นายกฯอัญเชิญพระราชกระแส‘ในหลวง’
ทรงห่วงใยประชาชน
ผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ
ทรงชื่นชมให้กำลังใจจิตอาสา
‘อิ๊งค์’รํ่าไห้สงสารชาวเชียงราย
ปภ.เตือน45จังหวัดเสี่ยงท่วม
นายกฯอิ๊งค์ นำคณะลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมเชียงราย น้ำตาคลอกอดชาวบ้าน ลั่นไม่ทอดทิ้ง สั่งเร่งเข้าช่วยเหลือและเยียวยาให้ดีที่สุด นายกฯอัญเชิญพระราชกระแส“ในหลวง”ทรงห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมพระราชทานกำลังใจ แก่จิตอาสาจากทุกภาคส่วน เชียงรายน้ำท่วมยังหนัก เร่งระดมช่วยเหลือ ปภ.เตือน45 จังหวัดรับมือน้ำท่วม จว.ริมโขงเตรียมพร้อมรับน้ำโขงขึ้นสูงสุด 16 ก.ย.
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567ที่ จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วม ว่าแม่น้ำกก ระดับน้ำที่เคยท่วมถึงคอสะพานข้ามแม่น้ำกกที่บ้านฮ่องอ้อ ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย ลดลงบ้างจนทำให้จักรยานยนต์ข้ามไปมาได้ 1 ช่องทาง ส่วนสะพานแม่ฟ้าหลวง ใกล้ศาลากลางจังหวัด รถสัญจรได้ช่องทางเดียว ส่วนสะพานขัวพญามังราย รถทุกชนิดยังไม่สามารถสัญจรได้ สะพานเฉลิมพระเกียรติ (โรงเรียนเทศบาล 6) รถเล็กผ่านไม่ได้ และสะพานข้ามแม่น้ำกก ที่แขวงทางหลวงเชียงราย รถทุกชนิดยังสัญจรไม่ได้
เชียงรายน้ำยังท่วมหนักหลายจุด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระดับน้ำที่ท่วมตัวเมืองเชียงราย ยังส่งผลกระทบอย่างมาก แม้ว่าระดับน้ำจะลดลงเฉลี่ย 30-50 เซนติเมตร ที่ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ห้าแยกพ่อขุนฯ ซึ่งชาวบ้านคาดหวังว่าน้ำจะลดลงอีก ก่อนจะสำรวจความเสียหายของทรัพย์สินและเตรียมทำความสะอาดบ้านเรือน รวมทั้งอยากให้มีการจ่ายน้ำประปาโดยเร็ว เพราะทั่วทั้ง จ.เชียงราย มีความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
ส่วนที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย น้ำยังคงท่วมชุมชนที่อยู่ในที่ลุ่มเข้าขั้นวิกฤติ เช่น ชุมชนเกาะทราย ชุมชนไม้ลุงขน ชุมชนสายลมจอย แต่พื้นที่ตอนบนน้ำลดลง สามารถใช้รถยนต์หรือจักรยานยนต์ สัญจรไปมาได้ อย่างไรก็ตาม ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกฝ่ายยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วม ชาวบ้านจำนวนมากยังเข้าไปในอาคารที่พักของตนเองไม่ได้ สำหรับผู้ที่ติดค้างอยู่ภายใน ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ พาออกมาอย่างต่อเนื่อง
เร่งระดมส่งอาหารให้ผู้ประสบภัย
นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ประสานงานกลุ่มโดรนเพื่อการเกษตร อ.เทิง จัดส่งอาหารให้กับผู้ประสบภัย โดยลำเลียงตลอดทั้งวัน จัดส่งให้ในพื้นที่ซึ่งรถและเรือเข้าไปไม่ถึง โดยใช้โดรน 2 ลำ จัดส่งอาหารและน้ำดื่ม โดยเฉพาะที่ชุมชนเทิดพระเกียรติ ชุมชนเกาะลอย ชุมชนบ้านใหม่
พนังกั้นน้ำแตกเพิ่มเชียงรายน้ำขึ้นสูง
จากกรณีสถานการณ์น้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่จ.เชียงราย ยังคงน่าเป็นห่วง ความคืบหน้าผู้ใช้เฟซบุ๊ก Waan Potaton โพสต์ภาพ และคลิปน้ำท่วม ระบุว่า พื้นที่ต้องการความช่วยเหลือด่วน บ้านเมืองงิม บ้านฟาร์ม อ.เมือง จ.เชียงราย โดยอัพเดทสถานการณ์ ล่าสุด พนังกั้นน้ำแตกเพิ่ม ทำให้น้ำไหลเชี่ยวแรง เรือใหญ่เข้าไปช่วยบ้านที่อยู่ในซอยเล็กๆไม่ได้แล้ว มีผู้สูงอายุและเด็กติดเป็นจำนวนมาก ไม่มีอาหาร ต้องการโดรนบินส่งอาหารและเจ็ตสกีเข้าไปช่วยเหลือ เพราะล่าสุดมีทีมเรือและกู้ภัยเข้า แต่ยังไม่สามารถช่วยออกมาได้ อยากให้ช่วยเเชร์เผื่อทีมไหนที่พร้อมกว่านี้ จะได้เข้ามาช่วยกันค่ะ คาดว่าจะมีคนติดค้างในบ้านเพิ่มขึ้น เพราะตอนแรกระดับน้ำลดลงแล้ว ชาวบ้านกลับเข้าไปแต่ตอนนี้ผนังกั้นน้ำแตกเพิ่มน้ำสูงกว่าเดิมเยอะมาก เจ้าหน้าที่ต้องการพิกัดเพิ่มเติมสามารถโทรเบอร์นี้ได้นะคะ 061-7956289 (ดา) #น้ำท่วมเชียงราย
เชียงรายดินไหวขนาด2.0ลึก2กม.
วันเดียวกัน มีรายงานว่าเวลา 13.27น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ตรวจพบการเกิดแผ่นดินไหว ขนาด 2.0 ลึกลงจากผิวดิน 2 กม.จุดศูนย์กลาง ต.ป่าก่อดำ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย
พ่อเมืองเลยเร่งถกรับมือน้ำเหนือ
ที่ จ.เลย นายชัยพจน์ จรูญพงษ์ ผวจ.เลย ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ภายหลังน้ำในแม่น้ำโขง เพิ่มระดับสูงขึ้นในพื้นที่ อ.เชียงคาน และจากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า มวลน้ำจำนวนมหาศาลจะเคลื่อนมาจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย มาสมทบกับน้ำจากฝั่งประเทศลาว ที่จะมาสมทบในพื้นที่ อ.เชียงคาน อีกประมาณ 2-3 วัน จึงมีการสั่งการให้ทุกหน่วยงาน เฝ้าจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นรายชั่วโมง
หนองคายท่วมหลังฝนตกหนัก
ขณะเดียวกัน ที่ จ.หนองคาย สถานการณ์แม่น้ำโขง วัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย วัดได้ 13.18 เมตร สูงกว่าตลิ่ง 98 เซนติเมตร ปริมาณฝน 10 มิลลิเมตร โดยฝนตกตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมาจนถึงเช้าวันเดียวกันนี้ ซึ่งจากมวลน้ำโขงที่ไหลแรง ทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำโขง โดยเฉพาะที่บ้านหนองบัว บ้านจอมมณี เทศบาลเมืองหนองคาย มีน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ บ้านเรือนบางหลังได้กั้นกระสอบทรายไว้แล้ว แต่น้ำยังเข้าท่วม ส่วนที่บ้านเวียงคุก ต.เวียงคุก น้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตร
ทั้งนี้ ทางเทศบาล ต.เวียงคุก ได้เร่งปิดท่อระบายน้ำ กันน้ำไม่ให้ท่วมข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง ส่วนโรงเรียนหัสดีศึกษา อ.ศรีเชียงใหม่ ได้ประกาศปิดการเรียน 1 วัน เนื่องจากน้ำท่วมถนนทางเข้าโรงเรียนไม่สามารถสัญจรได้ และเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักเรียน
นครพนมเฝ้าจับตาหวั่นท่วมสูง
ขณะที่ จ.นครพนม ซึ่งเป็นพื้นที่ใต้เขื่อนไซยะบุรี ประเทศลาว นอกจากจะต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำแล้ว ยังพบว่ามีร่องมรสุมพาดผ่านมายังพื้นที่ จ.นครพนม ด้วย จึงส่งผลให้มีฝนตกนับตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา จนระดับน้ำโขง วัดได้ 10.11 เมตร ห่างจากจุดล้นตลิ่งประมาณ 2 เมตร หากน้ำโขงยังเพิ่มระดับ จะทำให้ลำน้ำสาขาไม่สามารถระบายได้ จึงมีโอกาสที่จะเอ่อล้นท่วมพื้นที่ลุ่ม และย่านเศรษฐกิจใน จ.นครพนม
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากมวลน้ำจากภาคเหนือ จะไหลลงมาทำให้น้ำโขงเพิ่มระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง สำหรับพื้นที่ซึ่งต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.เมือง และ อ.ธาตุพนม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้วางมาตรการและแนวทางรับมือแล้ว
มท.1ยันผู้ว่าฯสั่งการรับมือน้ำ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.เชียงราย ว่ามีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัตินานแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทำ จึงขอให้เชื่อมั่นระบบราชการ ส่วนกรณีที่มวลน้ำกำลังหลากไปในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งที่ จ.หนองคาย และ จ.นครพนม นั้น ก็ต้องเร่งระบายน้ำลงน้ำโขงให้เร็วที่สุด เท่าที่ทราบจาก ผวจ.เชียงใหม่ และเชียงราย จะต้องผ่าน อ.แม่อาย ที่มีเหตุการณ์ดินถล่ม ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านของน้ำไปยัง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ต้องเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด ส่วนปัญหาที่ทางการจีนปล่อยน้ำลงมา นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องแก้ปัญหาในส่วนของเรา การสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ส่วนเครื่องอุปโภค บริโภค ข้าวสาร อาหาร และศูนย์อพยพ จ.เชียงราย จะถือเป็นโมเดลที่ดี ซึ่งประชาชนมีน้ำใจซึ่งกันและกัน
ชี้ทุกองคาพยพเข้าช่วยเหลือแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องมีการช่วยเหลือเรื่องใดเพิ่มเติมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้องคาพยพทั้งหลายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกู้ภัย เยียวยา ก็อยู่ในพื้นที่แล้ว อีกทั้งยังมีทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) ที่มีเครื่องมือเครื่องจักร สแตนบายในพื้นที่ พร้อมทันทีหากมีการร้องขอ สถานการณ์ปัจจุบันทุกอย่างมีความพร้อมเพียงพอ ผู้สื่อข่าวก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่มีการช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในบ้านให้อพยพออกมาได้อย่างปลอดภัย
สทนช.เกาะติดน้ำโขงเพิ่มสูงขึ้น
วันเดียวกัน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและอุทกภัยลุ่มน้ำโขง ในจังหวัดแถบลุ่มน้ำโขง รวมถึง จ.นครพนม พร้อมรับทราบปัญหา วางแนวทางรับมือกรณีน้ำโขงล้นตลิ่ง กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการวิเคราะห์ว่าระดับน้ำโขงจะเพิ่มขึ้นช่วงวันที่ 13-18 กันยายนนี้ และมีแนวโน้มล้นตลิ่งที่ อ.เชียงคาน จ.เลย , จ.หนองคาย และ จ.บึงกาฬ จึงต้องเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ รวมถึงลำน้ำสาขา เนื่องจากไม่สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงได้สะดวก
ในส่วนของเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ที่มีปริมาณน้ำมาก ต้องเร่งระบายออกมาก่อน เพื่อเตรียมรองรับน้ำฝนชุดใหม่ที่จะตกมาเติม ทั้งนี้ สทนช.ได้แจ้งเตือนแล้ว ว่าแต่ละจังหวัดซึ่งมีพื้นที่ไหนที่มีความเสี่ยง ขอให้หน่วยงานต่างๆ นำข้อมูลไปบริหารจัดการ เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย
กรมอุตุฯเตือนหนัก13-17ก.ย.นี้
อีกด้านหนึ่ง น.ส.กรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ฉบับที่ 3 (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 13-17 กันยายน 2567) มีใจความว่า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยตอนบน จะมีกำลังแรงขึ้นเป็นกำลังค่อนข้างแรง
ปภ.ติดตามปัจจัยเสี่ยงน้ำท่วม
ส่วนนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.)ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง
โดยมีพื้นที่แจ้งเตือนสถานการณ์ระหว่างวันที่ 13-18 กันยายน 2567 แยกเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมขัง ภาคเหนือ 11 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ภาคกลาง 8 จังหวัด และภาคใต้ 6 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง ภาคกลาง 4 จังหวัด ภาคใต้ 6 จังหวัด ภาคเหนือ จ.เชียงราย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด
ประสาน45จังหวัดเตรียมพร้อม
ทั้งนี้ กอปภ.ก.ได้ประสานแจ้ง 45 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยภัย เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักหรือบริเวณฝนสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ สภาพน้ำ และเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีฝนตกหนักมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบ ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด
นายกฯลงเยี่ยมให้กำลังใจเชียงราย
เช้าวันเดียวกัน ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.อ.ณัฐพงษ์ นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย และคณะ เดินทางด้วยเครื่องบินกองทัพอากาศ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ โดยระหว่างเดินทางนั้น นายกฯ ได้ใช้เวลาบนเครื่องบิน ประชุมร่วมกับคณะ ติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง รวมถึงเส้นทางการไหลของน้ำจาก จ.เชียงราย ลงสู่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งขณะนี้มีบางจังหวัด ทั้ง จ.เลย และ จ.หนองคาย ปริมาณน้ำเริ่มล้นตลิ่งแล้ว
ให้มท.กำกับดูแลพื้นที่ภาคอีสาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้นายกฯ ยังสอบถามถึงพื้นที่ จ.หนองคาย หลังจากมีการแจ้งเตือนให้ประชาชนขนของขึ้นที่สูง และอพยพออกจากพื้นที่บ้างแล้ว เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจากภาคเหนือ รวมทั้งขอให้ทางกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงไปกำกับดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นพื้นที่ซึ่งจะต้องรองรับน้ำจากแม่น้ำโขง ที่เพิ่มระดับสูงขึ้น
จัดงบกลางไว้ช่วยเหลือทันที
นายกฯ กล่าวว่า ไม่ต้องห่วงในเรื่องของงบประมาณ เพราะเราได้กันงบจากส่วนกลางไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องการให้นำงบประมาณมาช่วยตั้งแต่ขณะนี้โดยเฉพาะเรื่องของการเยียวยาไม่ใช่รอให้สถานการณ์คลี่คลายแล้วถึงจะเข้าไปเยียวยาขอให้ทำทันที เพราะถ้ารอจะไม่ทัน
ย้ำเร่งช่วยผู้ประสบภัยพื้นที่เสี่ยง
ทั้งนี้ นายกฯ เน้นย้ำการช่วยเหลือประชาชนให้เร่งออกจากพื้นที่เสี่ยง โดยต้องมีแผนรับมือเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าแม้ออกจากบ้านแล้ว ก็ยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลทรัพย์สินให้ อีกทั้งต้องการให้นำข้อมูลข้อเท็จจริงโดยเฉพาะเรื่องระดับน้ำ ไปเป็นข้อมูลให้ประชาชนนำไปตัดสินใจ
เวลา 10.30 น.วันเดียวกัน นายกฯ พร้อมคณะ เดินทางถึง จ.เชียงราย โดยทันทีที่ไปถึง ได้มีภาคเอกชนในพื้นที่ ร่วมพูดคุยและบริจาคเงินช่วยเหลือให้ทางเทศบาลนครเชียงราย 5 แสนบาท รวมถึงมอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่ประสบภัย ซึ่งนายกฯ ตอบว่าได้รับรายงานมาตลอด ว่ามีภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือ รวมถึงจิตอาสา และอีกหลายฝ่าย ถือว่าดีมากเลย ขณะที่นายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า อาจจะต้องขอพึ่งพาเอกชน โดยยังมีเรื่องการฟื้นฟูหลังน้ำลดด้วย จากนั้นนายกฯ และคณะได้เดินทางมุ่งหน้าไปยัง อ.แม่สาย
‘อิ๊งค์’รับฟังบรรยายสถานการณ์
ต่อมา นายกฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางถึงหน้าด่านพรมแดนแม่สาย แห่งที่ 1 พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ จ.เชียงราย รวมถึงพบปะและขอบคุณนายกษิดิศ ธีระประทีป แชมป์โลกเจ็ตสกี ที่ ขับเจ็ตสกี ฝ่ากระแสน้ำเชี่ยว เข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ยังติดค้างอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว โดยนายกฯ สอบถามว่าประชาชนที่ติดอยู่ในพื้นที่มีเท่าไหร่ และอาหารเข้าไปเพียงพอหรือไม่ คนที่พร้อมจะออกมาจะสามารถนำออกมาได้แค่ไหน เรือท้องแบนหรือพาหนะที่จะนำออกมา เข้าถึงได้หรือไม่ ซึ่งตัวแทนฝ่ายทหาร รายงานว่า ขณะนี้กำลังทหารและชุดปฏิบัติการพิเศษ (หน่วยซีล) เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ยังติดอยู่ในพื้นที่แล้ว ส่วนเรื่องอาหารมีการจัดส่งเข้าไปด้วย แต่บางพื้นที่ต้องอาศัยเจ็ตสกีและผู้ที่มีความชำนาญในการเข้าพื้นที่
ทหารใช้เฮลิคอปเตอร์ส่งเสบียง
สำหรับพื้นที่ซึ่งการช่วยเหลือลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการอพยพคนหรือการส่งเสบียงอาหาร ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ และหน่วยรบพิเศษ เข้าพื้นที่เพื่อชี้เป้าหมายให้เฮลิคอปเตอร์ เพื่อช่วยเหลือได้ตรงจุด จะมีการนำรถสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV) ของกองทัพเรือเข้าช่วยเหลืออีกด้านหนึ่ง คาดว่าจะสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ยังติดอยู่ได้อย่างน้อย 300 คน
นายกฯน้ำตาคลอ-รุดให้กำลังใจ
จากนั้นนายกฯ เดินไปยังสะพานมิตรภาพแม่น้ำสาย แห่งที่ 1 (แม่สาย) ตรวจสอบสภาพความเสียหายจากน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม โดยพบว่าแม้ว่าน้ำจะลดลงแล้ว แต่ยังมีดินโคลนจำนวนมาก ถือเป็นเขตเศรษฐกิจชายแดนซึ่งได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ระหว่างนั้นนายกฯ ได้เข้าทักทาย พูดคุยให้กำลังใจชาวบ้าน ซึ่งจังหวะนี้เอง นายกฯ มีอาการน้ำตาคลอเป็นระยะเพราะสงสารชาวบ้าน โดยช่วงหนึ่งนายกฯ ได้เข้าไปสวมกอดชาวบ้านเพื่อให้กำลังใจ ซึ่งชาวบ้านต่างพากันดีใจ ที่ได้เจอนายกฯ บางคนถึงกับร่ำไห้และสวมกอด โดยชาวบ้านบอกว่า “แค่อ้อมกอดของนายกฯ ก็พอแล้ว”
ย้ำไม่ทอดทิ้งจะช่วยดูแลเต็มที่
นายกฯ ตอบกลับชาวบ้านว่า “นี่ก็เป็นกำลังใจเหมือนกัน จะรีบกลับไปทำงาน ดูในเรื่องชดเชยว่าจะช่วยเหลืออะไรตรงไหนได้บ้าง” ซึ่งชาวบ้านบอกกับนายกฯ ว่า “อย่าทิ้งกัน” นายกฯ จึงกล่าวย้ำว่า “ไม่ทิ้งอยู่แล้ว” หลังจากนี้รัฐบาลจะค่อยๆ ช่วยดูแล ขณะที่ชาวบ้าน ครวญว่าไปหมดแล้วไม่เหลืออะไรเลย ซึ่งนายกฯ บอกว่า ยังเหลือชีวิต กำลังใจที่ต้องสู้ต่อไป พร้อมกับพูดว่าไม่ต้องห่วง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปช่วยเหลือ โดยจัดทั้งกำลังพลและอุปกรณ์เข้าไป จากนี้ระดับน้ำจะค่อยๆ ลดลง ทำให้การช่วยเหลือทำได้มากขึ้น
เยี่ยมศูนย์พักพิงที่มรภ.เชียงราย
บ่ายวันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร พร้อมคณะ เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวผู้ประสบอุทกภัย เยี่ยมชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม และมอบถุงยังชีพ โดยรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำ ซึ่งมีนายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช.รายงานว่าแนวโน้มปริมาณน้ำที่ จ.เชียงราย ผ่านจุดวิกฤตไปแล้ว โดยจะลดลงเรื่อยๆ คาดว่า 1-2 วันนี้ สถานการณ์จะดีขึ้น หากไม่มีปริมาณฝนตกเพิ่มเติม เมื่อระดับน้ำเข้าสู่ระดับตลิ่งแล้ว ก็จะเร่งขจัดสิ่งกีดขวางทางระบายน้ำ
สทนช.เผยพื้นที่อีสานน่าเป็นห่วง
เลขาธิการ สทนช.กล่าวต่อว่า ขณะนี้สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงคือแม่น้ำโขง ที่จะไหลจาก จ.เชียงราย สู่ จ.เลย และ จ.หนองคาย ซึ่งระดับน้ำยังคงสูงขึ้นและอาจจะต้องเสริมแนวป้องกันตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่โรงพยาบาล และพื้นที่จุดเสี่ยง พร้อมกับสั่งอพยพประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวทันที
นอกจากนี้นายกฯ ได้สอบถามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำอิง ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มหนักสุดในวันที่ 18 กันยายนนี้ โดยรับรายงานว่าน้ำอยู่ในระดับตลิ่งแล้ว จะเร่งจัดการเรื่องน้ำประปาและไฟฟ้า เพื่อให้เข้าสู่ภาวะปกติ ให้ประชาชนกลับสู่ภูมิลำเนา ขณะเดียวกัน นายกฯ ยังสอบถามถึงความแม่นยำของระบบติดตามน้ำที่ได้รับคำตอบว่าแม่นยำมากกว่า 90% ซึ่งกำชับว่าจะต้องแจ้งเตือนประชาชนและเตรียมพร้อมรับมือเพื่อป้องกันความเสียหาย
อันเชิญพระราชกระแสในหลวงฯ
นายกฯ กล่าวอีกว่า การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสทรงห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม และทรงมีพระราชกระแสทรงชื่นชมจิตอาสาทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งต่างเสียสละกำลังกาย กำลังทรัพย์ ร่วมกันปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย แม้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบากท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยว และข้อจำกัดต่างๆ แต่ทุกภาคส่วนต่างร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มกำลัง ด้วยความรักความปรารถนาดีต่อกัน เป็นเครื่องมือสำคัญทำให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที สามารถบรรเทาสถานการณ์ให้คลี่คลายลงตามลำดับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี