พท.ปลุกแก้รธน.ปมจริยธรรม
มัดคอพรรคร่วม
อ้างไม่แก้ก็อยู่กันแบบเดิม
เดินหน้าประชุมสัปดาห์นี้
‘จุรินทร์’ชี้อย่าทำเพื่อพวกพ้อง
‘สุริยะใส’หวั่นหักกระแสสังคม
“จุรินทร์-สรรเพชญ” ค่ายประชาธิปัตย์ เตือนพวกเสือหิวที่จะคิดแก้รัฐธรรมนูญอย่าทำเพื่อพวกพ้อง แต่ต้องช่วยกันป้องกันพวกทุจริตขี้โกงเข้าไปมีอำนาจฝ่ายเพื่อไทยไม่สน บอกถ้าไม่แก้ก็อยู่แบบเดิม มั่นใจพรรคร่วมรัฐบาลเอาด้วยเพื่อรื้อปมจริยธรรม รอวันวิปนัดประชุม
เมื่อวันที่ 22 กันยายน นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พท.) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย จะนัดหารือพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อทำความเข้าใจเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ประเด็นมาตรฐานจริยธรรมที่ยังมีเสียงคัดค้านจากพรรคร่วมรัฐบาล ว่า เชื่อว่าจะทำความเข้าใจกับพรรคร่วมรัฐบาลได้ เรื่องมาตรฐานจริยธรรมเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขให้เกิดความชัดเจน พรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ต้องการให้เกิดความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาการตีความไม่มีความชัดเจน เห็นด้วยกับการแก้ไขให้ใช้เสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2ใน3 ในการพิจารณาสอยสส. และครม.แทนการใช้เสียงข้างมาก โดยเฉพาะคดีสำคัญเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของนักการเมือง อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของประเทศ เช่น คดีถอดนายกฯ จำเป็นต้องใช้เสียง2ใน3 เป็นเกณฑ์ เพราะศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้มาจากตัวแทนประชาชน แม้จะมีแรงต้านในการแก้ไขก็ต้องทำความเข้าใจ “ถ้าไม่แก้ก็อยู่แบบเดิม นักลงทุนที่ไหนจะกล้ามาลงทุนในประเทศไทย มั่นใจว่าจะได้รับความเห็นชอบจากเสียงในสภาฯ และพรรคร่วมรัฐบาลในการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา เรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม” นพ.เชิดชัย กล่าว
กำหนดขอบเขตจริยธรรม
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการนัดพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรายมาตราในสัปดาห์นี้ ว่า เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีการยื่นตัวร่างไปแล้ว ก็จะมีการพูดคุยกันในการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) วันที่ 23 ก.ย. เพื่อแจ้งให้พรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นๆ ทราบด้วย เมื่อถามกรณีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นเริ่มไม่เห็นด้วยเรื่องแก้ไขมาตรฐานจริยธรรม เพราะเกรงว่าจะเอื้อประโยชน์ให้นักการเมือง และอาจถูกร้องตีความ จะพูดคุยกันอย่างไรเพื่อได้ข้อสรุป
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า จริยธรรมไม่ใช่ว่าเราจะให้ไม่มี เรายังให้มีอยู่ แต่ต้องมีขอบเขตว่าประมาณไหน คนจะได้ระมัดระวังไม่ทำต่อ เช่น กรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เสียงข้างมากเกินมาเพียงแค่หนึ่งเสียงก็พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว เราจึงเห็นว่าควรเพิ่มในเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่านี้ได้หรือไม่ ย้ำว่า เรื่องจริยธรรมยังต้องมีอยู่ นอกจากนี้ยังต้องมาดูในส่วนของเรื่องลหุโทษว่าจะต้องเป็นอย่างไร เช่น หากไปขับรถชนตายมา ก็ต้องมาดูว่าขาดจริยธรรมหรือไม่ ทั้งนี้ หากได้มีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เมื่อถามว่า หากมีการพูดคุยในวิปรัฐบาลแล้ว มั่นใจหรือไม่ว่าจะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสภา นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เราต้องคุยกันก่อน เพราะเราเป็นรัฐบาลพรรคร่วม ฉะนั้น ต้องตัดสินใจร่วมกัน
เตือนอย่าแก้เพื่อตัวเอง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ ว่า รัฐธรรมนูญแก้ไขได้ แต่ในความเห็นตน การแก้ รัฐธรรมนูญต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ที่ว่าด้วยรูปแบบของรัฐ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ “ส่วนในประเด็นอื่น ก็ต้องดูเป็นประเด็นไป แต่จะต้องไม่แก้จนเป็นการทำลายหลักการ “การส่งเสริมให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และ ควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ” และไม่ควรเข้าข่ายการแก้ไขเพื่อตัวเอง เพราะจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญขาดความชอบธรรม ซึ่งจะก่อผลกระทบทำให้การเมืองเสื่อมและอาจก่อให้เกิดแรงต้านจากประชาชน” นายจุรินทร์ กล่าว
ทั้งนี้ โดยเฉพาะในขั้นตอนสุดท้ายตอนทำประชามติ เพราะประเด็นการแก้ไข รัฐธรรมนูญในเรื่องคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของศาลและองค์กรอิสระ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ เข้าเงื่อนไขที่จะต้องทำประชามติก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ด้วย
“สรรเพชญ”ยันต้องสกัดพวกขี้โกง
นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นที่น่าแปลกใจที่ยังไม่ทันไรหลังรัฐบาลเข้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเพียงไม่กี่วัน ก็จะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเลย โดยเฉพาะปัญหาที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่คือเรื่องปัญหาปากท้อง เพราะเนื้อหาที่จะแก้ไขรายมาตราก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่จะมาดำรงตำแหน่ง โดยเฉพาะการเอาคำว่าซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ออกจากรัฐธรรมนูญ ตนมีความเห็นว่า หากนักการเมืองที่เป็นนักการเมืองขี้โกงเข้ามามีอำนาจบริหารประเทศก็จะเกิดความเสียหายได้ ดังนั้นความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์จะต้องคงอยู่เพื่อเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมให้กับนักการเมืองต่อไป
นายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า แม้ทั้งพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจะจับมือร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งทำให้มีโอกาสผ่านได้ง่ายแต่ก็ต้องอาศัยเสียงของสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้ได้รับความเห็นชอบ ดังนั้นตนอยากให้ผู้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ชี้แจงให้ชัดว่า ประชาชนได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ แล้วจะทำให้ประชาชนมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีการเมืองดี มีปากท้องดี ได้อย่างไร ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์พวกมากแล้วลากกันไปทำเรื่องเพื่อประโยชน์ของพวกพ้องตนเอง ในความเป็นจริงแล้ว หากจะแก้รัฐธรรมนูญก็ควรจะถามประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริงเสียก่อน ผู้แทนที่เข้ามาใช้อำนาจไม่ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตนเองเพราะเคยเสียผลประโยชน์จากเรื่องนี้ หากดันทุรังสุดซอยประชาชนจะหมดศรัทธาได้
“การที่เราจะเป็นผู้แทนประชาชน มาใช้อำนาจ ทรัพยากรของประเทศแทนประชาชน ต้องยอมรับการตรวจสอบที่โปร่งใสและเข้มงวด หากเราทำให้การตรวจสอบอ่อนแอลง ระบบการเมืองของเราก็จะสูญเสียความน่าเชื่อถือการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรเน้นไปที่การเพิ่มความโปร่งใสและเสถียรภาพให้กับระบบการเมือง แทนที่จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มนักการเมืองบางกลุ่ม” นายสรรเพชญ กล่าว
ต้องเป็นที่พึงให้ประชาชน
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก“ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว.059” ระบุว่า การที่รัฐบาลร่วมกับฝ่ายค้านจับมือกันแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองนั้น พวกท่านได้คำนึงถึงความคิดเห็น และความรู้สึกของประชาชนบ้างมั๊ย แทนที่จะดำรงตนเป็นผู้สุจริตให้ประชาชนยอมรับเชื่อถือไว้วางใจ แทนที่จะยอมรับเหตุผลและคำตัดสินของศาลเพื่อให้เป็นเสาหลักสร้างประชาธิปไตยสุจริตให้เกิดขึ้นในประเทศ พวกท่านกลับเลือกดำรงตนเช่นเดิม แต่ไปแก้กฎหมายพร้อมกับการลดอำนาจศาลที่ตัดสินคุณสมบัติและการใช้อำนาจของพวกท่านแทน หากรัฐสภาทำเพื่อตัวเองไม่ใช่เพื่อประชาชน พวกท่านจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างไร
รทสช.ไม่นิรโทษม.112
นายธนกร วังบุญคงชน สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร เตรียมเสนอรายงานต่อที่ประชุมสภาฯ ในวันที่ 26 ก.ย.นี้ ซึ่งให้สภาร่วมกันพิจารณาในความเห็นต่างเรื่องคดีมาตรา 112 จะรวมอยู่ในการนิรโทษกรรมหรือไม่ ทั้งนี้ตนไม่เห็นด้วย และขอคัดค้านการนิโทษกรรมคดีม.112 ให้ถึงที่สุด
“ยกคดียุบพรรคก้าวไกลมาเทียบ ก็ทำให้เห็นได้ชัดเจน ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยอย่างละเอียดว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง หากจะนิรโทษกรรมให้ผู้มีความผิดตามมาตรา 112 สภาต้องคิดให้ดีและรอบคอบ ” นายธนกร กล่าว
‘สุริยะใส’เชื่อนำสู่ขัดแย้ง-แตกแยก
ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ ระวังแก้รัฐธรรมนูญ หักกระแสสังคม การเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา โดยพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ในประเด็นการตีกรอบจริยธรรม ประเด็นอำนาจองค์กรอิสระประเด็นยุบพรรคและประเด็นอื่นๆนั้น แม้เป็นสิทธิของพรรคการเมืองและสส.ที่สามารถดำเนินการได้ก็ตาม แต่หากพิจารณาความชอบธรรมแล้ว ความชอบธรรมยังต่ำอยู่ เพราะอย่าลืมว่าประเด็นที่เสนอแก้ไขกันเป็นประเด็นที่มีความล่อแหลมสูง แม้จะได้ฉันทานุมัติในสภา แต่ถ้าปราศจากฉันทานุมัติจากนอกสภาหรือจากประชาชน ก็รังแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกโดยไม่จำเป็น รัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงเดือนมีปัญหาให้แก้ไขมากมาย ยังไม่มีผลงานเชิงประจักษ์ ควรเร่งสร้าง ความเชื่อมั่นความไว้วางใจจากประชาชนมากกว่านี้ถึงจะพอมีโอกาส พรรคเพื่อไทยควรซึมซับบทเรียนอย่างน้อยสองเหตุการณ์ คือกรณีการขายหุ้นชินคอร์เปอเรชั่นและหลีกหนีการอภิปรายของสภาเมื่อปี 2549 และการออกกฏหมายนิรโทษกรรมสุดซอยเมื่อปี 2556 ก็เป็นบทเรียนของเสียงข้างมากที่ขาดความชอบ
วิกฤติการเมืองไทยในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาไม่ควรโยนบาปให้รัฐธรรมนูญฝ่ายเดียว เพราะวิกฤติหลักยังเป็นเรื่องของพฤติกรรมบรรดานักการเมืองบางส่วน ที่เล่นการเมืองเพื่อตัวเองเพื่อพวกพ้องและการทุจริตคอร์รัปชันที่ไม่ลดลงเลย ความล้มเหลวของรัฐธรรมนูญ 2540 เป็นตัวอย่างชัดเจนที่นักการเมืองกลุ่มหนึ่ง เข้ามาฉีกทิ้งความหวังของประชาชน จากนั้นมากระแสเกลียดชังนักการเมืองจำพวกนักเลือกตั้งก็สูงขึ้นเรื่อยๆ การออกแบบรัฐธรรมนูญเพื่อปราบโกงและเอาคนดีเข้าสู่อำนาจจึงปรากฏในรัฐธรรมนูญ 2550 และ2560 ฉะนั้นหากจะตีโต้หรือหักกับกระแสนี้ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดถ้านักการเมืองยังไม่ปรับพฤติกรรม
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กรณีนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ถูกลงโทษด้วยกลไกรัฐธรรมนูญเหล่านี้ก็เป็นปัญหาความผิดที่ก่อขึ้นจากตัวนักการเมืองด้วยส่วนหนึ่ง ยังนึกไม่ออกว่ามีกรณีไหนที่นักการเมืองตกเป็นเหยื่อ เป็นแพะหรือถูกรังแกจากกลไกรัฐธรรมนูญแต่เพียงด้านเดียว แม้จะวางเงื่อนไขว่าจะไม่มีผลย้อนหลังกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ให้หลักประกันกับประชาชนว่าพฤติกรรมนักการเมืองจะปรับปฏิรูปตัวเองมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี