"กมธ.ประชามติ"ปรับระดับเกณฑ์ผ่านประชามติด้วยเสียงข้างมาก เพิ่มเงื่อนไข ต้องได้คะแนนสูงกว่า"งดออกเสียง" พบ"กมธ.ฝั่งรัฐบาล"ขอเพิ่มเกณฑ์คนมาใช้สิทธิ 1 ใน 4 ด้าน"พรรคประชาชน"ขอแก้ไขคุณสมบัติผู้มีสิทธิ
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 21 ส.ค.นี้ มีวาระพิจารณาสำคัญ คือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ที่มี นายวุฒิสาร ตันไชย เป็นประธาน กมธ.ได้พิจารณแล้วเสร็จ ทั้งนี้ มี ส.ส.ที่เสนอคำแปรญัตติ 1 คน คือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน
ขณะนี้สาระของการแก้ไขเนื้อหา กมธ.มีการแก้ไขเนื้อหา 7 มาตรา จากร่าง พ.ร.บ.ฉบับหลัก ที่เสนอ 9 มาตรา และมีเพิ่มขึ้นใหม่ 3 มาตรา
โดยมีสาระสำคัญที่แก้ไข คือ 1.การกำหนดเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาการทำประชามติที่เป็นวันเดียวกันกับการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป หรือการเลือกตั้งท้องถิ่นเนื่องจากครบวาระ ต้องไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วันนับจากวันที่รับแจ้งจากประธานรัฐสภา
2.กรณีที่ประชาชน 5 หมื่นชื่อ จะยื่นเรื่องต่อ ครม.ให้พิจารณาทำประชามติ ได้เพิ่มรายละเอียดให้สามารถทำผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้
3.เกณฑ์การผ่านประชามติ ที่กำหนดให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง กมธ.ได้เพิ่มหลักเกณฑ์ คือ นอกจากจะได้เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียงแล้ว ต้องเป็นคะแนนที่สูงกว่าคะแนนที่ไม่แสดงความคิด (งดออกเสียง) ในเรื่องที่ทำประชามตินั้น
ทั้งนี้ ในเกณฑ์ผ่านประชามติ ตาม พ.ร.บ.ประชามติ พ.ศ.2561 นั้น กำหนดให้ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น คือ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และเสียงเห็นชอบต้องเป็นกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ
ส่วนมาตราที่ กมธ.เพิ่มใหม่นั้น พบความน่าสนใจ คือ การกำหนดรายละเอียดให้เผยแพร่และจัดทำข้อมูลนำเสนอต่อประชาชนก่อนการออกเสียงประชามติที่ต้องมุ่งหมายให้ประชาชนเข้าใจในรายละเอียดที่ถูกต้อง ไม่ชี้นำว่าให้ออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ทั้งนี้ กมธ.ได้เพิ่มข้อความ คือ "ข้อห้ามให้ชี้นำให้มีการลงคะแนนออกเสียงทางใดทางหนึ่งกับเรื่องที่จะมีการออกเสียงนั้น" โดยเหตุผลที่เพิ่มข้อความดังกล่าว เพราะ กมธ.ได้เพิ่มเกณฑ์ผ่านประชามติที่เติมเงื่อนไข คือ ต้องได้คะแนนที่สูงกว่าการไม่แสดงความคิดเห็น หรืองดออกเสียง ดังนั้น หากกำหนดข้อห้ามชี้นำ ให้เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ อาจไม่ครอบคลุมประเด็นที่เพิ่มเติม
นอกจากนั้น เป็นการกำหนดรายละเอียดในส่วนธุรการ เช่น กรณีที่กำหนดวันออกเสียงประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง ส.ส.หรือเลือกตั้งท้องถิ่นให้ ครม.หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อกำหนดค่าใช้จ่ายในการทำประชามติและการเลือกตั้ง กำหนดให้มีกรรมการประจำเขต ไม่เกิน 5 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในประเด็นสำคัญ ว่าด้วยเกณฑ์ที่ใช้เป็นข้อยุติในเรื่องที่ออกเสียงประชามติ ซึ่ง กมธ.ได้เติมหลักเกณฑ์นอกจากต้องได้เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียงแล้ว ยังกำหนดให้ต้องเป็นคะแนนที่สูงกว่าคะแนนที่ไม่แสดงความคิดในเรื่องที่ทำประชามติด้วย
พบว่ามี กมธ.ที่สงวนความเห็น โดยพบว่าเป็นฝั่งของสส.ร่วมรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งขอแก้ไขในข้อความเดียวกัน คือ กำหนดเกณฑ์ผ่านประชามติ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 1 ใน 4 ของผู้มีสิทธิออกเสียง เพิ่มเติมจากการได้เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง และคะแนนเสียงข้างมากต้องสูงกว่าคะแนนเสียงที่ไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องทำประชามติ
ทั้งนี้ ในรายละเอียดของการพิจารณานั้น ต้องจับตาการแปรญัตติเพิ่มเติมของ ส.ส.พรรคประชาชน อาทิ แก้ไขคุณสมบัติผู้มีสิทธิออกเสียงและมีหน้าที่ไปใช้สิทธิออกเสียงอย่างอิสระ ที่ให้เพิ่มบุคคลที่มีอาศัย ทำงาน หรือศึกษา อยู่ในเขตออกเสียงมาแล้วติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันออกเสียงจากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะผู้ที่มีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตอออกเสียงมาแล้วไม่น้อยกว่า 90 วันนับจากวันออกเสียง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี