รอร้องอีกอื้อ-หวั่นรัฐบาลถึงจุดจบ! ‘สุริยะใส’ชี้นักการเมืองกลัวจนต้องรีบแก้รธน.ปม‘จริยธรรม’
เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2567 นายสุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์กับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งดูเหมือนจะมีความพยายามเร่งรัดทั้งๆ ที่ก็มีการเตรียมยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับอยู่แล้ว ว่า อย่างแรกคือมีหลายคนถูกร้องเรียน หลายเรื่องก็จ่อคอหอยอยู่
เช่น สส. 44 คน ของพรรคประชาชน ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 สมัยที่อยู่กับพรรคก้าวไกล อันเป็นสาเหตุที่พรรคก้าวไกลถูกยุบ หรือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมไปถึง นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกร้องเรียนเรื่องมาตรฐานจริยธรรม และแนวโน้มจะมีเรื่องร้องเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะยิ่งขุดก็ยิ่งเจออยู่หลายคน จนอาจนำไปสู่จุดจบของรัฐบาลได้ จึงต้องรีบแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะคนทำงานเด่นๆ ในพรรคร่วมรัฐบาลทั้งปัจจุบันและอนาคตก็มีโอกาสโดนร้องเรียน
แต่เมื่อเดินมาแบบนี้ประชาชนเขาก็ดูออก จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าแก้รัฐธรรมนูญเพื่อแก้ปัญหาของตนเอง แม้ว่าจะมีความพยายามชี้แจง เช่น ร่างของพรรคเพื่อไทยที่เสนอแก้ไข 6 ประเด็น จะระบุถ้อยคำว่าการแก้ครั้งนี้ไม่มีผลย้อนหลังกับคดีที่เกิดขึ้นก่อนรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขมีผลบังคับใช้ ซึ่งหมายถึงการไมได้นิรโทษกรรมเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องแต่ไปเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ แต่จะรับประกันได้อย่างไรว่าแก้แล้วนักการเมืองจะปรับตัวหรือปฏิรูปตนเอง
“เขาก็ไม่ถึงขั้นยกเลิก อันนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมเขานะ อย่างเรื่องจริยธรรมวางกรอบให้ชัดว่าจะเอาขนาดไหน แล้วคดีหมิ่นประมาทถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี เหลือ 5 ปีได้ไหม คือไม่ถึงขั้นรื้อยกเลิก แต่หลายเรื่องมันไปทำให้กลไกปราบโกงทำยากขึ้น เช่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเวลาจะวินิจฉัยถอดถอน สส. สว. ผุ้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ควรใช้เสียงข้างมากอย่างเดียว ต้อง 2 ใน 3 ก็ต้อง 6 เสียงขึ้นไป คำถามคือ 6 เสียงทำได้ไหม ถ้าใช้กลไกใหม่ตามร่างแก้ไขใหม่ต้องใช้ 6 เสียงขึ้น คุณเศรษฐารอด เพราะแกโดน 5 ต่อ 4” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวต่อไปว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยเขียนว่าไม่ให้มีผลย้อนหลัง แต่ก็คือแก้ปัญหาตรงนี้ แต่ก็ประมาทไม่ได้เพราะเมื่อนำเข้าสู่การพิจารณาในสภา ก็อาจมีคนขอแปรญัตติได้ บอกให้มีผลย้อนหลังไปเลย เหมือนกันกฎหมายนิรโทษกรรมเมื่อปี 2556 ตอนแรกร่างมาเพียงต้นซอย ให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนกลุ่มการเมืองทุกเสื้อสี แต่พอเข้าสภาก็ไปลักหลับกันตอนตี 3 เอาคดีทุจริตรวมไปด้วย เลยเกิดการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ขึ้น เพราะมาจากการสอดไส้ในตอนท้าย
อย่างเรื่องการตัดสิทธิ์ทางการเมือง ซึ่งก็มีบางคนถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต แต่ก็มีความพยายามเสนอว่าให้วางกรอบการตัดสิทธิ์ไว้ไม่เกิน 5 ปี ดังนั้นก็อาจมีคนเสนอไปอีกว่าคนที่โดนตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตไปแล้วก็ให้เหลือเพียง 5 ปี ส่วนการลงมติของศาลรัฐธรรมนูญที่ขอปรับเพิ่มเป็น 2 ใน 3 ตนเข้าใจว่าที่ผ่านมาไม่เคยมี และการยกให้สูงขึ้นก็อาจทำให้เป็นไปไม่ได้เลย เพราะ 2 ใน 3 คือ 6 เสียงขึ้นไปจากทั้งหมด 9 เสียง ก็ไม่ง่ายที่จะได้เสียงขนาดนั้น
สุดท้ายกลไกปราบโกงในรัฐธรรมนูญก็จะไม่มีผลในทางปฏิบัติ เพราะวางกลไกไว้ซับซ้อนขึ้น เช่น อาจจะไปขอแก้ไขให้ใช้เสียง 2 ใน 3 ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึงเป้าหมายของการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้คือการลดทอนอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช. จนทำให้การตั้งคณะรัฐมนตรีและที่ปรึกษาทำได้ยากขึ้นเพราะมีการตรวจสอบคุณสมบัติมากขึ้น
ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ ตนเข้าใจว่าตอนยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่บอกว่าเป็นยาแรงปราบโกง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านการรับฟังความเห็น บางคนถึงขนาดบอกว่าหากเป็นกรณีทุจริตรุนแรงอยากให้ประหารชีวิตไปเลยก็มี คือไม่ใช่จู่ๆ ไปเขียนเอามัน แต่มาจากความรู้สึกของประชาชนที่เห็นว่าต้องเด็ดขาดเสียทีเพราะที่ผ่านมามีช่องให้เล็ดรอดกันตลอด เป็นที่มาตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ถูกรื้อ ต่อมารัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ก็ถูกฉีก
ดังนั้นรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 จึงต้องแรงขึ้น และนักการเมืองก็กำลังกลัวรัฐธรรมนูญฉบับนี้แน่นอน เพราะพุ่งเป้าไปที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างเข้มข้นที่สุด ซึ่งตนไม่ได้หมายความว่าตนเชียร์รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทั้งหมด แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากประชามติของประชาชน ไม่ใช่อยู่ๆ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือ 3 ป. ไปประกาศ ถ้าจำกันได้คือไปโหวตกันว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย จึงเป็นเสียงข้างมาก
“ฉะนั้นจะมาแก้ จะอาศัยเสียงข้างมากในสภา 250 เสียงเกินกึ่ง เพื่อไทยรวมกับพรรคประชาชน อาจจะเป็น 290 สมมตินะ มันต่างอะไรกับที่คุณบอกว่านายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง โดนตัดสิทธิ์โดยคน 9 คน จะต่างอะไรกับการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ซึ่งมาจากคน 14 ล้านคน คุณจะแก้โดยคน 250 คนได้อย่างไร ก็ต้องไปทำประชามติ อันนี้มันก็เป็นตรรกะเดียวกัน” นายสุริยะใส กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี