โมเมนตัมเศรษฐกิจแรง! ถามดังๆใครจะรับภาระ‘โฆษกรัฐบาล’

6 กันยายน 2567 นายเถกิง สมทรัพย์ อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “เถกิง สมทรัพย์” แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ระบุว่า...

แม้ว่า เสถียรภาพรัฐบาลจะดูสั่นคลอนขนาดหนัก จากข่าวการยื่นถอดถอนยื่นตรวจสอบและการวิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วงเต็มสื่อทุกแพลตฟอร์ม

รัฐบาลจะเริ่มเป็นองค์กรที่ทำงานได้ในวันพรุ่งนี้ที่จะมีการประชุมทันทีที่ถวายสัตย์ฯ

ฝ่ายตรวจสอบก็เข้มข้นขยันขันแข็งมากันเป็นพายุถล่มหนัก

แต่หุ้นเขียว.. ทันทีที่ข่าว กองทุนวายุภักดิ์ แพร่ออกมา.>>>…ตลาดหุ้นดีดเปรี้ยงพันสี่ร้อยกว่าจุด

เห็นหน้าปลัดกระทรวงการคลัง คุณลวรณ แสงสนิท โผล่ออกสื่อแถลงเรื่องกองทุนยักษ์นกวายุภักดิ์ที่จะปลุกตลาดหุ้นให้ฟื้นเหมือนนกฟีนิกซ์คืนชีพจากกองไฟ

ผมก็มีคำถามในใจว่า…ใครจะมาเป็นโฆษกรัฐบาล

ถ้าคิดตามสภาพการเมือง..>>..>คนที่จะส่งเสียงประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์รัฐบาลน่าจะต้อง เป็นคนที่มีความชำนาญเรื่อง เศรษฐกิจ ธุรกิจ การพัฒนาประเทศ

เพราะสายบู๊การเมืองมีเต็มพรรคอยู่แล้ว

โมเมนตัมทางเศรษฐกิจน่าจะกำลังมาจากนโยบายการคลังการเงินที่อัดฉีดกันอย่างแรงในช่วงเดือนสองเดือนนี้

เงินสดหนึ่งหมื่นบาทแจกให้ 14 ล้านคนไปใช้จ่ายฟื้นจากระดับรากหญ้าขึ้นมา

กองทุนวายุภักดิ์ช่วยฟื้นตลาดหุ้นให้กระชุมกระชวย

แต่รัฐบาลยังต้องมีงานใหญ่ คือ สร้างบรรยากาศความหวังในเรื่องเศรษฐกิจ ธุรกิจ ค้าขาย การมีชีวิตที่ดี

สร้างสมดุลกับบรรยากาศการเมืองที่อบอวลไปด้วยรังสีการทำลายล้างรัฐบาล

เพราะก้อนเงินอัดฉีดจะมีผลดีก็ต้องสร้างพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เกิดในใจประชาชนส่งผลให้เคลื่อนไหวทำมาหากินมีความหวัง

ถ้าชาวบ้านไม่มีความหวัง มันก็เหมือนหมอจ่ายยาสิบถุงให้คนไข้กินทั้งเดือน แต่กินแล้วยังนอนซมต่อไป..มันก็ไม่น่าจะรอด

ใครจะมารับภาระนี้..โฆษกรัฐบาล

-005