รบ.เล็งลดเวลาชำแหละนโยบาย
แตะเบรกฝ่ายค้าน
อ้าง‘อิ๊งค์’ต้องเร่งช่วยปชช.
ไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจ
พท.ชมนายกฯมีความเป็นผู้นำ
‘โพลล์’อวยรบ.อยู่ครบเทอม
เปิดนโยบาย “อิ๊งค์” 14 หน้า เตรียมแถลงต่อรัฐสภา 12 กันยายนการันตีเดินหน้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-เจรจาเขมร ด้านประธานวิปรัฐบาล นัดถกวิปวิป3ฝ่าย เคาะจัดสรรเวลา จ่อหั่นเวลาพ่นน้ำลายของฝ่ายค้านจาก 14 ชั่วโมงเหลือ 10 ชั่วโมง เพื่อเปิดทางครม.เร่งเข้าไปทำงานช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชน แตะเบรกฝ่ายค้านอย่าทำดุเดือดเพราะ ไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งไม่ตั้งองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ด้านนิด้าโพล์สำรวจความเห็นคนปักษ์ใต้บอกพอกันทีกับพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อวันที่ 8 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้นัดประชุมร่วมรัฐสภา เป็นพิเศษ วันที่ 12 – 13 ก.ย. โดยมีวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162
นโยบายรัฐบาลอุ๊งอิงค์14หน้า
ทั้งนี้ในระเบียบวาระดังกล่าวมีเอกสารเป็นคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ต่อรัฐสภา ซึ่งได้ส่งมายังสำนักงานเลขาธิการสภาฯ เมื่อวันที่ 7 ก.ย. มีทั้งสิ้น 14 หน้า โดยมีสาระสำคัญ ระบุว่าถึงภาวะความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยเผชิญ ที่เติบโตน้อยกว่าศักยภาพ หนี้สินเรื้อรัง ความเหลื่อมล้ำ ปัญหาสิ่งแวลดล้อม ปัญหาสังคม และการเมือง รัฐบาลจึงกำหนดนโยบายเพื่อพลิกฟื้นประเทศจากปัญหารุมเร้า โดยมีนโยบายเร่งด่วนที่ทำทันที คือ
1.การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ ช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบและในระบบที่ไม่ขัดต่อวินัยการเงินและไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรม
2.ส่งเสริมและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของคู่แข่งต่างชาติ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มออนไลน์
แก้ไขปัญหาด้านพลังงาน
3.ออกมาตรการเพื่อลดราคาพลังงานและสาธารณูปโภค ด้วยการปรับโครงสร้างราคาพลังงานและเร่งปรับปรุงกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น ทำสัญญาซื้อขายพลังงานโดยตรง พัฒนาระบบสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง สำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม และเจรจาประเด็นพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชา (OCA) เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน ด้านขนส่งมวลชนจะกำหนดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมในกทม. เพื่อรองรับนโยบายค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย
4.สร้างรายได้ใหม่ด้วยนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุขและสาธารณูปโภค
5.เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก
6.ยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย และเร่งเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและราคาพืชผลการเกษตร
เดินหน้าเอ็นเตอร์เทนเม้นต์
7.เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์)
8.แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ขาดและครบวงจร
9.เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อปกป้องผลประโยยชน์ของประชาชน
10.ส่งเสริมศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง
ต่อยอดภาคการบริการ
ขณะที่นโยบายพัฒนาประเทศระยะกลางและระยะยาว จะต่อยอดการพัฒนาของภาคผลิตและบริการ สร้างความสามารถในการแข่งขันเพื่อวางรากฐานสู่การพัฒนาประเทศในอนาคต ได้แก่ 1.ต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ยกระดับภูมิปัญญาไทยไปสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ ส่งเสริมซอฟท์พาวเวอร์ ต่อยอดพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล พัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ การบริการทางการแพทย์ รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขยายโอกาส ทั้งวิจัยและนวัตกรรม ด้านคมนาคมขนาดใหญ่ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการบริาหรจัดการที่ดินของรัฐ ให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิที่ดิน ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินเพิ่มขึ้น
“รัฐบาลจะเปลี่ยนโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับการกระจายรายได้ ดึงแรงงานนอกระบบ 50% สู่ระบบการศึกษา ศึกษาความเป็นไปได้ของการปฏิรูประบบภาษีไปสู่แบบ Negative Income Tax ผู้มีรายได้น้อยจะได้เงินภาษีคืนเป็นขั้นบันได รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่ดินของรัฐ รวมถึงมีเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเงินโลก ผ่านการผลักดันยกร่างกฎหมายชุดใหม่ที่เป็นสากล โปร่งใส เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ ออกแบบสิทธิประโยชน์เพื่อจูงใจนักลงทุน พัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมการเงิน ” คำแถลงนโยบายรัฐบาลระบุ
จัดทำรธน.ฉบับประชาชน
นอกจากนั้นแล้วยังระบุถึงนโยบายรัฐบาลในด้านต่างๆ อาทิ ยกระดับระบบสาธารณสุขไทยเป็น 30บาทรักษาทุกที่ สนับสนุนการสร้างซอฟท์พาวเวอร์ ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ ขณะที่นโยบายด้านการเมือง ในคำแถลงนโยบายระบุว่า พัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง มีสเถียรภาพ นิติธรรมและโปร่งใส คือ
1.เร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็ว,2.สร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินยึดมั่นหลักนิติธรรมและความโปร่งใส,3.ปฏิรูประบบราชการและกองทัพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ,4.ยกระดับการบริการภาครัฐให้สนองตอบความต้องการของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้ายของคำแถลงนโยบาย ระบุว่า รัฐบาลมุ่งมั่นพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติพระราชกรณียกิจของสถาบันพระมหากษัตริย์และดำเนินงานตามแนวพระราชดำริอย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งเสริมสถาบันศาสนาให้เป็นกลไกสรร้างคุณธรรมจริยธรรมในการดำเนินชีวิต ตลอดจนดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและจริงจัง
หั่นเวลาห้ามจ้อกันมาก
นายวิสุทธ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ในวัน9 ก.ย. เวลา10.00 น. จะมีการประชุมวิป 3 ฝ่าย ได้แก่ วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา เพื่อหารือถึงกรอบเวลาการอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของคณะรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 12-13 ก.ย.นี้ หวังว่าจะหารือเวลาอภิปรายลดลงจากเดิมที่เคยได้เวลา 31 ชั่วโมง ในการอภิปราย 2 วัน ซึ่งตนเห็นว่าเป็นระยะเวลาที่นานไป เพราะส่วนใหญ่เป็นนโยบายเดิมที่สานต่อจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน โดยมีเรื่องใหม่เข้ามาบ้าง ก็จะเจรจาปรับลดเวลาอภิปรายลงเพื่อให้ครม. เข้าไปปฏิบัติหน้าที่โดยโดยเร็วในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน
บอกรมต.ต้องมีวลาทำงาน
อย่างไรก็ตาม การแถลงนโยบายรัฐบาลฯ ทั้ง 2 วัน จะเริ่มในเวลา 09.00 น. และในวันพรุ่งนี้หลังจากที่ตกลงเวลากันได้ ก็จะแบ่งเวลาให้ทั้ง 3 ฝ่ายอย่างเหมาะสม เชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากทั้งฝ่ายค้าน และวุฒิสภา
“จากที่เคยเจรจากับฝ่ายค้านไปบ้างแล้ว อาจจะปรับลงมา ที่เคยได้เวลาไป 14 ชั่วโมง อาจจะปรับเหลือเป็น 10 ชั่วโมง หรือ 12 ชั่วโมง เพื่อเร่งรัดการแถลงนโยบายให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ” ประธานวิปรัฐบาล กล่าว
เตือนฝ่ายค้านไม่ต้องดุเดือด
เมื่อถามว่าทางฝ่ายค้านตั้งเป้าการอภิปรายครั้งนี้ว่าจะดุเดือดเข้มข้น ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ไม่มีดุเดือด เพราะครั้งนี้เป็นการอภิปรายแถลงนโยบาย ไม่ใช่การอภิปรายงบประมาณ หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้นจะอภิปรายนโยบายควบการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ มันคนละส่วนกัน
เมื่อถามว่าทางฝ่ายค้านจะทวงสัญญาช่วงเลือกตั้งและตรวจการบ้านครบ 1 ปี นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า 1 ปี ถ้าทำได้หมดก็ประหลาดแล้ว ตอนเข้ามางบประมาณปี 2567 ขณะนี้เองก็ยังอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง และทุกคนก็ทราบว่าเป็นงบประมาณที่รัฐบาลเก่าเป็นคนตั้งไว้ ส่วนงบประมาณปี 2568 ก็กำลังผ่านเข้าไปยังวุฒิสภา จะให้1ปีทำครบสัญญาทุกอย่าง ก็แปลกประหลาดไปแล้ว ยังมีเวลาอีกตั้ง 3 ปี
“ยืนยันว่าทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ไม่น่ากังวลอะไรและ เป็นธรรมดาของฝ่ายค้านที่จะมีหน้าที่อภิปรายติเตียน ส่วนรัฐบาลก็มีหน้าที่ที่จะชี้แจง สำหรับเอกสารเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงคาดว่าจะถึงสมาชิกในวันจันทร์ และอังคารนี้ แต่ในเบื้องต้นมีไฟล์เอกสารเผยแพร่ออกมาแล้วคาดว่า สมาชิกรัฐสภาจะได้รับทราบและศึกษาในเบื้องต้น” ประธานวิปรัฐบาล กล่าว
พท.ไม่ตั้งองค์รักษ์คุมกันอิ๊งค์
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคประชาชน (ปชน.) เตรียม 30 ขุนพลไว้ชำแหละนโยบาย น.ส.แพทองธาร ในวันแถลงนโยบาย 12-13 กันยายนนี้ ว่า ฝ่ายค้านจะอภิปราย 30 คน 40 คน หรือทั้งพรรคก็ถือเป็นสิทธิ แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้รัฐบาลของ น.ส.แพทองธารมีเสถียรภาพ มีความเข้มแข็ง
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ฉะนั้น การทำหน้าที่ในสภาของฝ่ายค้านควรต้องดูเรื่องนี้ประกอบด้วย และควรเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เพราะวันนี้เราควรให้ประเทศไทยได้ไปต่อ เราควรสลายขั้ว ก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่ก็ยังเชื่อมั่นเพราะการอภิปรายในหลายครั้งที่ผ่านมาของฝ่ายค้านยังทำได้ดี เพียงแค่ขอเน้นย้ำว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลนั้นเป็นภารกิจตามรัฐธรรมนูญ
ยันรัฐบาลมีความเข้มแข็ง
เมื่อถามว่า ในฐานะพรรครัฐบาลไม่ได้มีความกังวลอะไรใช่หรือไม่ นายอนุสรณ์กล่าวว่า ไม่มีความกังวล เพราะเข้าใจดีว่าเป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ทุกฝ่ายต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดี และประชาชนก็ติดตามดูอยู่ และตนคิดว่าเวทีนี้จะเป็นเวทีที่ได้มาตรวจการบ้านรัฐบาลด้วยว่า 1 ปีที่ผ่านมารัฐบาลเพื่อไทยมีอะไรเกิดขึ้นแล้วบ้าง และอะไรกำลังทำอยู่ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เสนอแนะสิ่งที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลยินดีรับฟัง
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านบอกว่าการอภิปรายจะมีความดุเดือดแน่ เราจะมีการเตรียมองครักษ์ไว้รับมือหรือไม่ นายอนุสรณ์กล่าวว่า องครักษ์คงไม่ต้อง เพราะคนที่อภิปรายหรือคนที่อาจจะเป็นองครักษ์ถูกตรวจสอบโดยประชาชนอยู่แล้ว คือหากการอภิปรายเกินกว่ากรอบหรือไม่อยู่บนพื้นฐานของความสร้างสรรค์ การติเพื่อก่อ ตนคิดว่าประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ในทางกลับกันคนที่จะเป็นองครักษ์จะลุกขึ้นสกัดหรือประท้วงโดยไม่สมเหตุสมผล ประชาชนก็จะวิเคราะห์และประเมินเช่นกัน ฉะนั้น โอกาสที่ทัวร์จะลงเกิดขึ้นได้ทุกฝ่าย จึงขอทุกฝ่ายทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
เมื่อถามว่า มั่นใจใช่หรือไม่ว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะสามารถตอบข้อชี้แจงของฝ่ายค้านได้ นายอนุสรณ์กล่าวว่า “มั่นใจครับ
“บิ๊กเกรียง”แจ้งสว.ศึกษานโยบาย
ด้านพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เปิดเผยถึงการเตรียมพร้อมการประชุมรัฐสภา เพื่ออภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพทองธารว่า ต้องรอที่ประชุมวิป3 ฝ่าย ได้ข้อสรุปเรื่องกรอบเวลาในการอภิปราย โดยวิปวุฒิสภา มีพลเอกสวัสดิ์ ทัศนา วิปวุฒิสภา เป็นตัวแทนหารือ เมื่อได้กรอบเวลามาแล้วก็จะเปิดให้สมาชิกวุฒิสภาเข้าชื่อเพื่อการอภิปราย เมื่อถามเรื่องข้อกังวลเกี่ยวกับการอภิปรายของสมาชิกวุฒิสภา เนื่องจากอาจจะเป็นการอภิปรายครั้งแรก ต่อนโยบายรัฐบาล ของสมาชิกหลายคน รองประธานวุฒิสภา ระบุว่าไม่ห่วง เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาทุกคนได้ศึกษานโยบายของรัฐบาลที่มีการแถลง เบื้องต้นมีการส่งไฟล์เอกสารคำแถลงนโยบายให้วุฒิสภาแล้ว โดยไม่มีการวางประเด็นในการอภิปราย เพราะให้สมาชิกมีความเป็นอิสระ ทุกคนมีองค์ความรู้ในการอภิปราย ได้เตรียมการในเรื่องว่าใครจะอภิปราย ได้แจ้งให้ทราบไปแล้วว่าจะต้องศึกษาข้อมูลมาก่อน
10นโยบายแก้ไขปัญหา
นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.ญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า จากที่ได้เห็นคำแถลงนโยบายรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ที่เตรียมจะแถลงต่อสภาในวันที่ 12-13กันยายนนี้ โดยทั้ง 10 นโยบายที่จะดำเนินการในวาระรัฐบาลชุดนี้ถือว่าเป็นการมุ่งเน้นการแก้ปัญหาใหญ่ของประเทศ แต่ในบางประเด็น โดยฉพาะอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ ยอมรับว่าเป็นเรื่องไม่ง่าย แต่หากรัฐบาลมีตัวชี้วัด หรือ KPI มาประเมินผลการทำงานให้ชัดเจน ดำเนินการจริงจังและทำต่อเนื่อง เชื่อว่าจะเห็นผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน
โพลคนใต้ไม่เลือกประชาธิปัตย์
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง “เสียงพี่น้องชาวใต้ถึงพรรคประชาธิปัตย์” สำรวจระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน 2567 จากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้จำนวน 1,310 คน เกี่ยวกับการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย
โดยความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 54.19 ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 14.58 ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 12.98 เห็นด้วยมากร้อยละ 11.91 ค่อนข้างเห็นด้วย และร้อยละ 6.34 ไม่ตอบไม่สนใจ
ขณะที่ผลสำรวจเกี่ยวกับการเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกครั้งหน้าพบว่าร้อยละ 41.37 บอกไม่เลือก ส่วนร้อยละ 41.15 ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 17.48 ยังเลือก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี