แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 2 เริ่มแล้ว! เหลือเวลาอีก 13 ชม.กว่า ‘พรรคเล็ก’ตบเท้าหนุนนโยบาย ขณะที่‘รมช.คลัง’แจง‘กาสิโนครบวงจร’หวังสร้างเงินใหม่ ดึงต่างชาติลงทุน สร้างงาน-อาชีพในไทย รับเดินเครื่องตั้งแต่‘ยุคเศรษฐา’
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 13 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภาทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาวาระคณะรัฐมนตรี(ครม.) แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 ต่อเนื่องเป็นวันที่2 โดยนายมงคล ประธานที่ประชุม ได้แจ้งสรุปเวลาที่เหลืออยู่ในการอภิปรายฯ ดังนี้ประธานในที่ประชุมเหลือ 18 นาที นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี(ครม.) เหลือ 3 ชั่วโมง 10 นาที สมาชิกวุฒิสภาเหลือเวลาอภิปราย 2 ชั่วโมง 9 นาที ส่วนเวลาของพรรคร่วมรัฐบาลเหลือเวลา 1 ชั่วโมง 16 นาที ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านเหลือเวลาในการอภิปราย 6 ชั่วโมง 40 นาที ซึ่งรวมเวลาที่ใช้ในการอภิปรายวันแรก 15 ชั่วโมง 23 นาที เหลือเวลาในการอภิปราย 13 ชั่วโมง 16 นาที
ทั้งนี้ พบว่ามีรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุม อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลช่วงเช้า เป็นการอภิปรายของสส.พรรคเล็ก ซึ่งมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลประชาชนกลุ่มต่างๆ รวมถึงเน้นการส่งเสริมการศึกษาคุณภาพ ขณะที่สส.พรรคประชาชน ได้ซักถามถึงประเด็นการเพิ่มรายได้ให้รัฐ ผ่านการดำเนินนโยบายดึงนักลงทุนต่างชาติ และการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ อาทิ นายปรีดา บุญเพลิง สส. บัญชีรายชื่อ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน อภิปรายสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยคาดหวังให้นโยบายนั้นตอบโจทย์ปัญหาประเทศ แต่ห่วงเรื่องของนโยบายที่แถลงแล้วจะไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เช่นนโยบายการปรับโครงสร้างหนี้และรถ โดยต้องการเห็นการแก้ไขหนี้สินของข้าราชการครูทั้งประเทศอย่างจริงจัง ส่วนปัญหายาเสพติด ต้องการเห็นการปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาและยึดทรัพย์อย่างจริงจัง เพราะในปัจจุบันยังเกิดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดทุกหย่อมหญ้าของประเทศ
“รับฟังชาวบ้านพูดให้ฟังว่าร้านขายยาบ้าที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอคือโรงพัก คนขายคือตำรวจ เท็จจริงอย่างไรนายกรัฐมนตรีเรียกดำเนินการแก้ไขโดยด่วน ระบาดทุกหย่อมหญ้าจากอดีตที่ผ่านมารัฐบาลไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหายาเสพติด รัฐบาลนี้ให้สัญญาประชาคมแล้วจะติดตามการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดอย่าให้เป็นไฟไหม้ฟาง” นายปรีดา กล่าว
ด้านนายกฤดิทัช แสงธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคใหม่ อภิปรายนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายเดิมที่เคยแถลงมาแล้วในรัฐบาลก่อน เห็นด้วยกับนโยบายการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยที่ผ่านมาสาเหตุที่ประชาชนเป็นหนี้สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐ ที่เป็นทั้งหนี้ ธกส. รวมถึงหนี้นอกระบบ เกิดจากการทำนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล ซึ่งผู้ที่ทำนโยบายก็ไม่รับผิดชอบ จนเกิดเป็นปัญหาสะสม วันนี้ดีใจที่มีนโยบายตลาดนำนวัตกรรมเสริมเสริมเพิ่มรายได้ หวังว่านโยบายนี้จะเป็นแนวคิดใหม่ที่ทำให้ประชาชนที่เป็นเกษตรกรมีตลาดรองรับมีนวัตกรรมเสริมเพื่อลดรายจ่าย นอกจากนี้ยังกล่าวถึงโครงการแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาล ไม่เห็นด้วยที่แจกเป็นเงินดิจิทัล แต่ถ้าแจกเป็นเงินสดภายในกรอบงบประมาณปี 67 ไม่ว่าจะ 5,000 หรือ 10,000 ต่อกลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มใดที่ควรได้รับโอกาสเยียวยาความเดือดร้อนจะเป็นเรื่องดี
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ชี้แจงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า ยืนยันว่าคือการส่งเสริมให้การคลังแข็งแรง โดยการกระจายเม็ดเงินต้องเกิดในเดือน ก.ย.นี้ ส่วนภาคการผลิตที่ยังไม่ฟื้น กระทรวงการคลังประคองด้วยสินเชื่อ และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคาร (ซอฟท์โลน) รวมถึงกลไกค้ำประกันสินเชื่อกับเอสเอ็มอีเพื่อให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อกลไกดังกล่าวเพื่อประคองการผลิต เพื่อรอการบริโภคเข้ามาเชื่อม ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า สิ่งที่รัฐบาลเห็น และทำเป็นดีเอ็นเอ คือ ใช้เงินใหม่ ที่ผ่านมารัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เดินสายไปต่างประเทศเพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามา การเสนอเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จึงเป็นการลงทุนใหม่ให้ต่างชาติมาลงทุนในไทย สร้างงานสร้างอาชีพ รวมถึงการแก้ไขกฎหมายเพื่อดึงสถาบันการเงิน หลักทรัพย์มาตั้งถิ่นฐานในไทย เพื่อเป็นเงินที่นอกงบประมาณให้เศรษฐกิจโตก้าวกระโดด
“การบริหารหนี้สามกองของประเทศ ดึงเงินใหม่เข้ามาในประเทศนอกจากงบประมาณ หากอ่านและจับแกนความคิดจะมองเห็นนโยบายรัฐบาลว่าเดินไปสู่จุดไหน” นายเผ่าภูมิ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี