงมา ทำงานหนัก และจริงใจ เราคิดว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนมากขึ้น
ทางออกคือใช้พื้นที่ของสภาฯ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวเสริมว่า ในฐานะมีส่วนร่วมจัดทำนโยบายตอนก้าวไกล เรื่องมาตรา 112 เป็น 1 ใน 300 นโยบายที่เราเสนอไป ถ้าเราไปดูสิ่งที่พรรคก้าวไกลทำ เราพยายามแก้ไขทุกสิ่งที่เป็นปัญหาของประเทศนี้ ตั้งแต่พรรคก้าวไกลที่เราดำเนินการมา เราเสนอร่างกฎหมายไป 60 กว่าฉบับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระจายอำนาจ ยกระดับขนส่ง แก้ที่ดินทำกิน คุ้มครองสิทธิแรงงาน นี่คือสัญญาของพรรคที่พร้อมแก้ทุกปัญหาของประชาชน ถ้าย้อนไปดูในการเลือกตั้งปี 2566 ไม่ใช่ก้าวไกลพรรคเดียว บางพรรคอาจพูดถึงเนื้อหา หรือการบังคับใช้ นี่เป็นคำถามที่ควรถามทุกพรรคเช่นกันว่า ปัญหานี้จะมีทางออกเช่นไร
เมื่อถามย้ำว่า การลดเพดานลง จะรักษาอุดมการณ์เหมือนเดิมได้หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า อะไรที่เราเคยมองว่าเป็นปัญหา เรายังมองว่าเป็นปัญหาอยู่ แต่เข้าใจว่าพื้นที่ที่หาทางออกนั้นแคบลงด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ศาลไม่ได้ห้ามแก้ไขมาตรา 112 เลย ยังมีพื้นที่เหลืออยู่ อาจเป็นเรื่องการพิจารณาอัตราโทษ สิทธิร้องทุกข์กล่าวโทษ เป็นต้น ดังนั้นพื้นที่ที่น่าจะเหมาะสมที่สุดในการพูดคุยหาทางออกเรื่องนี้คือพื้นที่ของสภาฯ และพูดคุยบนพื้นฐานทางออก ภายใต้กรอบของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 2 ครั้งที่ผ่านมาคือ คำวินิจฉัยที่ 3/2567 และ 10/2567
ตั้งกก.บห.แค่5คนไม่ใช่เลี่ยงอันตราย
ส่วนการตั้งกรรมการบริหารพรรคแค่ 5 คน เพื่อหลบเลี่ยงอุบัติเหตุทางการเมืองในอนาคตใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การตั้งกรรมการบริหารพรรค 5 คน ไม่ได้หลบเลี่ยงอันตราย แต่เป็นข้อกำหนดขั้นต่ำกฎหมาย เราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงไร้รอยต่อ จากพรรคที่ถูกยุบสู่พรรคประชาชน เราต้องการหาสมาชิก 1 แสนคน บริจาค 10 ล้านภายใน 1 เดือน พวกเรายังเปิดกว้าง หารือในพรรคว่า การออกแบบโครงสร้างพรรคอย่างที่เรียนไปตอนต้น จะมีกรรมการบริหารพรรคสัดส่วนมากขึ้นหรือไม่ ยังหารือในพรรคได้ต่อ อาจได้ข้อสรุปปลายเดือนหน้าจะมีการประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
ไม่เจรจาต่อรองเข้าสู่อำนาจ
จากนั้น นายณัฐพงษ์ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการเจรจากับกลุ่มขั้วอำนาจทางการเมืองเดิมจะทำอย่างไร ว่า สิ่งที่เรายืนยันมาโดยตลอดคือ เราไม่ต้องการเข้ามาต่อรองการเข้าสู่อำนาจทางการเมือง ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ถ้าถามว่าเราจะเจรจากลุ่มขั้วอำนาจเดิมอย่างไร กรณีการเจรจาทางการเมือง แต่ไม่ได้แลกผลประโยชน์จากประชาชน หรือผลประโยชน์บางอย่างที่พรรคต้องขัดอุดมการณ์ตัวเอง สมมติ ถ้ามีผลการเลือกตั้งออกมา จัดตั้งรัฐบาล มีรัฐมนตรีทุจริต แล้วเราไม่ยอมจัดการ ก็ถือว่าเราขัดอุดมการณ์พรรค ดังนั้นเราจะเจรจาบนหลักการของประชาชน อะไรที่เป็นเจรจาทางการเมือง ไม่ขัดความเชื่อหรืออุดมการณ์พรรค เราพูดคุยได้หมด
ส่วนกรณี “สส.งูเห่า” นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้บทพิสูจน์ เราย้ายมาพรรคประชาชนได้หมด รวมถึง สก.ก็ตามมาหมดด้วย คิดว่าเรื่องนี้บทพิสูจน์ “งูเห่า” ไม่น่าเป็นประเด็นตอนนี้
พร้อมพัฒนาเป็นแคนดิเดตนายกฯ
เมื่อถามว่า ใครจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของตนฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน ขอพูดตรงๆ คิดว่าวันนี้ตนยังไม่ได้ดีพร้อม แต่พร้อมพัฒนาตัวเอง ตราบใดที่ประชาชนสนับสนุน เห็นว่าสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด เราทำสิ่งเรียบง่ายมาก การเมืองเป็นของทุกคน เป็นของประชาชน ตราบใดที่เราได้รับเสียงสนุนเหล่านี้อยู่ ตนพร้อมผลักดันตัวเองไปข้างหน้า ส่วนแคนดิเดตนายกฯ เราได้ถอดบทเรียนมาในอดีต เราเปิดกว้าง เสนอหลายชื่อได้ แต่ต้องผ่านการหารือในอนาคตด้วย คิดว่าตนพร้อมทำหน้าที่แทนทุกคน ส่วนคนเป็นนายกฯ ต้องพร้อมทุกด้าน ตนพร้อมพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
เมื่อถามว่า จะนำพาพรรคประชาชนชนะเลือกตั้ง 2570 อย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าคือการทำงานหนัก ถ้าเอาตนเปรียบเทียบอดีตแกนนำพรรค คิดว่าคุณสมบัติอาจไม่เทียบเท่า แต่สิ่งที่คิดว่ามีไม่แพ้คนอื่น คือนำพาพวกเรามาอยู่ตรงนี้ ทำงานการเมืองให้ดีกว่าเดิม สิ่งที่มีไม่แพ้ใครคือทำงานหนัก เพื่อนำพาพรรคชนะการเลือกตั้งได้
จับมือเฉพาะพรรคที่นโยบายไม่ขัดกัน
เมื่อถามถึง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากมีการจัดตั้งรัฐบาล จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้เร็วไปที่จะตอบตรงนั้น แต่ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งหรือไม่ว่า เราชนะการเลือกตั้ง เป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้หรือไม่ แต่ถ้าไม่ได้เสียงเกินครึ่ง ก็ต้องจับมือกับพรรคการเมืองต่างพรรคด้วย แต่จะจับมือใครบ้าง ก็ต้องดูนโยบายในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคที่เสนอนโยบายไม่ได้ขัดแย้งเรา เราก็พร้อมทำงานกับทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า ในการเริ่มต้นพรรคประชาชน โดนจับตามอง รู้สึกอย่างไร รับมือเรื่องนี้อย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า แน่นอนที่สุดรู้สึกกดดัน รวมถึงรู้สึกว่าเพื่อนๆ ทุกคนด้วย ที่เรากดดันไม่ใช่ไม่ดี แต่เป็นการยกระดับตัวเองไปอีก และเป็นสิ่งที่ถูกต้องว่าสื่อต้องตั้งคำถาม ประชาชนตั้งคำถามถึงพรรคทุกพรรค และคนเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯในอนาคตด้วย ไม่ใช่ข้อผิดพลาดอะไร อยากให้ทุกคนช่วยกันจับตาการทำงานของเราด้วย
ยอมรับ ‘ธนาธร’ให้กำลังใจ
เมื่อถามว่า ก่อนมาเป็นหัวหน้าพรรค นายธนาธรให้คำแนะนำอะไรบ้างหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่กี่วันก่อนได้พูดคุยกับนายธนาธรบ้าง และเขาได้สื่อสารตรงๆ โดยเขาบอกว่า ถ้ามารับตำแหน่งตรงนี้ ถ้าคุณต้องทำ เป็นแคนดิเดตนายกฯ คุณต้องพัฒนาตัวเอง ต้องเห็นนโยบายอีกหลายด้าน ต้องทำงานอย่างหนัก ตนคิดว่าสิ่งที่นายธนาธรแนะนำมาถูกต้องที่สุด วันนี้ที่มาแถลงข่าวคิดว่าสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ ถ้าเสนอตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ จะสื่อสารตรงไปตรงมา โดยสิ่งที่เป็นอิทธิพลกับตนคืออุดมการณ์ความเชื่อ ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล
“ศรายุทธ”รับเป็นเพื่อนรัก“ธนาธร”
ด้าน นายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน ได้ตอบคำถามถึงความสัมพันธ์ของตัวเองเป็นเพื่อนรักนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าจะมีการรับฟังความเห็นนายธนาธร มาขับเคลื่อนพรรคหรือไม่ว่า ความเป็นเพื่อนกับนายธนาธรไม่ปฏิเสธ เรารู้จักกันมา 20 กว่าปี ตั้งแต่เป็นรองสหพันธ์นิสิตนักศึกษาปี 2543 เราคบค้าสมาคมตลอดในฐานะมิตรสหาย ร่วมตั้งพรรคด้วยกันตั้งแต่อนาคตใหม่ ความคิดเราปกติ คุยกันตลอดเวลา ในฐานะเพื่อนแลกเปลี่ยน แม้วันนี้อยู่คนละองค์กร ก็ต้องมีเจอบ้างในฐานะเพื่อน ก็คุยกัน แต่เราเข้าใจกันดีว่า การบริหารงานแต่ละองค์กร จะมีผู้บริหารแต่ละองค์กร มีโครงสร้างการทำงานของมัน ความเห็นต่าง ๆ อาจผ่านหูตน อาจเสนอบ้าง แต่อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่กรรมการบริหารพรรค เราทำงานด้วยความเข้าใจอย่างดี
“ส่วนการดีลลับต่างๆ มั่นใจเพื่อนเราทุกคน ไม่ว่านายธนาธร นายปิยบุตร แสงกนกกุล นายชัยธวัช ตุลาธน ในการคุยกับคนอื่น ไม่ใช่เรื่องมีปัญหาอะไร ในการรับฟังว่าคนนั้นคนนี้คิดเห็นอย่างไร มาเล่าสู่กันฟัง ไม่ได้มีปัญหาอะไรในความคิดของตน ปัญหาอยู่ที่คณะกรรมการบริหารจะตัดสินใจอย่างไรกับข้อมูลที่ได้รับมา นี่คือหลักการสำคัญ เรายืนบนหลักการนี้ตลอดตั้งแต่ก้าวไกล” นายศรายุทธ ย้ำ
ปัดดีลลับไม่เลือก“ไหม”หน.พรรค
เมื่อถามว่าสาเหตุที่ไม่เลือก น.ส.ศิริกัญญา เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพราะมีดีลลับหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปชน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เรามุ่งหน้าโฟกัสไปที่การเลือกตั้งครั้งต่อไป ตนมีภารกิจหน้าที่ทำงานลงลึกเรื่องนโยบาย ต้องพัฒนานโยบายต่อ ทำงานหลังบ้าน สร้างมาตรฐานพรรคประชาชน และ สส.พรรคประชาชน สืบทอดมาตรฐานเดิมตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล รักษาไว้เป็นอย่างดี เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่เต็มใจรับ จึงควรอยู่ในฐานะที่เป็นมือไม้ซัพพอร์ตหัวหน้าพรรคคนต่อไป ไม่ได้มีคุยเรื่องปะทะ หรือหลีกเลี่ยงการปะทะกับใครแต่อย่างใด
“โรม”ลั่นใครกลั่นแกล้งต้องรับผิดชอบ
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติไต่สวน 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่ลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ว่าอาจเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งนายรังสิมันต์เป็นหนึ่งในนั้น ว่า แน่นอนว่า ป.ป.ช.มีอำนาจตรวจสอบ แต่ผู้ใช้อำนาจก็ต้องมีความรับผิดชอบ หากใช้อำนาจแล้วนำไปสู่การกลั่นแกล้ง ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองเช่นเดียวกัน การจะชี้ว่าเรากระทำผิด และอาจส่งเรื่องไปให้ศาลฎีกาแผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยนั้น ก็ต้องไปดูว่า ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรมหรือไม่ มีการดูพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การใช้อำนาจขององค์กรต่างๆ ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานการทำหน้าที่ของ สส.ด้วย และอย่างที่ทราบ เราเสนอกฎหมายตามขั้นตอน มีการตรวจสอบโดยสภาฯ ซึ่งสุดท้ายกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ถูกบรรจุในวาระด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ต้องไปดูว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร และเราจะจับตาดูเรื่องนี้เป็นพิเศษ
เมื่อถามว่า มองว่าการเสนอแก้กฎหมาย ถือว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่ผิด มีกฎหมายอะไรเขียนว่าเราห้ามเสนอแก้กฎหมาย ทางมาตรา 112 หรือเรื่องใดๆ ทุกอย่างอยู่ที่ว่าคุณจะตีความแบบใด เราก็ตีความว่า เราเคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่หากไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่เราเสนอ และใช้อำนาจสั่งให้หยุดการกระทำ เราก็เข้าใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือการยุบพรรค ซึ่งตนรับไม่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี