‘ปกรณ์วุฒิ’มั่นใจ 13 ชม.เพียงพอ ถลกนโยบาย‘แพทองธาร’ เผย‘พปชร.’ยังไม่มาคุยจัดสรรเวลา จี้ ครม.ตอบฝ่ายค้านให้ตรงคำถาม แย้มจ่อทวงความชัดเจน‘ดิจิทัลวอลเล็ต’
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 9 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า พรรคประชาชนได้มีการเสนอหัวข้อ ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้ร่างแถลงนโยบาย แต่เมื่อได้รับเอกสารแล้ว ก็ได้มีคณะกรรมการมาจัดเรื่องนโยบายเร่งด่วนที่จำเป็นจะต้องอภิปราย หรือมีนโยบายไหนที่ไม่ถูกบรรจุ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในพรุ่งนี้ (10 ก.ย.) ในขณะนี้ประชุมได้มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อคัดเลือกหัวข้อกันต่อไป ทั้งนี้คาดว่าพรรคประชาชนมีผู้อภิปรายประมาณ 30 กว่าคน
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐแล้วหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาคุยกับตน ตนแค่พูดคุยกับทางวิปรัฐบาลและยังไม่แน่ใจว่าจะจัดการอย่างไร แต่ในเมื่อตอนนี้ยังไม่มีใครมาประสานงาน ก็อาจจะต้องละเว้นไปก่อน เพื่อมาพูดคุยเงื่อนไขกันในอนาคต
เมื่อถามว่า แสดงว่าเวลา 13 ชั่วโมง ที่ได้รับจัดสรร เป็นของพรรคประชาชนทั้งหมดใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ณ ตอนนี้เรายังมีพรรคเล็ก ซึ่งได้มีการมาขอโควตาเวลาแล้ว คงบริหารจัดการกันและเชื่อว่าไม่มีปัญหา เมื่อถามย้ำว่าเวลาจะเพียงพอหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า จะพยายาม แต่คิดว่าจะสามารถบริหารจัดการได้
เมื่อถามถึงความชัดเจนของพรรคไทยสร้างไทย นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ในการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่ผ่านมา สส.พรรคไทยสร้างไทย 3 คน ได้โหวตไปในทิศทางเดียวกับฝ่ายค้านเหมือนเดิม แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ และคงคุยกันว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ส่วนจะจัดสรรเวลาให้กับผู้อภิปรายของพรรคไทยสร้างไทยหรือไม่นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า อยากให้รัฐบาลชี้แจงประเด็นไหนในการแถลงนโยบายหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ครั้งนี้โควตาเวลาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพิ่มจากครั้งที่แถลงนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นความตั้งใจของทุกฝ่ายที่อยากให้ครม.ชี้แจงได้อย่างเต็มที่ ซึ่งตนไม่ได้คาดหวังว่ารัฐมนตรีจะต้องชี้แจงไปในทิศทางใด เพียงแต่ต้องการความชัดเจนต่อข้อสงสัยจากฝ่ายค้านหรือแม้กระทั่งจากพรรคร่วมรัฐบาล และเราอยากเห็นการตอบคำถามที่ตรงกับคำถาม ไม่ใช่ถามแล้วไปตอบในสิ่งที่ข้าราชการเตรียมมาให้ หรือมาเปิดคลิปให้สส.ดู แค่นี้ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจแล้ว
เมื่อถามว่า ติดใจหรือไม่ที่คำแถลงนโยบาย ใช้ของเดิมเหมือนนายเศรษฐา นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าครม. ที่ไม่ได้มีหน้าตาเปลี่ยนแปลง จึงไม่น่าแปลกใจที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะไม่ใช่การพลิกขั้วรัฐบาลแต่อย่าง ชุดนโยบายยังเป็นเหมือนเดิม แต่ก็มีจุดแตกต่างที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกต ทั้งบางเรื่องที่โผล่มาใหม่หรือเคยมีแล้วหายไป
เมื่อถามต่อว่า มีความกังวลหรือไม่ที่ในคำแถลงนโยบาย ยังไม่มีความชัดเจนของนโยบายที่มีความสำคัญ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าการแถลงนโยบายมีข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถใส่รายละเอียดได้ลึกมากขนาดนั้น แต่ยังคิดว่าเวทีนโยบายเป็นเวทีที่สำคัญ เพราะหากร่างนโยบาย ไม่ได้มีนโยบายที่ชัดเจนก็เป็นหน้าที่ของสส. ที่จะต้องถาม ให้ประชาชนได้เข้าใจว่าจะเดินหน้าอย่างไร
เมื่อถามถึง ติดใจหรือไม่ที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ต มีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไป นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ คงมีสมาชิกที่อภิปรายเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งคงจะมีการถามความชัดเจนในที่ประชุมสภาฯอีกครั้ง
เมื่อถามย้ำว่า จะสัมพันธ์กับงบประมาณที่รัฐบาลเคยขอไว้แล้วหรือไม่ เพราะอาจมีความไม่สอดคล้องกัน นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้อย่างที่น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ถามไปหลายครั้งแล้วว่าบางรายละเอียดมีความสุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อกฎหมาย ดังนั้น ต้องรอคำตอบที่ชัดเจนว่านิ่งแล้วหรือไม่
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี