ยึดมันปฏิบัติตามพระบรมราโชวาท
‘อิ๊งค์’ลันอย่ครบ3ปี
ประกาศลุยงานแข่งกับเวลา
ถกครม.นัดพิเศษชื่นมื่น
จัดทำนโยบายแถลงสภา
คปท.เปิดเวทีถล่มทันควัน
นายกฯ “อิ๊งค์” นั่งหัวโต๊ะถกครม.นัดพิเศษ ขอให้ทุกคนน้อมนำพระบรมราโชวาท เป็นกำลังใจ-แนวทางทำงานอย่างมุ่งมั่น กำชับรมต.ทุกคน เตรียมพร้อมชี้แจงตอบ-ขยายผลนโยบายฯ ย้ำสานต่อนโยบายรัฐบาลเศรษฐาจ้อสื่อนอกมั่นใจอยู่ครบ 3 ปี
นำประเทศไทยกลับมามีอนาคต ด้านพรรคประชาชนขู่จัด 30 ขุนพล ถลกนโยบาย ลั่นดุเดือดแน่ คปท.เปิดเวทีถล่มทันควัน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 กันยายน 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เข้าปฎิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันแรกด้วย รถเบนซ์ รุ่น Vito Tourer สีบรอนซ์ เลขทะเบียน ขจ 995 กรุงเทพมหานครโดยมีนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีมาให้กำลังใจด้วย
[รรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักบรรดารัฐมนตรีได้ทยอยเดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล รวมตัวกันที่ตึกสันติไมตรี เพื่อรอถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน ที่บริเวณด้านหน้าสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจติดตามทำข่าวเป็นจำนวนมาก
จากนั้นเวลา09.15น. น.ส.แพทองธาร นำคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน ที่บริเวณด้านหน้าสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า ภายหลังถ่ายภาพหมู่เสร็จสิ้นนายกฯได้ทักทายสื่อมวลชนก่อนที่นายกฯพร้อมด้วยรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเดินมายังตึกบัญชาการ 1 เพื่อนำประชุมครม.นัดพิเศษโดยนายกฯและครม.เปลี่ยนจากชุดขาวปกติเป็นเสื้อผ้าไทยสีเหลือง ระหว่างเดินนายกฯได้ทักทายสื่อมวลชนพร้อมชี้นิ้วไปที่ตนเองก่อนพูดแซวตัวเองว่า“น้องใหม่”
ยึดมั่นในพระบรมราโชวาท
เวลา 10.00 น.ที่ห้องประชุมชั้น5 ตึกบัญชาการ1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 12-13กันยายนนี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดการประชุมก่อนเข้าสู่วาระว่าวันนี้ยังไม่มีข้อสั่งการแต่มีเรื่องจะขอฝาก ครม. 4 เรื่อง แต่ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับคณะรัฐมนตรีทุกท่านที่ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และขอให้ทุกคนได้น้อมนำพระบรมราโชวาทที่ทรงพระราชทานให้พวกเราซึ่งถือเป็นกำลังใจอย่างมากและเป็นแนวทางในการทำงานอย่างมุ่งมั่นต่อไป
เรื่องที่สอง ขอให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเตรียมการแต่งตั้งข้าราชการระดับปลัดแทนแทนตำแหน่งที่เกษียณและอยู่ในตำแหน่งครบอายุ 4 ปี เพื่อเสนอครม.หลังการแถลงนโยบาย เรื่องที่สาม สำหรับการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาขอให้รัฐมนตรีทุกคน เตรียมชี้แจงตอบคำถาม ในประเด็นนโยบายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งช่วยกันสื่อสารและขยายผลนโยบายในส่วนที่ตนเองเกี่ยวข้องเพื่อให้ราชการและประชาชนเข้าใจนโยบายของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น
ย้ำสานต่อนโยบายรัฐบาลเศรษฐา
เรื่องที่สี่ ขอให้ช่วยกันดำเนินการต่อเนื่องจากงานของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว การดูแลสินค้าเกษตร การดูแลกลุ่มเปราะบาง การแก้ปัญหาน้ำท่วม และการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ การเร่งรัดการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของภาครัฐ
เวลา 11.50 น.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเดิน นำรัฐมนตรีทั้ง 35 คน เดินลงจากตึกบัญชาการ 1 ที่เป็นสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ไปยังตึกสันติไมตรี เพื่อแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษซึ่งเป็นที่สังเกตว่า น.ส.แพทองธารได้จัดแถวให้รัฐมนตรีผู้หญิงเดินขนาบข้างเป็นแถวหน้า ตามด้วยบรรดารองนายกฯ และรัฐมนตรีที่เหลือ
จากนั้นเวลา12.00น.น.ส.แพทองธาร นำคณะรัฐมนตรีแถลงข่าวโดยกล่าวว่าตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสแก่ดิฉันและคณะรัฐมนตรี เนื่องในวโรกาส เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี พระองค์ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า”ขอให้พรด้วยความยินดี ให้คณะรัฐมนตรีมีกำลังใจ มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ถวายสัตย์ไปแล้ว เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และประชาชน” นับเป็นเกียรติยศและความภาคภูมิใจสูงสุดแก่ชีวิตของดิฉันและคณะรัฐมนตรี พร้อมน้อมนำพระราชดำรัส มาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ
ชูจุดแข็งรัฐบาลแก้ปัญหาตรงจุด
“ทั้งนี้ ดิฉันและคณะรัฐมนตรีทุกคน พร้อมที่จะทำงานเพื่อประเทศอย่างเต็มที่ เราจะทำงานแข่งกับเวลา ทุกนาที ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะ เราคือผู้แทนของประชาชน ที่ได้รับการเลือกตั้งมาจากทั่วพื้นที่ของคนทั้งประเทศ เรามาจากพรรคการเมืองที่มีความแตกต่างหลากหลาย ต่างภูมิภาค ต่างช่วงวัย เพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน ซึ่งจะใช้ความหลากหลายให้เป็นจุดแข็ง ให้รู้ปัญหาที่แท้จริงของประชาชน และสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด และทันเวลา”
นายกฯกล่าวอีกว่า ขอให้ความมั่นใจว่า ดิฉันจะใช้ความสามารถในการประสานพลังกับคณะรัฐมนตรีทุกท่าน ให้ทำงานด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ความสามารถของตนเอง อย่างเต็มที่ เชื่อว่าโอกาส คือ สิ่งที่เราสามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ และคณะรัฐมนตรีและข้าราชการทุกภาคส่วน พร้อมแล้วที่จะทำงานเพื่ออย่างแน่วแน่ และมั่นคง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทำงานเป็นทีมสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมให้กับประชาชน และไม่ใช่เริ่มพรุ่งนี้ แต่จะเริ่มตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป
และในที่ประชุมครม.ตนได้ขอให้รมต.ทุกท่านช่วยกันดำเนินการต่อเนื่องจากงานของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯโดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจและขอให้ทุกกระทรวงดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในพิธีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา6รอบตลอดทั้งปี
ขีดเส้น3เดือนแรกมีสรุปผลงานชัด
เมื่อถามว่านายกฯมีเวลา3ปีได้ตั้งการประเมินผลงานตัวนายกฯและรัฐมนตรีอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การวัดการประเมินต่างๆคงต้องดูกันตลอดเพราะอย่างที่บอกว่าเราจะทำงานแข่งกับเวลาแต่ส่วนของนโยบายต่างๆ ต้องขึ้นอยู่กับว่านโยบายนั้นคือ นโยบายอะไรในใจคิดว่าต้องสรุปให้ประชาชนฟังใน 3 เดือนแรกแน่นอน แต่ส่วนตัวจะนัดรัฐมนตรี แต่ละท่านมาร่วมพูดคุยกันทุกกระทรวงโดยจะสลับกระทรวงกันไปซึ่งได้วางเวลากันแล้วว่าจะเป็นช่วงไหน อยากให้การทำงานเป็นไปอย่างใกล้ชิด ไม่อยากให้เวลามอบหมายอะไรไปแล้ว ไม่สามารถถามได้ว่าอยู่ตรงไหน คิดว่าทุกท่านก็มีความตั้งใจที่จะทำตามนโยบายอยู่แล้ว ก็คิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดผลงานได้เร็วขึ้น
เมื่อถามว่าการเมืองปัจจุบันนิติสงครามทางการเมือง จะสู้รบอย่างไร เพื่อให้การทำงานอยู่ครบ3ปีน.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ทุกท่านความตั้งใจอยู่แล้ว เรื่องของกฎหมาย เรามีทีมกฎหมายแต่แน่นอนในคณะรัฐมนตรีมีผู้มีประสบการณ์และมีรัฐมนตรีใหม่ ฉะนั้นเราปรึกษากันและกัน ประสบการณ์เหล่านี้ บางทีต้องช่วยกันตีความหมายของกฎหมายในบางเรื่องด้วย เพราะบางเรื่องไม่สามารถตอบได้ว่าขาวหรือดำ แน่นอนว่าก็ต้องมีความตั้งใจและดูทุกอย่างปรึกษาทุกหน่วยงานให้รอบคอบและรัดกุม
ชี้มีคดีจะพยายามรับมือให้ดีที่สุด
เมื่อถามอีกว่า นายกฯไม่กังวลกับคิวกฐินที่รอนายกฯอยู่ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ย้อนถามว่า“คิวกฐินเลยหรือ นี่คือคำเปรียบเปรียบเทียบใช่หรือไม่”เมื่อสื่อตอบว่า“มีนักร้องเตรียมที่จะร้องหลายคดี”นายกฯหัวเราะ ก่อนกล่าวว่า“แค่สื่อมวลชนถาม ก็น่าสงสารแล้ว ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดมา ก็ไม่เคยมีคดี พอมาถึงจุดนี้ มีคดีก็จะพยายามรับมือให้ได้ดีที่สุด และความจริงไม่อยากมีคดี เพราะลูกยังเล็กอยู่เลย”
ส่วนนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภามีอะไรที่แตกต่างไปจากรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน บ้าง น.ส.แพทองธารกล่าวว่าอยากจะขอความร่วมมือว่า เราเองอยากทำงานให้ครบ 3 ปีให้เกิดความต่อเนื่องของการทำงานอย่างตอนนี้มีการเปลี่ยนนายกฯและคณะรัฐมนตรี เราพยายาม ตอกย้ำ ยืนหยัดว่าตั้งแต่สมัยนายเศรษฐาเป็นนายกฯนโยบายครั้งนี้เราก็ได้ปรึกษาพรรคร่วมรัฐบาลเช่นกัน เป็นนโยบายที่ต่อเนื่องจากนายเศรษฐาและเป็นความเห็นของพรรคร่วมรัฐบาลว่ามีตรงไหนที่จะต้องปรับแก้ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำปรับแก้ต่างๆจะทำให้เราสามารถดำเนินนโยบายได้อย่างเต็มที่ และนโยบายที่เรารวบรวมในการแถลงในเล่มเป็นนโยบายที่เราใช้ตั้งแต่ตอนหาเสียง เราได้ตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลจนมาถึงตอนนี้ อยากแย้มได้เลยว่าค่อนข้างนโยบายเหมือนเดิม มีการเป็นปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันและมั่นใจว่าจะสามารถทำนโยบายได้สำเร็จ
ขอจบดราม่า‘ระบอบทักษิณ’
เมื่อถามว่า การที่ น.ส.แพทองธาร ก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ ด้วยความเป็นพ่อลูกกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำให้มีการมองว่าระบอบทักษิณกลับมาแล้วจะลบคำปรามาสนี้อย่างไรน.ส.แพทองธารกล่าวว่า“จะไม่ขอตอบเรื่องนายทักษิณแล้ว เพราะว่า เราต้องเดินไปข้างหน้า วิสัยทัศน์ที่ดี ไม่ว่าจะมาจากใครก็ตาม อายุเท่าไหร่ก็ตาม วิสัยทัศน์ที่ดี คือ สิ่งที่ดี เพราะฉะนั้น ขอตอบแค่นี้แล้วกันค่ะ”
เมื่อถามต่อว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตในเดือนก.ย.นี้ จะเห็นผลหรือไม่น.ส.แพทองธารกล่าวว่าในเรื่องของไทน์ไลน์ ขอให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นคนให้รายละเอียด แต่แน่นอนว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นทันที เพราะเป็นข้อแรก ที่เราได้เน้นย้ำและจะต้องทำงานกันต่อไป
จ้อสื่อนอกทำดีที่สุด/อยู่ครบวาระ
เวลา 12.00น.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนต่างประเทศถึงกรณีที่หลายประเทศ มีความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทย นายกฯจะสื่อสารกับต่างชาติเกี่ยวกับอนาคตของประเทศไทยและเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศอย่างไรว่าดิฉันพร้อมที่จะทำให้ประเทศกลับมามีอนาคต และในวันนี้ในฐานะนายกรัฐมนตรีก็พร้อมที่จะเดินหน้า เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ก็เป็นความโชคร้ายของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ
“พวกเราเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแต่พวกเราก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อให้รัฐบาลอยู่ครบวาระ และส่งต่อนโยบายของรัฐบาลไปสู่ประชาชน”นายกรัฐมนตรี กล่าว
ครม.นัดพิเศษถกคำแถลงนโยบาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวาระการประชุมครม.นัดพิเศษที่ประชุมจะมีการหารือในวาระต่างๆ โดยสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)จะเสนอแนวทางการประชุมครม.และการเสนอเรื่องต่อครม. และวาระการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างร่างมติคณะรัฐมนตรี และกลั่นกรองเรื่องเรื่องก่อนเสนอนายกฯรวมถึงยังมีการพิจารณาวาระสำคัญการจัดทำคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา นอกจากนี้ในที่ประชุมครม.จะมีการพิจารณาแต่งตั้งนพ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นเลขาธิการนายกฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมครั้งแรก ได้มีมติเห็นชอบ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.)เสนอแต่งตั้ง นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ในตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
‘เฉลิมชัย’ชงเสนอประกันรายได้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)นัดพิเศษถึงการพิจารณานโยบายพรรคร่วมรัฐบาลในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะแถลงต่อสภาว่าในการประชุมครม.นัดพิเศษ จะมีการเสนอนโยบายตามพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยแถลงไปแล้ว 4 ข้อ เมื่อถามว่าการดูแลพืชผลเกษตรจะต้องเป็นรูปแบบการประกันรายได้เกษตรกรใช่หรือไม่นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เป็นของเรื่องการดูแล
‘สรวงศ์’สวนชัดไม่ร่วมงาน พปชร.
ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ระบุว่าพปชร.จะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลเมื่อไม่อยู่ด้วยกันแล้วก็ไม่ต้องเกรงใจกันว่า การร่วมรัฐบาลมาด้วยกันตลอด1ปีที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างออกมาชัดเจนแม้ไม่ได้ออกมาเป็นคำพูด ซึ่งการที่พปชร.ออกมาพูดอย่างนี้กับสื่อมวลชนก็ถือว่าชัดเจนแล้วว่า ที่มาของการที่เราไม่สามารถร่วมงานกับพปชร.ได้ มีที่มาเป็นอย่างไร เป็นการยืนยันด้วยตัวของเขาเอง
ปัดไม่มีคนนอกสั่งการ‘เพื่อไทย’
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชัยวุฒิระบุว่ามีการครอบงำจากบุคคลภายนอก มาครอบงำสั่งการ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่มี สื่อมวลชนก็ทราบดี อย่างช่วงที่มีการโหวตเลือกนายกฯ แม้จะมีข่าวต่างๆออกมา แต่สุดท้ายพรรคเพื่อไทยก็มีมติพรรคออกมา ยืนยันว่า ไม่มีใครมาครอบงำพรรคได้อย่างแน่นอน เราทำงานกันอย่างเป็นระบบ และทำงานกันอย่างเต็มที่จนมีวันนี้ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคพปชร.บอกว่าจะตรวจสอบทั้งในและนอกสภาฯ นายสรวงศ์ กล่าวว่า เราพร้อมถูกตรวจสอบอยู่แล้ว และยิ่งเป็นรัฐบาล เรายิ่งหนีไม่พ้น ขอเวลาทำงานเพื่อพิสูจน์ผลงาน ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นนายกฯก็พร้อมรับบทบาทนี้และสู้ต่อไป
มั่นใจ‘ชูศักดิ์’นั่งครม.รอบคอบขึ้น
เมื่อถามว่าฝ่ายกฎหมายได้มีการเตรียมตัวแล้วใช่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยมีจุดอ่อนเรื่องการต่อสู้ด้วยข้อกฎหมาย นายสวงศ์ กล่าวว่า ก็ถูก เพราะเรามองบนจุดยืนของความบริสุทธิ์ใจ หลายเรื่องเราต่อสู้มาตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน มาถึงเพื่อไทย แต่ข้อกฎหมายต่างๆถูกพลิกแพลงอะไรไปบ้างซึ่งเหนือความคาดหมาย แต่วันนี้ครม.มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯเข้ามาเป็นที่ปรึกษาใหญ่จึงมั่นใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไป น่าจะมีความรอบคอบพอสมควร
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคพปชร.ระบุว่า ถูกหลอกให้โหวตแล้ว ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล นายสรวงศ์ กล่าวว่าก็ไม่มีอะไร วันนั้นพูดจากกันตนก็อยู่ในเหตุการณ์และเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่ากิริยาและพฤติกรรมหลายอย่างชัดเจนมาก ดังนั้น ขอให้ติดตาม ตนในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมต่อสู้ทุกคดี และทุกข้อรองเรียน
เมื่อถามว่าในอนาคตไม่สามารถร่วมงานกับพรรค พปชร.ไม่ว่าในกรณีใดได้เลยใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ณ ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนี้ และหากเขาพูดเช่นนี้ ก็คงไม่สามารถร่วมงานกันได้
วรชัย’ วอน ‘เสรีพิสุทธ์’ ใจร่มๆ
วันเดียวกันนายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ใกล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ตั้งป้อมวิพากษ์วิจารณ์อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ว่า โดยส่วนตัวตนค่อนข้างนับถือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เหมือนพี่ชาย วันที่ตนออกจากคุก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็มาเยี่ยมถึงบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องขอบคุณ แต่สิ่งที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พยายามพูดโจมตีอดีตนายกฯ ทักษิณ นั้นเป็นเรื่องที่ต้องชี้แจงให้พี่น้องประชาชนเข้าใจ โดยข้อเท็จจริง อดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่ควรติดคุกแม้แต่วันเดียว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับอดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นเรื่องของการใช้กระบวนการยึดอำนาจ 2549 มาดำเนินการทั้งสิ้น ซึ่งชัดเจนว่าผู้กระทำมีวัตถุประสงค์อย่างไร และการนำเรื่องนี้มาพยายามเชื่อมโยงโจมตีรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และเป็นคนละเรื่องกันอย่างชัดเจน
. “รัฐบาลชุดนี้มีนางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของอดีตนายกฯ ทักษิณ ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเกิดมาก่อนหน้านี้นานมากแล้ว อีกทั้งการพยายามกล่าวหาอย่างเลื่อนลอยเรื่องความพยายามครอบงำนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้พูดเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า การรับคำแนะนำจากอดีตนายกฯทักษิณ ก็เพราะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน แต่ไม่สามารถครอบงำการตัดสินใจทั้งหมดได้ และวันนี้เมื่อ น.ส.แพทองธาร ชึ้นเป็นนายกฯ ก็ได้รับการตอบรับจากภาคธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเห็นได้จากกระดานหุ้นที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องดีที่สุดในรอบหลายปี ดังนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ควรจะปรับเปลี่ยนจากการพยายามโจมตีมาเป็นการแนะนำช่วยเหลือให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้จะดีกว่า และทางที่ดีควรให้เวลารัฐบาลได้ทำงาน พิสูจน์ผลงานแก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชนก่อน เพราะวันนี้พี่น้องประชาชนประสบวิกฤตรอบด้าน และรัฐบาลก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ว่าพรรคตัวเองมีเพียงเสียงเดียวแล้วไม่ได้ตำแหน่งก็ไม่พอใจและวิพากษ์วิจารณ์โดยที่รัฐบาลยังไม่ได้เริ่มทำงานสักวันเดียว” นายวรชัย กล่าว
ปชน.ขู่ถลบนโยบายรบ.‘อิ๊งค์’
ในซีกพรรคฝ่ายค้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่าได้มีการเตรียมแล้ว ทั้งผู้ที่จะอภิปรายและประเด็น ส่วนจำนวนผู้อภิปราย จะจัดตามเวลาที่ได้รับจัดสรรจากสภาอีกครั้ง คาดว่าจะใกล้เคียงกับครั้งที่แล้ว ประมาณราวๆ 30-40 คน แต่กำหนดการออกมากระชั้นชิดเพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้กับครม. มีมติครม.เร่งด่วนไปแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้ทันภายในวันที่ 17ก.ย.และทางสภาฯยอมให้แถลงนโยบายในวันที่ 12-13ก.ย.ได้มีการเตรียมการ ทั้งวันทั้งคืน ในระยะเวลาเร่งด่วน
อภิปรายดุเดือดแน่จ่อทวงสัญญา
และระบุว่าวันนี้มีประชุมครม.นัดพิเศษได้พูดคุยถึงคำแถลงในนโยบาย ซึ่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ฝ่ายค้านยังไม่ได้รับเอกสาร สิ่งที่ทำได้คือเก็งประเด็นว่า มีอะไรบ้าง ครอบคลุมในเรื่องใด โดยเทียบเคียงจากการแถลงนโยบายรัฐบาล เศรษฐา และคำพูดของน.ส.แพทองธาร ที่เคยพูดก่อนหน้านี้ รวมถึงการพูดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในงานเดอะเนชั่น เมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.ศิริกัญญา ยังเชื่อมั่นว่าการอภิปรายครั้งนี้ น่าจะดุเดือด เพราะไม่ใช่รัฐบาลใหม่ถอดด้ามแต่สืบทอดมาจากรัฐบาลที่แล้ว ยังเป็นรัฐบาลเพื่อไทยอยู่จึงจะมีกลิ่นอายการตรวจการบ้าน 1 ปีของนโยบายที่เคยแถลงไว้รวมถึงทวงถามสัญญาที่เคยมีไว้ ตอนหาเสียงเลือกตั้ง การพูดนโยบายในต่างกรรมต่างวาระ ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาคาดหวังว่าประเทศจะเดินหน้าไปอย่างไร ในอีก 3 ปีข้างหน้า อาจจะมีความดุเดือดเล็กน้อยเพราะเราผิดหวังการทำงาน 1 ปีภายใต้การนำของนายเศรษฐา
‘บิ๊กป้อม’มอบ‘สามารถ’ลุยงาน
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวภายในพรรคพลังประชารัฐ ในวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการประชุมหารือถึงแนวทางขับเคลื่อนพรรคร่วมกับนายวัน อยู่บำรุง กรรมการบริหารพรรคและประธานพื้นที่กทม.พรรคพลังประชารัฐ,นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานที่ปรึกษากทม.พรรคพลังประชารัฐ,นายมณฑล โพธิ์คาย อดีตสส.กทม.
ทั้งนี้ บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี พล.อ.ประวิตร ยิ้มแย้ม อารมณ์ดีพร้อมพูดคุยกับลูกพรรคอย่างเป็นกันเอง โดยได้พูดคุยถึงทิศทางการนำคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมทำงานและขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐเพราะปัจจุบันการเมืองพัฒนาไปมากและพรรคพลังประชารัฐ จะทำพรรคการเมืองภายใต้สโกลแกน“อนุรักษ์นิยมทันสมัย”หมายความถึง การนำคนทุกช่วงวัยมาผสมผสานทำงานร่วมกัน
จากนั้นพล.อ.ประวิตรได้มอบหมายให้นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช เป็นประธานคนรุ่นใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้คำขวัญ‘ New Gen พลังคนรุ่นใหม่ พลังประชารัฐ’
ด้านกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ( คปท.) ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน ( ศปปส. ) กองทัพธรรม จัดเวทีเสวนา ‘เปิดโปงระบอบชินวัตร’ โดยมีประชาชนเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก ณ อนุสรณ์สถาน 14ตุลา แยกคอกวัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี