พท.โวชนะลต.ซ่อม
สะท้อนประชาชนมั่นใจรบ.
‘บู้.จเด็ศ’ขึ้นรถแห่ขอบคุณ
“ภูมิธรรม”โว“พท.”ชนะเลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก สะท้อนประชาชนมั่นใจรัฐบาล ด้าน “ชูศักดิ์” เผยทุกพรรคปรองดอง ร่วมเป็นเจ้าภาพยื่นแก้ รธน.รายมาตรา ปมจริยธรรม-ซื่อสัตย์สุจริตให้รัดกุม ป้องกันตีความกว้าง เตรียมทำประชามติ พร้อมแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้นปีหน้า
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 ที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายชนะ ถือเป็นกำลังใจที่ดีให้กับรัฐบาลหรือไม่ ว่า ต้องกราบขอบพระคุณชาวพิษณุโลกที่ให้ความไว้วางใจพรรคเพื่อไทยในการให้เข้ามาทำหน้าที่ร่วมกับรัฐบาล เข้ามาบริหารจัดการเพื่อจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งผู้ที่เสนอตัวก็เป็นผู้ที่มีศักยภาพและประชาชนให้ความไว้วางใจ ถือเป็นกำลังใจให้กับสมาชิกพรรคเพื่อไทยและกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) มีความสบายใจและชื่นชม คิดว่า นายจเด็ศ จันทรา ผู้สมัครของพรรคคนนี้คงได้กำลังใจจากประชาชนมา จากนี้ไป นายจเด็ศ จะเข้าพื้นที่ได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่องทุกวัน
‘พท.’โวชนะเลือกตั้งปชช.มั่นใจรบ.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลที่ออกมาเป็นการสะท้อนอะไรได้บ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการสะท้อนว่าประชาชนพึงพอใจที่มีนายกฯ ที่มีความตั้งใจและเป็นความหวังความเชื่อมั่นต่างๆ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนในเขต 1 จ.พิษณุโลก ให้ความมั่นใจรัฐบาล และเชื่อว่าการเลือก ส.ส.มาสนับสนุนรัฐบาลจะทำให้มีความมั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นเกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่า เป็นการสะท้อนการเมืองภาพใหญ่ด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มันจะค่อยๆ พัฒนาไปตามกระบวนการอยู่แล้ว จากวันนี้ไปนอกจากประชาชนให้กำลังใจแล้ว ประชาชนก็มีความหวัง รอการทำงานของรัฐบาล สำหรับรัฐบาล นายกฯ ได้สั่งการแล้วว่าทุกคนต้องทำงานอย่างหนักตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ขณะนี้ปัญหาของเราคือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชน
‘จเด็ศ’แห่ขอบคุณชาวพิษณุโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายจเด็ศจันทราว่าที่ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทยได้ขึ้นรถแห่ขอบคุณชาวพิษณุโลกเขต1ที่ให้ความไว้วางใจได้รับเลือกตั้งเพื่อรับใช้ทำหน้าที่ในสภาต่อไป ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้โอกาสตน ซึ่งตนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ‘พิธา’รับสภาพพ่ายแพ้-ปลุกสู้ใจ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลและประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกลโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กPita Limjaroenrat-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ระบุว่า...เรายอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเต็มใจ และขอแสดงความยินดีกับคุณจเด็จ ผู้ชนะด้วยครับไม่เป็นไรนะครับพรรคประชาชน เชื่อว่าเพื่อนๆจะไม่เสียกำลังใจ การเมืองคือเกมส์ยาว ต้องใช้ยุทธศาสตร์และความมานะ มีแพ้มีชนะเป็นปกติ “ชนะอาจไม่ใช่จุดหมาย แพ้อาจไม่ใช่ปลายทาง ยังต้องสู้กันอีกหลายยกครับ หวังว่าจะไม่หยุดทำงานเพื่อประชาชนต่อไป พวกคุณจะเก่งขึ้นอีก พัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่าท้อแท้นะครับสุดท้ายนี้ ขอขอบพระคุณชาวพิษณุโลกทุกคนที่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ไม่ว่าคุณจะเลือกพรรคใดก็ตามครับ”นายพิธาระบุทิ้งท้าย
‘ปิยะบุตร’ปลุกยืนหยัดสู้ต่อไป
ขณะที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าได้โพสต์ผ่านXระบุว่า ยอมรับความพ่ายแพ้ แสดงความยินดีกับผู้ชนะ คุณจเด็ศจันทราให้กำลังใจโฟล์ค อ๋อง ทีมงานพิษณุโลกและพรรคประชาชน ถอดบทเรียน เตรียมพร้อมต่อสู้กับการสนธิกำลังของ“ชนชั้นนำ3 ฝ่าย:ชนชั้นนำดั้งเดิมจารีต/ชนชั้นนำการเมืองจากทุกพรรค ทุกค่าย/ชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ”พร้อมยังระบุว่า จะนำ“พิษณุโลกโมเดล”ไปขยายผลในการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ ต้องช่วยกันต่อสู้ ยืนหยัดยืนยันต่อไปว่า ประเทศไทยยังมีความหวัง ยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ด้วยพลังทางการเมืองใหม่
‘ช่อ’คะแนนหายนับหมื่นทำพ่ายแพ้
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ผ่านXว่าสำหรับท่านที่สงสัยว่าทำไมพรรคประชาชนแพ้ คะแนนหายไปไหน 10,000 เพราะหมออ๋องเมื่อปี 2566 ได้ถึง 40,000 คะแนนข้อเท็จจริงคือ เมื่อเทียบเป็น%กับผู้มาใช้สิทธิ์ โดยคิดเป็นสัดส่วนคะแนนที่ได้ เทียบกับคะแนนบัตรดีทั้งหมด หมออ๋องได้41.3% คุณโฟล์คได้ 40.25% คุณบู้ได้48.71%เพราะฉะนั้น ปัจจัยของความพ่ายแพ้ มาจาก 2 สาเหตุหลัก1. เนื่องจากไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า คนมาใช้สิทธิน้อยกว่าเดิม (เลือกตั้ง 66 คนใช้สิทธิ 70% ครั้งนี้ 54%) หมายความว่าเราล้มเหลวในการรณรงค์ให้คนกลับบ้านไปเลือกตั้ง 2.พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้นจาก 18% เป็น 48% (ไม่ใช่ 2 เท่าตามที่เห็นจากคะแนนดิบ)
ทุกพรรคสมานฉันท์แก้ไขรธน.
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯกล่าวถึงไทม์ไลน์แก้ไขรัฐธรรมนูญ หลัง ร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) การออกเสียงประชามติ พ.ศ...ผ่านการพิจารณาของสภาฯ ว่า ต้องรอกฎหมายดังกล่าววุฒิสภาจะแก้ไขหรือไม่ หากมีการแก้ไขต้องกลับมาที่สภาฯ เพื่อมาหารือว่าจะแก้ไขตามที่วุฒิสภาฯแก้ไขหรือไม่ แต่สส.ก็ยืนยันว่า การใช่เสียงข้างมากธรรมดาเป็นสิ่งที่ดีกว่าและเป็นหลักสากล
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้สมมุติว่าหากร่างกฎหมายดังกล่าว มีผลบังคับใช้ ขั้นตอนที่1 ทำประชามติสอบถามประชาชนตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ หากเห็นชอบจะไปสู่ขั้นตอนที่ 2 คือ แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยต้องทำประชามติครั้งที่ 2 หากประชาชนเห็นชอบสสร.ก็จะยกร่างรัฐธรรมนูญจนให้แล้วเสร็จ จากนั้นก็จะทำประชามติครั้งที่ 3 ซึ่งกระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญคาดว่าจะใช้เวลาพอสมควร
เน้นตีกรอบจริยธรรม-ซื่อสัตย์สุจริต
เมื่อถามว่า พรรคประชาชน (ปชน.) ยังติดใจคำถามประชามติครั้งแรกห้ามแก้ไขหมวด 1 หมวด 2 นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เคยเป็นมติครม.ตั้งรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ดังนั้นรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร นี้ก็ต้องยืนตามนี้ อย่างไรก็ตามจะมีเรื่องการแก้ไขหมาด1 หรือ หมวด 2 หรือไม่นั้น ท้ายสุดเมื่อแก้ไขมาตรา 256 ก็ต้องเขียนระบุไว้อยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ตนได้รับการประสานกับพรรคประชาชน เขามีความคิด ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยเฉพาะมาตรฐานจริยธรรมและเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ โดยจะเป็นการแก้ไขถ้อยคำให้รัดกุม ไม่ให้เกิดการตีความที่กว้างขวาง ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลไปพอสมควรแล้ว ซึ่งทุกพรรคการเมืองในสภาฯ จะเป็นเจ้าภาพร่วมกัน
เมื่อถามว่า กรอบเวลาในการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา จะเป็นอย่างไร นายชูศักดิ์ กล่าวว่า อยากจะทำให้เร็ว เแต่เราต้องถาประชามติไป เพราะเป็นการแก้ไขเรื่องคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยจะทำไปพร้อมกับการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งคาดว่าทำในช่วงเดียวกับการเลือกตั้งอบจ. ในต้นปีหน้าหรือ 2568 เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ โดยเรื่องการแก้ไขรายมาตราประเด็นจะทำประชามติเพียงครั้งเดียว
‘จิรายุ’พร้อมทำหน้าที่โฆษกรบ.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต สส.กทม.พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเข้าพบ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ด้วยสีหน้าอารมณ์ดี ถึงกรณีมีชื่อจะมานั่งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ตนยังไม่แน่ใจ ต้องรอพบ นพ.พรหมินทร์ก่อน และรอความชัดเจนจากนายกฯ ในวันที่ 17ก.ย.ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่ามีความพร้อมในการรับตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกฯ ใช่หรือไม่ นายจิรายุ กล่าวว่า ตนทำงานด้านนี้มาตลอด เมื่อถามว่า ในวันที่ 17 ก.ย.จะทำหน้าที่เลยหรือไม่ นายจิรายุ กล่าวว่า พยายามอยู่ ให้รอวันที่ 17ก.ย.ขอบคุณสื่อมวลชน แล้วเจอกันบ่อยๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี