“ชูศักดิ์”ยันแก้รธน.รื้ออำนาจศาลรัฐธรรมนูญ-ตีกรอบปมจริยธรรม ไม่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ แต่เดินสายกลางเพื่อความยุติธรรม ไม่ให้สอยนายกฯ- รมต.-ส.ส.ง่ายๆ อ้างไม่ได้ทำเพื่ออุ้ม“นายกฯอิ๊งค์”หลังเสนอแก้ในนามพรรคการเมือง หวั่นเกิดความ"อีหลักอีเหลื่อ"เพราะรบ.เตรียมแก้ทั้งฉบับ มั่นใจประชามติผ่านฉลุย เชื่อมีผลบังคับใช้ต้นปีหน้า ยังแย้มดาบสองเตรียมแก้อำนาจ ป.ป.ช.
20 ก.ย.67 ที่ทำเนียบฯ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยฝ่ายกฎหมายให้สัมภาษณ์ถึงสาระสำคัญของการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ฉบับพรรคเพื่อไทย 6 ประเด็น ว่า ในส่วนของมาตรฐานจริยธรรม เรายังไม่มีจุดเริ่มว่าจะนับตรงไหน แต่มีความคิดว่าจะเริ่มตั้งแต่ศาลฎีการับฟ้องคดีจริยธรรมเป็นต้นถึงจะเข่าข่ายขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรงห้ามดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
โดยกระบวนการจริยธรรมจะต้องมีการไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก่อน ซึ่งจะต้องมีมูล และร้องไปที่ศาลฎีกา เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีหลักฐานพอสมควรว่าฝ่าฝืนจริยธรรม แตกต่างจากเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ที่จะใช้เกณฑ์ต่อเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2560 มีผลบังคับใช้ เนื่องจากเป็นการบัญญัติศัพท์ขึ้นมาใหม่
นายชูศักดิ์ กล่าวถึงประเด็นแก้มติศาลรัฐธรรมนูญ โดยใช้เสียงข้างมากเด็ดขาดในการตัดสินความสิ้นสุดสมาชิกภาพความเป็นสส. สว. และรัฐมนตรี จากเดิมที่ใช้เสียงข้างมาก มาใช้เสียง 2 ใน 3 ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเท่าที่มีอยู่ ว่า หากคดีดังกล่าวมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 ท่าน ก็ต้องมี 6 เสียงที่สั่งให้พ้นหน้าที่ จึงจะมีผลทำให้หลุดจากตำแหน่ง โดยหลักคิดของเราการที่จะเอาคนออกจากตำแหน่งควรจะต้องใช้เสียงพอสมควร เพราะถึงขั้นเอาคนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และสส. จึงควรเป็นเรื่องที่มีพยานหลักฐานพอสมควร ตนคิดว่าถือเป็นการสร้างความชอบธรรม ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องยุบพรรค เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่จะไปว่ากันตรงนั้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา
เมื่อถามว่ารัฐมนตรีที่เคยติดคุก แต่ตัดทิ้งเพราะอะไร อย่างกรณีที่ศาลชั้นต้น ตัดสินคดียังไม่ถึงที่สุด แต่สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ มีแนวคิดอย่างไร นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของคุณสมบัติ และเหตุของการพ้นจากการเป็นรัฐมนตรีมากกว่า เพราะเหตุที่เขาเป็นรัฐมนตรีครั้งแรก ความจริงแล้วยังไม่เคยถูกจำคุก หรือบางคน ก็ถูกศาลสั่งให้รอลงอาญา ซึ่งคนเหล่านี้ยังไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิด แต่หากดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว และมีเหตุนั้นเกิดขึ้นหรือคดีถึงที่สุด เป็นความชอบธรรมมากกว่า จึงได้เขียนไป เหตุสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาได้วันไหน หลังประธานรัฐสภาระบุว่าวันที่ 25 ก.ย.นี้ ไม่สามารถพิจารณาได้ทัน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร่างของพรรคเพื่อไทยมีการเสนอแล้วในวันนี้ (19 ก.ย.) ส่วนที่กำหนดไว้วันที่ 25 ก.ย. เป็นเพียงตุ๊กตาซึ่งสามารถบวก ลบวันที่จะพิจารณาได้ โดยหลักการคือพิจารณาไปพร้อมกันกับพรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งจะพิจารณาในรัฐสภา 3 วาระ และก่อนทูลเกล้าฯจะต้องมีการทำประชามติสอบถามประชาชน ซึ่งคาดว่าจะทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) รวมทั้งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับช่วงเดือน ม.ค.ปี 68
เมื่อถามว่า มีคนมองว่าทำไม พรรคเพื่อไทย เลือกแต่เพียงแก้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่แตะการแก้อำนาจของ ป.ป.ช อย่างที่พรรคประชาชนเสนอ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความจริงป.ป.ช. เราก็มี ร่างแก้ไขพ.ร.บ.ป.ป.ช.เหมือนกัน ซึ่งมีการแก้ไขหลายเรื่อง
เมื่อถามว่ากรณีที่พรรคการเมืองดำเนินการเองโดยที่ไม่เป็นร่างของรัฐบาลเป็นการป้องกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เราเห็นว่า เรื่องนี้ร่างของรัฐบาลก็มีภาระหน้าที่อยู่แล้วในการที่มีเรื่องของรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่ต้องทำอยู่ ถ้ารัฐบาลนำเรื่องนี้ไปทำอีก มันก็อีหลักอีเหลื่อเราจึงคิดว่า ขณะนี้ สส.ทำอยู่แล้ว ก็ให้สส.ในพรรคการเมืองทำกันไป ก็แยกหน้าที่กัน เพราะการที่รัฐบาลทำทั้งฉบับอยู่แล้ว จะเสนอให้ทำเป็นรายมาตราอีก มันก็ดูยังไงอยู่ ว่าจะเอายังไงกันแน่
เมื่อถามว่าเสียงในสภาฯไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้นการทำประชามติจะมีอุปสรรคอะไรหรือไม่โดยเฉพาะการทำประชามติ ดูเหมือนกับว่านักการเมืองจะได้ประโยชน์อย่างเดียวและประชาชนไม่ได้อะไร ซึ่งอาจทำให้ถูกคว่ำประชามติได้ เพราะอาจทำให้ถูกร้องว่าผลประโยชน์ขัดกัน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า อย่าไปพูดว่าประชาชนไม่ได้อะไร เรามองว่าทำกฎหมายให้ชัดเจน ให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งเราระมัดระวังจุดนี้ ต้องทำให้เกิดความยุติธรรมในระบบ มองอย่างนั้นจะดีกว่าสบายใจกว่า ส่วนของประชาชน รอทั้งฉบับเลย เพราะรัฐบาลเขาก็ใช้แล้ว รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
เมื่อถามว่าในชั้นประชามติจะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่เพราะได้แก้ไขกฎหมายโดยใช้เสียงข้างมากปกติแล้ว จากเดิมต้องใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น นายชูศักดิ์ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เมื่อถามอีกว่าในประเด็นเรื่องการถูกมองผลประโยชน์ทับซ้อน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีอะไร มันไม่ได้ทับซ้อนอะไร ทุกอย่างยังเดินสายกลาง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายเพียงแต่จะทำให้เกิดความชัดเจน หลักเกณฑ์ชัดขึ้น ซึ่งคิดว่าสังคมจะเป็นธรรมมากขึ้นมากกว่า และคาดว่าเดือน ม.ค.ปีหน้าก็น่าจะเสร็จสิ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี