‘ไม่เลือกปฏิบัติ-ซื่อสัตย์สุจริต’
‘ชวน’สอนรัฐบาล
ถ้าทำได้นโยบายรบ.จะสำเร็จ
‘ภูมิธรรม’เตือนฝ่ายค้าน
หยุดใช้สำนวนด้อยค่ากัน
แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 2 “พรรคเล็ก” หนุนนโยบาย“รมช.คลัง” แจง “กาสิโนครบวงจร” หวังสร้างเงินใหม่ ดึงต่างชาติลงทุนสร้างงาน-อาชีพในไทย รับเดินเครื่องตั้งแต่ยุค “เศรษฐา” ด้าน “ชวน”สอนรัฐบาลนายกฯ “อิ๊งค์” ย้ำยึดหลัก
ไม่เลือกปฏิบัติ-ซื่อสัตย์สุจริต–ยึดหลักนิติธรรม หากทำได้นโยบายรัฐบาลจะสำเร็จ ยกปมวิกฤตไฟใต้ ต้นตอเกิดจากใช้อำนาจผิดหลักการ เตือนอย่าผิดซ้ำรอยอดีต‘ภูมิธรรม’โต้ฝ่ายค้าน วาทกรรม3นาย ขอคนรุ่นใหม่หยุดใช้สำนวนด้อยค่า ควรทำงานสร้างสรรค์ มั่นใจรบ.อยู่ครบเทอม ‘ปธ.วิปฝ่ายค้าน’ฝากถึง‘นายกฯอิ๊งค์’ลองเปิดใจกว้างจะรู้ว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายแค้น ลั่นแน่นอนอยู่แล้วทำงานร่วมกันได้ ติดใจทำไมพูดถึงคนนอกสภาฯไม่ได้ มองใช้ภาพเบลอหน้าเหมือนไม่ให้เกียรติมากกว่า ชี้‘ฝ่ายค้าน’ไม่สร้างวาทกรรม ย้อน‘ภูมิธรรม’นั่นแหละเยอะสุด
เมื่อเวลา09.00น.วันที่ 13กันยายน2567ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภาทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาวาระคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา162 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
ในการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลช่วงเช้า เป็นการอภิปรายของสส.พรรคเล็ก ซึ่งมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลประชาชนกลุ่มต่างๆรวมถึงเน้นการส่งเสริมการศึกษาคุณภาพ ขณะที่สส.พรรคประชาชน ได้ซักถามถึงประเด็นการเพิ่มรายได้ให้รัฐ ผ่านการดำเนินนโยบายดึงนักลงทุนต่างชาติ และการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ
พรรคเล็กจี้รบ.แก้ปัญหายาเสพติด
โดย นายปรีดา บุญเพลิง สส. บัญชีรายชื่อ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน อภิปรายสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยคาดหวังให้นโยบายนั้นตอบโจทย์ปัญหาประเทศ แต่ห่วงเรื่องของนโยบายที่แถลงแล้วจะไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เช่นนโยบายการปรับโครงสร้างหนี้และรถ โดยต้องการเห็นการแก้ไขหนี้สินของข้าราชการครูทั้งประเทศอย่างจริงจัง ส่วนปัญหายาเสพติด ต้องการเห็นการปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาและยึดทรัพย์อย่างจริงจัง เพราะในปัจจุบันยังเกิดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดทุกหย่อมหญ้าของประเทศ
“รับฟังชาวบ้านพูดให้ฟังว่าร้านขายยาบ้าที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอคือโรงพัก คนขายคือตำรวจ เท็จจริงอย่างไรนายกรัฐมนตรีเรียกดำเนินการแก้ไขโดยด่วน ระบาดทุกหย่อมหญ้าจากอดีตที่ผ่านมารัฐบาลไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหายาเสพติด รัฐบาลนี้ให้สัญญาประชาคมแล้วจะติดตามการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดอย่าให้เป็นไฟไหม้ฟาง” นายปรีดา กล่าว
ไม่เห็นด้วยแจก1หมื่นเป็นเงินดิจิทัล
ด้าน นายกฤดิทัช แสงธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคใหม่อภิปรายนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายเดิมที่เคยแถลงมาแล้วในรัฐบาลก่อน เห็นด้วยกับนโยบายการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยที่ผ่านมาสาเหตุที่ประชาชนเป็นหนี้สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐ ที่เป็นทั้งหนี้ ธกส.รวมถึงหนี้นอกระบบ เกิดจากการทำนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล ซึ่งผู้ที่ทำนโยบายก็ไม่รับผิดชอบ จนเกิดเป็นปัญหาสะสม วันนี้ดีใจที่มีนโยบายตลาดนำนวัตกรรมเสริมเสริมเพิ่มรายได้ หวังว่า นโยบายนี้จะเป็นแนวคิดใหม่ทำให้ประชาชนที่เป็นเกษตรกรมีตลาดรองรับ มีนวัตกรรมเสริมเพื่อลดรายจ่าย นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงโครงการแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ไม่เห็นด้วยที่แจกเป็นเงินดิจิทัล ถ้าแจกเป็นเงินสดภายในกรอบงบปี67ไม่ว่าจะ 5,000 หรือ 10,000ต่อกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มใดที่ควรได้รับโอกาสเยียวยาความเดือดร้อนจะเป็นเรื่องดี
ก.คลังยันรบ.เร่งดึงเงินตปท.เข้าไทย
จากนั้น นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ชี้แจงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า ยืนยันว่าคือการส่งเสริมให้การคลังแข็งแรง โดยการกระจายเม็ดเงินต้องเกิดในเดือนก.ย.ส่วนภาคการผลิตที่ยังไม่ฟื้น กระทรวงการคลังประคองด้วยสินเชื่อ และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคาร(ซอฟท์โลน) รวมถึงกลไกค้ำประกันสินเชื่อกับเอสเอ็มอีเพื่อให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อกลไกดังกล่าวเพื่อประคองการผลิต เพื่อรอการบริโภคเข้ามาเชื่อม ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต สิ่งที่รัฐบาลเห็นและทำเป็นดีเอ็นเอ คือ ใช้เงินใหม่ ที่ผ่านมารัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เดินสายไปต่างประเทศเพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามา การเสนอเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จึงเป็นการลงทุนใหม่ให้ต่างชาติมาลงทุนในไทย สร้างงานสร้างอาชีพ รวมถึงการแก้ไขกฎหมายเพื่อดึงสถาบันการเงิน หลักทรัพย์มาตั้งถิ่นฐานในไทย เพื่อเป็นเงินที่นอกงบประมาณให้เศรษฐกิจโตก้าวกระโดด การบริหารหนี้สามกองของประเทศ ดึงเงินใหม่เข้ามาในประเทศนอกจากงบประมาณ หากอ่านและจับแกนความคิดจะมองเห็นนโยบายรัฐบาลว่าเดินไปสู่จุดไหน
‘ชวน’จี้บรรจุไฟใต้ในนโยบายรัฐบาล
เวลา 13.50น.นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายนโยบายรัฐบาล ว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ปีที่แล้ว ตนได้อภิปรายนโยบายของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ขณะนั้นถึงปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ตอนนั้นพูดในฐานะฝ่ายค้าน วันนี้พูดในฐานะรัฐบาล แต่ไม่ว่าจะพูดในสถานะใด ความจริงก็คือความจริงที่ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลง ครั้งนั้นต้องการให้รัฐบาลบรรจุปัญหาชายแดนภาคใต้ในนโยบายรัฐบาลเพราะนโยบาย 14หน้าของรัฐบาลไม่มีเรื่องนี้เลย ครั้งนี้ได้บรรจุเรื่องนี้ไว้ในหน้า 12 แม้จะเป็นหนึ่งบรรทัด ก็แสดงให้เห็นว่าเรายอมรับว่า เป็นเรื่องที่สำคัญ เมื่อบรรจุไว้แล้ว ก็มีโอกาสติดตามปัญหาชายแดนภาคใต้ ที่ยกเรื่องนี้มาพูดเพราะถือหลักว่า ชีวิตมีค่ามากกว่าเงิน เราจะผิดพลาดจากนโยบายเศรษฐกิจขาดทุนไปกี่หมื่น กี่แสนล้านบาท ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตคน 7,500คนที่เสียไปจากความผิดพลาดนโยบายด้านความมั่นคง จึงเป็นเรื่องพิเศษเมื่อยอมรับเป็นนโยบายส่วนหนึ่งแล้ว เราก็ต้องปฏิบัติเพื่อให้สำเร็จ
ต้องปฎิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาค
ขอย้ำว่าการจะแก้ปัญหาให้สำเร็จ เราต้องยอมรับความจริงก่อนว่า ต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากอะไร เช่น เหตุการณ์เมื่อวันที่ 8เมษายน 2544 ซึ่งโชคดีที่มีสวย.ที่เป็นอดีตแม่ทัพภาค4อยู่ในที่นี้ด้วย จะเป็นประโยชน์ในการให้ข้อมูลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทำรายได้สนับสนุนให้ประเทศชาติบ้านเมืองเราให้เจริญรุ่งเรืองได้ จึงต้องทำให้เกิดความสงบให้ได้ การที่นายกรัฐมนตรีแถลงไว้ว่า ต้องการสร้างความสามัคคีปรองดอง ต้องเรียนว่า ไม่มีใครไม่เห็นด้วย แต่การจะเกิดความสามัคคีปรองดองได้ สำคัญคือจะต้องปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ ขอย้ำว่ากรุณาชดเชยกรณีที่เราเลือกปฏิบัติ ที่ก่อให้เกิดความเสียโอกาส ขอให้รัฐบาลทบทวนดูว่า มีอะไรที่ทำให้เกิดความขัดข้องใจ และทำให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ปรองดองอันเกิดขึ้นจากการมีความรู้สึกว่า ไม่ได้รับการปฏิบัติเสมอภาค
ต้องซื่อสัตย์สุจริต-ทำเพื่อปท.และปชช.
“ที่สำคัญนโยบายทั้งหมด14หน้า ไม่มีโอกาสที่จะพูดรายละเอียด แต่ปัญหาว่านโยบายเหล่านี้จะเกิดผลสำเร็จได้อย่างไร ขอใช้คำที่นายกฯให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อได้ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้วว่า “นับเป็นเกียรติยศและความภูมิใจสูงสุดของดิฉันและครม.พร้อมนำพระราชดำรัสมาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ” พระราชดำรัสที่ทรงพระราชทานนั้นคืออะไร คือ ขอให้พรด้วยความยินดีให้ ครม.มีกำลังใจ มีความมุ่งมั่นในการปฎิบัติหน้าที่ ตามที่ได้ถวายสัตย์ไปแล้ว เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของชาติและประชาชน ซึ่งข้อนี้คำถวายสัตย์ “ข้าพเจ้าจะจงรักคนดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตาม ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” ประเด็นที่ต้องปฏิบัติตามคือ 1.ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต 2.ปฎิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน 3.รักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ ความซื่อสัตย์สุจริตไม่ต้องอธิบายมาก แต่ความหมายไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องฉ้อราษฎรบังหลวง ไม่ทุจริตเมื่อครม.เข้าบริหารประเทศนั้น เรามีข้าราชการที่รองรับอยู่ในแต่ละหน่วยงาน คนเหล่านั้น ไม่ใช่มาแบบพวกเรา เขาเป็นข้าราชการที่ไต่เต้าจากระดับเล็กขึ้นมา ในฐานะนักการเมืองฝ่ายบริหาร เราจะต้องปฏิบัติโดยหลักธรรมาภิบาล คือหลักคุณธรรมจริยธรรม ที่ให้โอกาสคนเหล่านั้นขึ้นมาตามความสามารถ ไม่ใช่ด้วยราคา ไม่เช่นนั้น เราไม่สามารถรักษาความซื่อสัตย์สุจริตได้ เราก็จะได้คนไม่ดีเข้ามาทำงานกับเรา เราจะสำเร็จก็ต่อเมื่อ มีคนดีเข้ามาช่วยเราทำงาน“ นายชวน กล่าว
หากทำได้ระบบการปกครองจะมั่นคง
นายชวน กล่าวอีกว่า การปฎิบัติหน้าที่ ถ้าเราทำได้จะเป็นประโยชน์ต่อระบบการปกครองในระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขณะนี้มีข้อหย่อนยานทำให้รู้สึกว่า ระบบของเราไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ กลายเป็นระบบที่เหมือนมือใครยาว สาวได้สาวเอา เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนขอให้ ครม.แปลความนี้ให้ชัดเจนว่า การบริหารนั้น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองของท่าน แต่ต้องคิดถึงประโยชน์ของประชาชน องค์กรใดก็ตามที่เป็นเครื่องมือของการบริหารประเทศ จะไม่ต้องรับใช้พรรคการเมือง หรือรับใช้นักการเมือง ต้องรับใช้ประโยชน์ของประเทศชาติ ถ้าเป็นเช่นนี้ความเชื่อมั่นต่อระบบการปกครองนี้ก็จะมั่นคงและทำให้เห็นว่าระบบการปกครองนี้มีประสิทธิภาพ
ชี้หลักนิติธรรมคือหัวใจการปกครอง
ใครที่คิดว่าระบบนี้อ่อนประสิทธิภาพ ไม่มีประสิทธิผลเกิดความรู้สึกตลอดมาว่า ทำไมระบบเราเป็นอย่างนี้ ก็มาโทษระบบการปกครอง แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ที่ภาคปฏิบัติ การรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญต้องยอมรับความเป็นจริงว่า หลักนิติธรรมนี้ เป็นหัวใจของการปกครอง ปัญหาในภาคใต้ ถ้าเรายึดหลักนิติธรรมตั้งแต่ต้น คือฝ่ายนิติบัญญัติออกกฏหมาย ฝ่ายบริหารทำตามกฎหมาย ฝ่ายตุลาการตัดสินปัญหาเราจะไม่เกิดอย่างนี้ แต่บังเอิญช่วงหนึ่งเราไปใช้ฝ่ายบริหารเป็นศาลคือ ตัดสินว่าควรตายเดือนละกี่คน จึงเป็นที่มาของทุกวันนี้ เมื่อเรายึดมั่นในหลักนิติธรรมแล้ว ตนเชื่อว่า จะไม่มีสถานการณ์ใดที่เป็นพิษเป็นภัยต่อประเทศชาติ คำถามคือ การปฏิญาณตนตามที่กล่าวมานี้ รัฐบาลก่อนๆไม่ปฏิญาณหรือรัฐบาลก่อนๆก็ปฏิญาณ รัฐธรรมนูญปี2540 ปี2550 ปี2560 ข้อความการถวายสัตย์ปฏิญาณตนเหมือนกัน รัฐบาลทุกชุดก็ต้องปฏิญาณ แล้วทำไมปฏิญาณแล้วถึงมีปัญหา มีอันเป็นไป ถูกดำเนินคดี ต้องจำคุก คำตอบก็คือ แม้ปฏิญาณไปแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติ สุดท้ายจึงอยู่ที่ภาคปฏิบัติที่จะทำให้นโยบายของรัฐบาลประสบความสำเร็จ เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่ประโยชน์ของพรรคการเมือง เมื่อเราต้องปฏิบัติโดยยึดหลักว่า ซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเคารพในหลักนิติธรรม อันเป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตย
‘ภูมิธรรม’โต้ปชน.วาทกรรม3นาย
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีพรรคประชาชนตั้งฉายารัฐบาลว่าเป็นรัฐบาล 3นาย ในการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาล ว่า เรื่องนี้นายกฯได้พูดในสภาเรียบร้อยแล้วอย่างมีเหตุมีผล เชื่อว่าฝ่ายค้านควรนำสิ่งนี้ไปพิจารณา โดยนายกฯเรียกร้องว่าเราเป็นคนรุ่นใหม่ด้วยกันในสภา สามารถสร้างตัวเองเป็นแบบอย่างได้ ไม่อยากให้ใช้วาทกรรมที่เสียดสีด้อยค่าคนต่างๆ ถ้าเราเป็นคนรุ่นใหม่ด้วยกันอยากให้สร้างการเมืองใหม่ ควรหลีกเลี่ยงวาทกรรม ทำร้ายหรือด้อยค่านโยบายต่างๆของรัฐบาล เพราะวันนี้ประเทศวิกฤตมาก ดังนั้น แทนที่จะด้อยค่าควรกลับมาเสนอแนะอย่างจริงจังจริงใจ น่าจะดีกว่าการใช้สำนวนหยิบบางประเด็นมาโจมตีเยาะเย้ยถากถาง ซึ่งตนคิดว่าไม่เหมาะสม ฝ่ายค้านควรรับเอาตรงนี้แล้วมาช่วยกัน สิ่งที่มีประโยชน์เราพร้อมปฎิบัติอยู่แล้ว เราไม่เคยแบ่งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ตนคิดว่าหากวิจารณ์ก็ต้องมีการเสนอแนะ ไม่ใช่เยาะเย้ยถากถางแล้วปล่อยในโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน จึงอยากร้องในฐานะคนรุ่นใหม่ ให้ช่วยกันสร้างสิ่งดีๆให้คนรุ่นต่อไปดีกว่า
พิสูจน์ด้วยการกระทำดีกว่าใช้โวหาร
“ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวข้องและสร้างความไม่เข้าใจก็จะชี้แจง ซึ่งทุกวันนี้ฝ่ายรัฐบาลรวมกันไม่ใช่จำนวนน้อย 10 ล้านเสียงของพรรคเพื่อไทย และทุกพรรคการเมือง เป็นเสียงข้างมากในสังคมไทย ดังนั้น 10 กว่าล้านเสียงของพรรคฝ่ายค้านอย่ามาด้อยค่าคนอื่น วันนี้ตนมองว่าไม่ว่าเสียงของรัฐบาลหรือเสียงของฝ่ายค้านก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่า เคารพ และยอมรับ เพราะสังคมมีความเห็นแตกต่างถือเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งที่จะต้องทำคือพิสูจน์ตัวเองด้วยการกระทำดีกว่าพิสูจน์ตัวเองด้วยสำนวนโวหาร”นายภูมิธรรมย้ำ
มั่นใจรัฐบาลอยู่ทำงานครบเทอม3ปี
เมื่อถามว่า การอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา มีการหยิบยกประเด็นเรื่องการเป็นนายกตัวจริงระหว่างทักษิณและน.ส.แพทองธาร นายภูมิ กล่าวว่า ไม่เป็นไรอยากพูดก็พูด เดี๋ยวคนตัดสินเอง ว่าใครที่หมกมุ่นแต่บางเรื่อง และไม่ก้าวข้าม และไม่ยอมทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ถามว่า รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมซึ่งเหลือเวลาอีก 3 ปีหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยืนยันว่ามีความมั่นใจ แต่ตนคิดว่าสื่อไม่ควรถาม แต่ควรจะถามถึงสิ่งที่จะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆนั้นคืออะไรและสื่อมวลชนสามารถเสนอแนะสิ่งที่เป็นประโยชน์
ปชน.ชี้ใช้ภาพเบลอหมือนไม่ให้เกียรติ
ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการแถลงนโยบายของรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องของการจัดการเวลาถือว่ายังอยู่ในกรอบ ตนเชื่อว่าเรื่องจัดการเวลาไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากเราคุยกันตลอด ส่วนเรื่องเนื้อหาก็เป็นที่น่าพอใจ ทุกคนก็ทำได้ดี อาจจะเป็นห่วงนิดหนึ่ง เรื่องบรรยากาศภายในสภาฯที่มีการประท้วงกันหลายรอบ ไม่ให้พูดถึงเรื่องอดีต ทั้งที่พรรคร่วมรัฐบาลก็พูดมาตลอดว่ารัฐบาลนี้สืบทอดเจตนารมณ์มาจากรัฐบาลเดิม แต่พอฝ่ายค้านพูดถึงรัฐบาลเดิมก็กลับประท้วง แต่พรรคร่วมรัฐบาลเองก็พูดถึงรัฐบาลเดิมอยู่บ่อยครั้ง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ก็พูดเองว่าเป็นการสืบสานอุดมการณ์มาจากพรรคเดิม แต่พอฝ่ายค้านพูดกลับไม่ให้พูด อีกเรื่องที่กังวลคือสไลด์อภิปรายมีการเบลอหน้าบุคคลภายนอก บางท่านก็เป็นอดีตรัฐมนตรี ส่วนตัวถ้าเบลอหน้ารู้สึกว่าเป็นการไม่ให้เกียรติบุคคลในภาพเสียด้วยซ้ำ ดูไม่ดียิ่งกว่าเดิมอีก ทุกคนที่อภิปรายเป็นบุคคลสาธารณะและเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เป็นการตั้งคำถามว่ารัฐบาลนี้จะดำเนินการต่ออย่างไร ผมคิดว่าสภาฯแห่งนี้ประชาชนเลือกให้เรามาพูดถึงเรื่องข้างนอกที่กระทบต่อชีวิตประชาชน ดังนั้นการเคร่งครัดไม่ให้พูดถึงบุคคลภายนอกทำให้สภาฯทำงานได้ไม่เต็มที่ ประชาชนเลือกเรามาให้พูดถึงปัญหาของเขา ไม่ได้เลือกเรามาให้คุยกันเอง กังวลว่าจะเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดีในอนาคต
ทำหน้าที่ฐานะฝ่ายค้าน-ไม่ใช่ฝ่ายแค้น
เมื่อถามถึงนายกฯก็เปรยว่าอยากทำงานร่วมกันด้วยความเข้าใจ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ยืนยันมาตลอด ว่าเรื่องที่เห็นร่วมกัน เราก็ทำงานร่วมกันได้แน่นอนอยู่แล้ว ร่างกฎหมายใดที่รัฐบาลเสนอมา แล้วเราเห็นว่าเป็นระโยชน์คงไม่ค้านอยู่แล้ว ก็เห็นกันอยู่ว่าเราสนับสนุนในหลายๆครั้ง หลายเรื่องเราก็ไม่ได้ขัด ไม่ได้แย้ง พูดคุยกันในวิปแล้วทำให้ราบรื่นไปตลอดรอดฝั่ง ไม่ได้เป็นฝ่านแค้นอยู่แล้ว หลายครั้งมากๆที่เราเห็นตรงกัน เมื่อถามว่าเป็นการตอกย้ำหรือไม่ว่า พรรคประชาชนไม่กล้าค้านพรรคเพื่อไทย เช่น เรื่องเกี่ยวกับความยุติธรรมชั้น14 นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หากติดตามการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ก็คงเห็นว่านพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โดนประท้วงหนักเหมือนกัน เพราะเนื้อหาค่อนข้างเข้มข้น มีรัฐมนตรีในขณะนั้นลุกขึ้นมากึ่งๆข่มขู่ ร้องเรียนเรื่องมาตรฐานวิชาชีพแพทย์ด้วยซ้ำ หากติดตามดีๆเราตรวจสอบทุกเรื่อง แต่ตนคิดว่าเป็นการยืนอยู่บนหลักการมากกว่า หากถามว่าเราไม่กล้าค้านพรรคเพื่อไทย ถ้าเป็นหลักการที่เราเห็นด้วย แล้วเราค้านนั่นแหละที่ไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน
สงสัยทำไมปชน.พูดถึง’ทักษิณ’ไม่ได้
เมื่อถามว่าสังคมตั้งข้อสงสัยว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อาจจะครอบงำน.ส.แพทองธาร ในการแถลงนโยบาย ทำไมพรรคประชาชนไม่พูดถึงเรื่องนี้ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มีหลายคนที่พูดถึงนายทักษิณ แล้วโดนประท้วง ซึ่งก็เป็นปัญหาที่ตนเอ่ยถึงว่าการพูดถึงบุคคลภายนอกไม่ได้เลย จะกลายเป็นปัญหา แต่สิ่งที่รัฐมนตรีหลายท่านพูด ตนก็เห็นด้วย ไม่ว่าคำแนะนำของใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณหรือคนอื่นแนะนำมาและมีประโยชน์ แล้วรัฐบาลหยิบไปใช้ ตนคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร เสียงวิพากษ์วจารณ์ของประชาชน หรือแม้กระทั่งจากสมาชิกก็เป็นสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์หรือตั้งข้อสงสัย
เมื่อถามว่านายกฯ ขอให้ฝ่ายค้านเลิกเป็นฝ่ายแค้น นายปกรณ์วุฒิ ฝากข้อความไปถึงนายกฯว่า “ถ้าท่านนายกฯได้ติดตามการทำงานในสภาฯของพวกเรา ใน1ปี ท่านนายกฯคงจะรู้ว่าเราไม่ได้ทำตัวเป็นฝ่ายแค้น ผมก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อวานนี้ท่านนายกฯได้ติดตามการอภิปราย จากพรรคประชาชนหรือพรรคร่วมฝ่ายค้านเองหรือไม่ว่าทำตัวเป็นฝ่ายแค้นตอนไหน ไม่แน่ใจว่าใครไปบอกให้ท่านนายกฯพูดแบบนี้ อยากให้ลองเปิดใจให้กว้าง ถ้าท่านายกฯได้ฟังจริงๆ จะพบว่าทางเราก็มีคำแนะนำ ข้อติติงหลายอย่างที่ท่านอาจจะเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งหากนำไปใช้ก็เป็นประโยชน์’
ซัด’ภูมิธรรม’ตัวการสร้างวาทกรรม
เมื่อถามว่า นายกฯและนายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่อยากให้ฝ่ายค้านใช้วาทกรรม นายปกรณ์วุฒิ สวนกลับทันทีว่า 1 ปีที่ผ่านมา คนที่พูดว่าวาทกรรมบ่อยที่สุดคือ นายภูมิธรรม ฝ่ายค้านแทบไม่ได้สร้างวาทกรรมอะไรเลย แต่หากทุกคนสังเกตดูเมื่อไหร่ที่นายภูมิธรรมเปิดไมค์จะพบว่ามีคำว่าวาทกรรมขึ้นมาทุกครั้ง ไม่รู้ว่าติดใจอะไรกับคำนี้มากหรือไม่ หรือมีปมอะไร ถ้าตั้งใจฟังจริงๆ ไม่มีอคติ ก็คงรับรู้ได้ว่าข้อติติงหลายอย่างเสนอด้วยความหวังดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี