ปปช.ขีดเส้น6เดือนไต่สวน44สส.อดีตก้าวไกล
ร่วมลงชื่อแก้ม.112
เปิดโอกาสทุกคนแจง
เพื่อความเป็นธรรม
ก่อนจะชี้มูลความผิด
ยึดตามพยานหลักฐาน
“นิวัติไชย” เผย ป.ป.ช.มีมติสั่งไต่สวน 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ย้ำมาตรฐานจริยธรรมป.ป.ช.มีเรื่องการปกป้องอธิปไตย ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล่วงล้ำ-ไม่เคารพไม่ได้สวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจคนไทยชี้ชัด คาดหวังนายกฯใหม่ต้องเข้าใจลึกซึ้งปัญหาประเทศ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ทันที “จตุพร” อ่านภาษากายแกนนำพรรคร่วมหนุน“อุ๊งอิ๊ง”
เป็นนายกฯเห็นแววตาไม่สดใส เต็มไปด้วยความกังวล ใบหน้าฝืนยิ้มเศร้าๆราวไปร่วมงานศพ คาดเป็นจุดเริ่มต้นโศกนาฎกรรมทางการเมืองไทย หวั่นถูกล้มกระดานอีกครั้ง สวนฟื้น เศรษฐกิจ แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ
เมื่อวันที่ 16สิงหาคม2567 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.เปิดเผยถึงการพิจารณาคดี 44สส.อดีตพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่ลงชื่อแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา112และล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเสร็จสิ้นเเล้ว ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติสั่งไต่สวนแล้ว ผ่านกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ามีมูลเบื้องต้น ซึ่งในกระบวนการไต่สวนนั้น ได้รวบรวมข้อเท็จจริงและได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหา ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และนำพยานหลักฐานมาสืบหักล้าง และหลังจากที่เปิดโอกาส ให้มีการชี้แจง จากนั้นจะมีการสรุปสำนวน เสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.พื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป
ขีดเส้น6เดือนไต่สวน44สส.ก้าวไกล
ส่วนกรอบเวลาในการพิจารณานั้น ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะต้องดูความพร้อมของทั้ง 44สส. ที่จะมาให้ข้อมูลต่อป.ป.ช.นอกจาก44สส.แล้ว ยังมีบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้อง เช่น บุคคลที่เป็นผู้แทนของรัฐสภาที่มีการเสนอ หรือที่รู้เห็น โดยจะต้องสอบเพิ่มเติม เพื่อให้รู้ถึงเจตนารมณ์ และกฎหมาย ป.ป.ช.ก็เปิดโอกาสให้ขยายระยะเวลาให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้เเจงเหตุผลและความจำเป็น เช่น เจ็บป่วยมาไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไหร่ หากหายแล้วก็ต้องมาให้ถ้อยคำ เพราะฉะนั้นเวลาที่ประมาณการจริงๆ ตนกำหนดไว้ประมาณคร่าวๆ 6 เดือน สอดคล้องกับในหลักการ ที่ให้ไต่สวนพยานหลักฐานภายใน 6เดือน ทั้งนี้ เบื้องต้นอาจจะไม่ต้องมาทั้ง 44 คนหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า อาจจะต้องให้ชี้แจงทั้ง 44 คนก่อน แต่การชี้มูลว่าใครจะผิด เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงความเห็น แต่ผู้ที่จะพิจารณาวินิจฉัย คือ อำนาจคณะกรรมการ ปปช.จะเป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ ปปช.มีหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ถูกต้อง เป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหาและผู้ร้อง เมื่อได้รับความเป็นธรรมแล้วก็ให้อัยการกรองอีกครั้งว่า สิ่งที่ ปปช.ทำมาถูกต้องหรือไม่ มีข้อสังเกตอย่างไร หากมีข้อสังเกตก็ตั้งคณะกรรมการร่วมกันและส่งไปยังศาล ซึ่งลำดับขั้นตอนของศาลจะมีศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา เพื่อกลั่นกรอง นี่คือกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ขอให้มั่นใจว่า ปปช.ทำเต็มที่ ไม่ทำชุ่ยๆและส่งไปโดยใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว
ส่วนที่มีการชี้แจงว่า การแก้กฎหมายเป็นหน้าที่ของ สส.มีอำนาจเสนอได้ แค่เซ็นเอกสารและยังไม่ได้ดำเนินการนั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า นั่นคือข้อชี้แจง ตนไม่แน่ใจว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่มีการยื่นไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยด้วยหรือไม่ หาก ไม่มี ปปช.จะวินิจฉัยว่า สิ่งที่กล่าวอ้างมาโอเคหรือไม่หรือเห็นถึงเจตนาหรือไม่ ในมาตรฐานจริยธรรมของ ปปช.มีเรื่องการปกป้องอธิปไตยความมั่นคงเรื่องระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะล่วงล้ำไม่ได้และไม่เคารพไม่ได้
ขอนายกฯใหม่เข้าใจลึกซึ้งปัญหาปท.
ด้าน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง“คนไทยกับนายกรัฐมนตรี”ระหว่างวันที่ 14-15สิงหาคม2567 กลุ่มตัวอย่าง 1,239คน สำรวจผ่านทางออนไลน์และภาคสนามพบว่า กลุ่มตัวอย่างคิดว่าการที่นายกฯเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นเรื่องการเมือง มีเบื้องลึกเบื้องหลัง ร้อยละ52.88และน่าจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง ร้อยละ70.30 ทั้งนี้หวังว่าผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ คนใหม่ ควรเข้าใจปัญหาสังคมและประชาชน ร้อยละ62.62สุดท้ายคิดว่าคนที่จะมาเป็นนายกฯคนใหม่ น่าจะเป็นคุณแพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 36.35 รองลงมาคือคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ25.33
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลโพลสะท้อนถึงความกังวลของประชาชนต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่เข้มข้นในช่วงนี้ มองเห็นถึงความไม่มั่นคงทางการเมืองที่อาจกระทบต่อทิศทางการบริหารประเทศและนโยบายเรือธงที่เป็นความหวังของประชาชน เรื่องการเมืองมีความซับซ้อนและผลประโยชน์ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง ดังนั้น ผู้นำคนใหม่จึงต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจลึกซึ้งในปัญหาของประเทศและสามารถเชื่อมโยงกับประชาชนได้อย่างแท้จริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและนำพาประเทศไปสู่เสถียรภาพที่มั่นคง
ต้องแก้ไขปัญหาศก.ประเทศได้ทันที
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยอดชาย ชุติกาโม อาจารย์ประจำโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า การหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้สถานการณ์ทางการเมืองไทย ณ เวลานี้ มีความร้อนแรงอย่างยิ่ง และกระทบไปยังภาคส่วนต่างๆ จากผลสำรวจของสวนดุสิตโพล พบว่า 52.88% ประชาชนเชื่อว่าเป็นเรื่องการเมือง มีเบื้องลึกเบื้องหลัง มีประชาชน เพียง 15.76% เท่านั้นที่เชื่อว่าไม่มีผลกระทบกับชีวิตประจำวัน
ขณะที่คนส่วนใหญ่มองว่าการหลุดจากตำแหน่งของนายเศรษฐา น่าจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองไทย ในประเด็นที่ว่าใครสมควรเป็นนายกฯ คนต่อไป ประชาชน 36.35% ให้คุณแพทองธาร ชินวัตร มาเป็นอันดับหนึ่ง เบียดคู่แข่งที่มาแรงอย่างคุณอนุทิน ชาญวีรกูล โดยประชาชนส่วนใหญ่คาดหวังว่านายกฯ คนต่อไป ต้องเข้าใจปัญหาสังคมและประชาชนและสามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้ทันทีซึ่งประชาชนมีความคาดหวังเรื่องเศรษฐกิจถึง 61.97%
จุดเริ่มต้นโศกนาฏกรรมการเมืองไทย
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า สถานการณ์เปลี่ยนตัวนายกฯ คนที่ 31 รวดเร็วต่อเนื่องตั้งแต่เย็น 14ส.ค.แล้วมาลงตัวที่ให้ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวสุดท้องของนักโทษทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกฯ คนใหม่ เท่ากับเป็นการตัดสินใจไปสู่จุดเริ่มต้นถูกล้มกระดานและโศกนาฎกรรมทางการเมืองของไทยอีกครั้ง “อุ๊งอิ๊งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการล้มกระดานยกใหม่ โดยแววตาของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่มาแถลงหนุนให้เป็นนายกฯนั้น หาความสุขไม่ได้เลย มีสีหน้าเหมือนไปงานศพ แต่ละคนฝืนยิ้ม บรรยากาศแถลงข่าวสำคัญไม่สดใส ภาษากายของผู้มาร่วมงานแสดงถึงความไม่สบายใจ เหมือนมีอะไรปิดบังซ่อนเร้นกันอยู่ คนที่น่าสงสารมากคือ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯอีกคนที่ถูกเรียกตัวเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อเย็น 14ส.ค.แล้วชูให้เป็นนายกฯคนที่31 ราวกับเอาคนป่วยไปเป็นตัวล่อให้ถูกรุมกระทืบ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในการเสนออุ๊งอิ๊ง ขึ้นเป็นนายกฯ ซึ่งคนทำเช่นนี้ช่างไร้ความจริงใจแบบมนุษย์สิ้นเชิง
ถูกนักโทษ’แม้ว’ครอบงำอย่างชัดเจน
นายจตุพร กล่าวอีกว่า คงต้องเผื่อใจไว้บ้างกับการตั้งนายกฯ คนที่31 เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แค่ไม่เกิน 24ชั่วโมงจากเย็นวันที่14ส.ค.ถึงเย็นวันที่15ส.ค.ที่มีการแถลงข่าวของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้เปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยถึง 2คน ดังนั้น ก่อนถึงวันที่สภาลงมติเลือกในวันที่ 16 ส.ค.นี้ อาจเกิดเหตุฉับพลันให้เปลี่ยนตัวนายกฯ คนใหม่ขึ้นอีกก็ได้ ซึ่งใครจะไปรู้ อะไรก็เกิดขึ้นได้กับการเมืองไทย ส่วนแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลถูกเรียกไปประชุมหาตัวนายกฯ คนใหม่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้านั้น นายจตุพร เชื่อว่า เข้าข่ายถูกนักโทษครอบงำทางการเมืองอย่างชัดเจน เพราะบ้านจันทร์ส่องหล้าไม่ใช่บ้านตามสภาพคนปกติอยู่อาศัย แต่เป็นบ้านที่นักโทษแจ้งไว้ขณะถูกคุมตัวและได้รับการพักโทษอาศัยอยู่
“การเรียกแกนนำพรรคร่วมไปหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้าจึงเป็นการท้าทายกฎหมาย เป็นการแสดงแสนยานุภาพทางการเมืองของนักโทษ ดังนั้น ถ้าวันที่ 16 ส.ค.ผ่านการเลือกนายกฯ ได้แล้ว หลังจากนั้น คงไม่อาจคาดคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้น แล้วต้องลุ้นกันอย่างสนุก เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในสถานการณ์เปลี่ยนแปลงตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งแสดงถึงความไม่นิ่งของสถานการณ์”
เชื่อหลายนโยบายเดินหน้าต่อไม่ได้
นายจตุพร ยังกล่าวย้ำว่า การเปลี่ยนตัวนายกฯ เป็นอุ๊งอิ๊ง ไม่ได้เป็นความสำเร็จทางการเมืองและของบ้านเมือง กลับจะเป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะครั้งใหม่ เพราะอารมณ์ของสังคมเพิ่มความไม่พอใจกับ 4 โครงการสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่พยายามผลักดัน คือ โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ขายคอนโด 75% ต่างชาติอยู่นาน 99ปี ตั้งบ่อนคาสิโนและลงทุนแลนด์บริดจ์ได้เช่าที่ดิน 3 แสนไร่นาน 99 ปี โดยยิ่งนานวันเข้ารัฐบาลเพื่อไทยกลับหาทางออกในโครงการเหล่านี้ยากเต็มทน”อารมณ์ของประชาชนขณะนี้ไปเร็วและแรงมาก เป็นแรงเหวี่ยงที่คาดไม่ถึง เชื่อว่า หลังจากพรุ่งนี้ (16 ส.ค.สภาเลือกนายกฯ ใหม่ตามเวลานัด 10.00 น.) ถ้าเลือกนายกฯ สำเร็จ และอุ๊งอิ๊งได้เป็น(นายกฯ) เราจะเห็นอารมณ์ของประชาชนอีกรูปแบบหนึ่ง อีกทั้งคาดว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมแถลงข่าวหนุนอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ คงไม่เห็นคุณสมบัติใดในตัวที่เหมาะสม นอกจากความเป็นลูกของทักษิณเท่านั้น จึงแสดงถึงความกังวลผ่านภาษากายในวันแถลงข่าวได้อย่างชัดเจน เท่ากับหวั่นไหวกับการประเมินอะไรผิดไปหรือไม่ ดังนั้น วันเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความเชื่อมั่นของใครบางคนที่เสนอตัวนายกฯ คนใหม่ เป็นเธอคนนี้” นายจตุพร ประเมิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี