16 ก.ย 2567 ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต1 พิษณุโลก โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งซ่อมที่พิษณุโลกนั้น ไม่ได้มีเหตุอะไรที่พรรคเพื่อไทยจะต้องผยองพองขนได้เลยว่าประชาชนเลือกเพราะนายกรัฐมนตรีแพทองธารหรือนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร

แต่ที่ชนะคราวนี้เพราะสองสาเหตุ

หนึ่ง พรรคร่วมรัฐบาลคือพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้ส่งลงแข่งขัน อันเป็นมารยาทของพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้เสียงเทไปเพื่อไทย ถ้าพิจารณาจากผลการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลได้ 4 หมื่นคะแนน ในขณะที่ เพื่อไทย พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติรวมกันได้ 5 หมื่นขนาด เป็นเบี้ยหัวแหลก ไม่ได้เป็น สองขั้วทางการเมือง เรียกว่า political polarization ไม่ชัดเจนในสงครามตัวแทนในการเลือกตั้ง ทำให้แพ้ไป แต่เทียวนี้ ที่ชนะ ก็ชนะต่างกันไม่ถึงหนึ่งหมื่นคะแนน ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะการออกไปเลือกตั้งซ่อมจะมีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าอยู่แล้วตามธรรมชาติ

สอง พฤติกรรมของ หมออ๋อง ที่ย้ายออกจากพรรคก้าวไกลไปอาศัยเกาะพรรคอื่น แต่ยังครองตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรอยู่ คือไปเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ เกาะอาศัยพรรคอื่น เพื่อครองตำแหน่งอยู่ในสภา เป็นพฤติกรรมการเมืองเก่าน้ำเน่ามาก คนที่เลือกพรรคก้าวไกลก็คงไม่ได้อยากเห็นการเมืองเก่าน้ำเน่าขนาดนี้ ความนิยมของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ก็คงลดลง เพราะไม่ได้มีอะไรใหม่หรือเปลี่ยนแปลงเลย

อันที่จริงพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนมีข้อได้เปรียบที่มีมหาวิทยาลัยนเรศวรอยู่ในพื้นที่ มหาวิทยาลัยให้นักศึกษาย้ายทะเบียนเข้าเพื่อให้ของบประมาณสร้างหอพักได้ง่าย ในมหาวิทยาลัยนเรศวร บางคณะมีอาจารย์และคณบดีสีส้มมากมายเป็นฐานเสียงของพรรคประชาชนอยู่แล้ว แต่ก็ยังแพ้อยู่ดี

สั้น ๆ คือ แพ้ภัยตัวเองจากพฤติกรรมการเมืองน้ำเน่า ประชาชนเบื่อ อย่างที่สอง คือ แพ้เพราะพรรคฝ่ายรัฐบาลหลีกทางให้กันเอง เสียงไม่แตก