‘สส.รัฐบาล-ฝ่ายค้าน’ ได้ทีผนึกกำลังวิจารณ์ปมจริยธรรมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ด้านพรรคประชาชนข้องใจโยงยุบ ‘ก้าวไกล’ มีอคติส่วนตัวหรือไม่ ปลุกสภาฯใช้อำนาจเต็มนิติบัญญัติ แก้รธน.ยกเครื่องจัดระเบียบ‘องค์กรตุลาการ’ ขณะที่‘เพื่อไทย’ระบุคนเดียวทำกระบวนการยุติธรรมขาดเชื่อมั่น เปรียบเป็น ‘พระปาราชิก’ ผิดธรรมวินัย ต้องสึกอย่างเดียว ก่อนมีมติส่งข้อเสนอ-ข้อสังเกตให้ศาลรธน.พิจารณา
22 ส.ค.2567 เมื่อเวลา 17.10 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเกี่ยวกับการแสดงออกของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรตุลาการในเวทีสาธารณะซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยประชาชนจนนำไปสู่การตั้งคำถามต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระ เพื่อส่งข้อสังเกตและข้อเสนอของสภาผู้แทนราษฎรให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาดำเนินการต่อไป เสนอโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิสส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเข้าสู่ญัตติ นายวันมูหะมัดนอร์ ได้แจ้งให้สมาชิกระมัดระวังคำอภิปราย เนื่องจากมีการกล่าวถึงบุคคลภายนอก และองค์กรตุลาการ ขณะเดียวกันมีการถ่ายทอดสดออกไปจึงไม่มีการเอกสิทธิ์คุ้มครองสมาชิก บุคคลภายนอกสามารถฟ้องร้องได้ ขณะเดียวกันขอให้ระมัดระวังการละเมิดอำนาจศาลฯด้วย
โดยนายณัฐพงษ์ ชี้แจงหลักการเหตุผลในการเสนอญัตติว่า จากกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรายหนึ่ง ขึ้นไปบรรยายในเวทีสาธารณะ ที่จ.สุราษฎร์ธานี และมีการแสดงความคิดเห็นระบุถึงพรรคประชาชนโดยตรงว่า พวกเราต้องขอบคุณท่าน ที่ท่านได้วินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล จนนำมาสู่การที่พรรคประชาชนได้รับยอดเงินบริจาคสูงถึง 20 ล้านบาท ตนขอตั้งคำถามว่าการแสดงความเห็นแบบนี้เป็นการไตร่ตรองอย่างดีว่าเป็นทัศนคติส่วนตัว หรือ แสดงทัศนคติที่ส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะองค์กรอิสระภายใต้รัฐธรรมนูญ ตนไม่ขัดข้องหากแสดงความเห็นส่วนตัว แต่เป็นการแสดงความเห็นที่ท่านเองเป็นองค์คณะตุลาการที่พิพากษาประหารชีวิตยุบพรรคพรรคการเมือง
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า การออกมาแสดงความเห็นแบบนี้ เชิงประชดประชัน ถากถางว่า พวกเราต้องขอบคุณท่านตนคิดว่าแบบนี้ เป็นความชอบธรรมของสภาฯ และประชาชนที่กำลังรับฟังอยู่ว่าควรตั้งคำถามต่อองค์กรภายใต้รัฐธรรมนูญได้ ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหมวดที่ 2 ว่าด้วยจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ข้อ 13 ระบุไว้ว่าหนึ่งว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม เป็นอิสระ เป็นกลาง และปราศจากอคติ และข้อ17 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องไม่ทำการใดๆให้เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์และการดำรงตำแหน่ง จากการแสดงทัศนคติแบบนี้บนเวทีสาธารณะเป็นกลางหรือไม่ สาธารณชนตั้งคำถามได้หรือไม่ว่าคำตัดสินยุบพรรคก้าวไกลไปนั้น ใช้อคติส่วนตัวในการวินิจฉัยหรือไม่ นอกจากนี้ยังชัดเจนว่าทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อหลักจรรยาบรรณวิชาชีพของตุลาการศาลฯ ยืนยันว่าเราตั้งคำถามได้
“สิ่งที่เราทำได้แน่นอนคือการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง ผมเชื่อว่าอีก 2 ปีกว่าๆของสภาฯชุดนี้ เราจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อจัดวางตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ ที่มาที่ไป การถอดถอนขององค์กรอิสระ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างไรได้บ้าง เรามีอำนาจเต็มทำเรื่องนี้ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อทำให้สภาฯทางความศักดิ์และสิทธิ์ในการเป็นผู้แทนปวงชน” นายณัฐพงษ์ กล่าว
จากนั้นในเวลา 17.20 น. ได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเกี่ยวกับการแสดงออกของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรตุลาการในเวทีสาธารณะซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยประชาชนจนนำไปสู่การตั้งคำถามต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระ เพื่อส่งข้อสังเกต และข้อเสนอของสภาฯให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาดำเนินการต่อไป เสนอโดยนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นญัตติในลักษณะที่คล้ายกับญัตตินายณัฐพงษ์
นายอดิศร ชี้แจงหลักการเหตุผลของญัตติว่า ไม่รู้ว่าตุลาการศาลฯท่านดังกล่าวพูดแบบตั้งใจ หรือตกกระไดพลอยโจน หรือตั้งใจมาก โดยแสดงความเห็นแบบลักษณะเสียดสีบุคคลคู่กรณี ยืนยันว่าเรากำลังทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อถ่วงดุลกับฝ่ายตุลาการ ไม่มีอคติ เพียงแต่เราเห็นว่าเป็นคำพูดไม่เหมาะสม ตนข้อตั้งคำถามว่า ก่อนตัดสินคดีใดๆ ท่านมีอคติหรือไม่ มีความเป็นกลางหรือไม่ เรายกให้ท่านไปเป็นพระบนหิ้งดังนั้นพระต้องอยู่ในธรรมวินัย เมื่อทำผิดพระธรรมวินัย ก็ต้องปาราชิกขาดจากความเป็นพระ ในญัตติระบุว่าให้ส่งไปศาลรัฐธรรมนูญ แต่ตนคิดว่าไม่ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะพระที่เป็นปาราชิกก็ต้องสึก เปรียบเสมือนกาดำเป็นสิ่งไม่ดีในกระบวนการยุติธรรม ท่านคนเดียวทำให้กระบวนการยุติธรรมขาดความเชื่อมั่น เราไม่มีข้อขัดแย้งกับองค์กรตุลาการทั้งหมด เรามีเรื่องเฉพาะบุคคล นิ้วใดร้ายตัดทิ้ง ตัดอวัยวะรักษาชีวิต
“หวังว่าสภาฯ ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ เราเป็นผู้เสียหายร่วมกัน ต้องปกปักรักษา ท่านเป็นตุลาการชี้นิ้วว่าว่าคนอื่นขัดจริยธรรม แต่อีก 3 นิ้วที่ชี้เข้าหาตัวเอง ท่านไม่อธิบายได้อย่างไร ผมไม่อยากให้ความยุติธรรมต่ำไปกว่านี้ อยู่สูงแล้วให้อยู่สูงต่อไป วินิจฉัยข้อขัดแย้งของพวกเราเพราะท่านทำหน้าที่ ถ้าอยากลงมาต่ำมาเกลือกกลั้วกับเราก็ผ่านการเลือกตั้งสิ มีประชาชนตรวจสอบ ตามระบอบประชาธิปไตยฯ” นายอดิศร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้อภิปรายส่วนใหญ่มีความเห็นไปในแนวทางเดียวกัน ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ว่าควรแก้ไขปัญหานี้ตั้งแต่เริ่มต้น โดยเฉพาะการแก้ไขผ่านตัวบทกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการแก้รัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นมาตรฐานทางจริยธรรมขององค์กรตุลาการ ทั้งนี้เมื่ออภิปรายแล้วเสร็จ ที่ประชุมจึงได้มีมติให้ส่งข้อเสนอและข้อสังเกตไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาต่อไป จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ ในฐานะประธานที่ประชุม ได้สั่งปิดประชุมในเวลา 18.26 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี