เปิดก่อนได้เปรียบ!‘อังคณา’ชิงปูดเจอล็อบบี้ให้ถอนตัวลงชิง‘ประธานกมธ.พัฒนาการเมืองฯ’ สุดท้ายดวงดีจับติ้วฝ่าด่านหิน‘สายสีน้ำเงิน’ผงาดนั่งประธานฯ หลังโหวต 2 รอบบี้กับ‘ผู้ว่าฯปู’ได้คะแนนเท่ากัน ชื่นมื่นถ่ายภาพร่วม พร้อมทำงานด้วยกัน
24 กันยายน 2567 เวลา 08.50 น. ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอตัวสมัครเป็นประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภาว่า กมธ.ชุดดังกล่าวเป็นการควบรวมของ กมธ. 2 คณะ ซึ่งส่วนตัวได้มีการเสนอตัวเองว่าเรามีความสามารถที่จะทำงานตรงนี้ แสดงเจตจำนงเลยว่าตนมีความสามารถที่จะทำงานได้ในฐานะประธาน กมธ.ฯ และหากพิจารณาตามความรู้ความสามารถและประสบการณ์ การเลือกประธานกมธ.ฯไม่ใช่การแข่งขันแต่เป็นการพิจารณาเพื่อให้คนที่มีความเหมาะสมเข้ามาทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก แต่ถ้าหากใช้วิธีการอื่น ตนก็หนักใจ
“ส่วนตัวก็มีกรรมการในคณะ โทรมาบอกว่าให้ถอนตัว เพื่อนบางคนก็ถูกประกบให้ไปเลือกคนอื่น ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่น่าละอาย และสำหรับวุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภาทุกท่านไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทำแบบนี้ ส่วนตัวดิฉันอยากเห็นการพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นธรรม โปร่งใส โดยไม่มีวิธีการอื่น ที่เป็นการกระทำที่น่าละอาย เป็นการกดดัน ให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องจำยอม และถอนตัว ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดิฉันกังวล” นางอังคณากล่าว
นางอังคณา กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวจะได้หรือไม่ได้ ก็ไม่ได้จะเป็นจะตาย ไม่ว่าจะอย่างไรเราทำงานอยู่ ฉะนั้นถ้าได้ก็ทำงาน ไม่ได้ก็ทำงาน แต่การที่จะได้มาก็ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าควรพิจารณาตามคุณสมบัติความเหมาะสมและความสามารถ
เมื่อถามว่าภาพลักษณ์ออกไปดูไม่ดี ที่อาจมองว่ามีการแย่งตำแหน่งประธานกมธ.กันนั้น นางอังคณา กล่าวว่า สว.บางคนบอกว่าไม่มีพวก ไม่มีกลุ่ม ไม่มีเสียงข้างมากข้างน้อย แต่ในทางปฏิบัติความเป็นจริงปฏิเสธไม่ได้ ส่วนตัวเป็นคนกลุ่มน้อยไม่ใช่พวกเขาก็เป็นคนอื่นเราถูกมองแบบนี้มาโดยตลอด อยากให้คุยกันแบบตรงไปตรงมาดีกว่า
เมื่อถามถึงการบล็อกโหวตในชั้นกรรมาธิการ อาจนำไปสู่การบล็อกโหวตอีกหลายครั้งในอนาคตหรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า ถ้าเราจะใช้ระบบ คุณธรรมในการพิจารณาทำงานความโปร่งใสก็ต้องตรวจสอบได้ ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์สุจริต ที่สำคัญมากคือประมวลจริยธรรมข้อหนึ่ง ขององค์กรอิสระและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเขียนไว้ ว่า"คนที่จะปฏิบัติหน้าที่ใน องค์กรอิสระหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องทำงานด้วยความกล้าหาญไม่หวั่นเกรงต่ออิทธิพลใดๆ" ทั้งนี้ ส่วนตัวทำงานอย่างตรงไปตรงมา และไม่สบายใจอย่างยิ่งกับวิธีการใดๆที่พยายามจะกดดัน ไม่ว่าจะเป็นตนที่โดน หรือคนอื่นที่โดน การกระทำแบบนี้ถึงแม้จะได้เป็นประธานกมธ.ก็ไม่สง่างาม
ต่อมาในเวลา 09.00 น. มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)สามัญประจำวุฒิสภา 21 คณะ โดยแต่ละคณะจะประชุมเพื่อเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการ และรองประธานกรรมาธิการ รวมถึงตำแหน่งต่างๆ มีรายงานว่า กลุ่ม สว. ที่เรียกกันว่า สว.สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่นั้นมีการวางตัวบุคคลทำหน้าที่ประธานกรรมาธิการแล้ว 20 คณะ เว้นแต่ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ และเป็นที่จับตามองว่าสว. กลุ่มสีน้ำเงิน จะได้รับเลือกเป็นประธานกมธ.อีกหรือไม่
ในที่ประชุมกมธ.พัฒนาการเมืองฯ ได้ให้นายกัมพล สุภาแพ่ง สว.ที่มีความอาวุโสสูงสุดทำหน้าที่ประธานชั่วคราวในการประชุม หากการโหวตเลือกรอบแรกยังไม่ได้ผู้ดำรงตำแหน่งประธานหรือว่ามีคะแนนเท่ากัน ก็จะต้องดำเนินการโหวตในรอบที่ 2 แต่หากยังไม่ได้ผู้ดำรงตำแหน่งประธานอีกก็จะจะต้องทำการจับสลาก ตามข้อบังคับของวุฒิสภาข้อที่ 5
ปรากฏว่าในการประชุม มีการเสนอชื่อนางอังคณา นีละไพจิตร กับ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงสี และนายประภาส ปิ่นตบแต่ง แต่นายประภาส ขอถอนตัว ทั้งนี้เดิมที สว. สีน้ำเงินจะส่งชื่อ นายนิฟาริด ระเด่นอาหมัด แต่มีการเปลี่ยนชื่อก่อนที่จะเริ่มเลือก โดยการโหวตในรอบแรกคะแนน 9 ต่อ 9 จากนั้นเข้าสู่กระบวนการโหวตในรอบที่สอง ซึ่งผลการโหวต ทั้งนางอังคณา และนายวีระศักดิ์ ยังคงมีคะแนนเท่ากัน 9 ต่อ 9 จึงต้องมีการจับฉลาก โดยนางอังคณา จับฉลากได้นั่งตำแหน่งประธาน กมธ.ฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ที่ทำหน้าที่ชั่วคราว ไม่ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไป บันทึกภาพช่วงแรกที่เริ่มประชุม ก่อนที่จะมีการโหวตเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธานกมธ.ฯ
ต่อมาภายหลังการเลือกแล้วเสร็จ นางอังคณา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์พร้อมนายวีระศักดิ์ว่า ในการเลือกวันนี้ มีการลงคะแนนรับ 2 รอบ ผลปรากฏว่ามีคะแนนเท่ากัน ก่อนที่จะมีการจับฉลาก พร้อมกับยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณ นายวีระศักดิ์ แคนดิเดตในการเลือกประธาน กมธ.
นางอังคณา กล่าวว่า ยืนยันว่าหลังจากนี้จะเป็นการทำงานร่วมกันโดยนายวีระศักดิ์ ก็ได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุน ซึ่งทั้ง 2 คนไม่ว่าใครจะได้เป็นประธาน กมธ. ก็ไม่ต่างกัน ซึ่งเชื่อว่าสามารถทำงานสนับสนุนส่งเสริมกันได้ และขอบคุณคณะกมธ.ทุกคน ส่วนการเริ่มทำงานจะต้องดู สว.ชุดที่แล้ว ทำอะไรไว้บ้าง มีงานค้างหรือไม่ ซึ่ง กมธ.ชุดนี้เป็นการรวม 2 กมธ.เข้าด้วยกัน คือคณะกมธ.พัฒนาการเมืองฯ กับคณะ กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ โดยหลังจากนี้ จะมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาด้วย ซึ่งเรื่องสิทธิพลเมืองกับสิทธิทางการเมืองไม่สามารถแยกจากกันได้ เช่นเดียวกับสิทธิมนุษยชน ทั้งหมดคือเรื่องเดียวกัน แม้ส่วนตัวจะเห็นว่าควรจะแยกกันก็ตาม
เมื่อถามว่าสว.ชุดเก่าได้มีการตามเรื่องการพักรักษาตัวที่ชั้น 14 ของนายทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ จะมีการ ตามเรื่องนี้ต่อหรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า งานที่ สว.ชุดที่แล้วทำค้างไว้ และสว.ชุดปัจจุบันมีมติให้ทำต่อ ก็จะดำเนินการตรวจสอบต่อ
ขณะที่นายวีระศักดิ์ กล่าวถึงการทำงานร่วมกันว่า ส่วนตัวเคารพนับถือนางอังคณา และมั่นใจว่าการทำงานจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเห็นว่าทุกคนที่เข้ามาทำหน้าที่นี้ จะต้องมีความสมานฉันท์กัน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อาจจะมีข้อขัดแย้งกันบ้าง แต่ท้ายที่สุดก็จบลงในที่ประชุม ส่วนที่มีข้อสังเกตว่าการตั้ง กมธ.สว. สายสีน้ำเงินกินรวบประธาน กมธ.เกือบทุกคณะนั้น นายวีระศักดิ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวเพียงว่า เป็นสิทธิ์ของ กมธ.แต่ละคณะ
เมื่อถามถึงรายชื่อกมธ. ที่หลายคนมองว่าอาจจะมีสิทธิ์ผิดฝาผิดตัว และอาจจะทำงานไม่มีประสิทธิภาพ นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า สิทธิพลเมืองต้องมาก่อน ขออย่าไปด้อยค่า เพราะทุกคนมีสิทธิ์ตามความสนใจ อย่างเช่น ตนเองก็มาอยู่ในคณะ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ มองว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่สว. จะดำรงตำแหน่งในคณะ กมธ.
นายวีระศักดิ์ กล่าวเปิดใจที่ได้เข้ามานั่งใน กมธ.ชุดนี้ว่า ได้แจ้งนางอังคณาไว้แล้ว ตั้งใจเข้ามาทำหน้าที่เพื่อลบรอยราวเล็กๆ ที่มีอยู่ และต้องการให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เกิดความสมานฉันท์ การเข้ามาชิงตำแหน่งประธานไม่รู้ตัวมาก่อน เพราะมีคนเสนอชื่อ และยินดีที่นางอังคณาได้รับตำแหน่ง พร้อมยืนยันสามารถทำงานร่วมกันได้
นางอังคณา กล่าวว่า เคยพูดคุยกันมาก่อนว่า ไม่ว่าใครก็ตามเป็นประธาน ก็สามารถทำงานร่วมกันได้ และจะสนับสนุนส่งเสริมซึ่งกันและกัน ส่วนความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ ซึ่งต้องเคารพในเสียงข้างมาก ไม่ละเลยเสียงข้างน้อย ทั้งนี้พร้อมรับข้อเสนอแนะ และข้อห่วงใยจากทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าก่อนที่จะมีการเลือกบุคคลที่มาดำรงตำแหน่ง นางอังคณาได้ให้สัมภาษณ์แฉกระบวนการล็อบบี้จากกลุ่ม สว.สีน้ำเงิน
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจดูบุคคลที่มาดำรงตำแหน่งต่างๆ พบว่ามีบุคคลที่น่าสนใจ เช่น นางแดง กองมา สว.ที่ประกอบอาชีพขายหมู ที่ถูกตั้งข้อสังเกตก่อนหน้า ได้รับตำแหน่ง รองประธานคนที่ 3 นอกจากนี้ยังมีนายประภาส ปิ่นตบแต่ง เป็นเลขานุการ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี