‘ภท.-รทสช.’ไม่แก้ปมจริยธรรม
หักหน้า‘เพื่อไทย’
‘อนุทิน’เตือนนักการเมือง
ต้องพร้อมรับการตรวจสอบ
‘อิ๊งค์’ชิ่งขอช่วยน้ำท่วมก่อน
พท.โยนพรรคร่วมต้นตอขอแก้
หล่อทันตาเห็น “เสี่ยหนู” ไม่เอาด้วยแก้รัฐธรรมนูญหมวดมาตรฐานจริยธรรม เตือนเพื่อนนักการเมือง หากไม่อยากถูกตรวจสอบอย่าเล่นการเมือง ด้านนายกฯอิ๊งค์ระบุ รัฐบาลขอแก้ปัญหาน้ำท่วมก่อนแก้กฎหมายสูงสุด “ภูมิธรรม”ปัดเฉยเพื่อไทยไม่ใช่คนเริ่มต้น แต่มาจากความต้องการของพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อเวลา 12.15 น.วันที่ 24กันยายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา จุดยืนของนายกฯเป็นอย่างไร ว่า เรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยกัน แต่ตอนนี้รัฐบาลขอโฟกัสเรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วม อย่างเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 ก.ย. ก็ได้รับรายงานมา ที่ลำปางก็น้ำท่วมหนักขึ้น เมื่อสักครู่ที่ได้พูดคุยกันข้างนอก รัฐมนตรีทั้งหมดก็คุยกันเรื่องเยียวยาน้ำท่วมในแต่ละพื้นที่ เมื่อถามว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องพักไว้ก่อนหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่อยู่ในสภาฯรัฐบาลต้องทำงานให้ประชาชนก่อน
เมื่อถามว่าดูเหมือนมีพรรคร่วมบางพรรคกลับลำ ตอนแรกอยากแก้แต่ตอนนี้กลับไม่แก้ เช่น พรรคภูมิใจไทย (ภท.)และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมีคำถามนี้บรรดารองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่ยืนด้านหลังต่างหัวเราะ
ทุกอย่างต้องพูดคุยกันก่อน
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่ยืนด้านหลัง กล่าวแทรกขึ้นมาว่า “ไม่ได้กลับลำครับ ขอทำงานให้พี่น้องประชาชนก่อน” สื่อจึงถามย้ำว่ารัฐบาลยังจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ต้องคุยกัน” ก่อนที่ น.ส.แพทองธาร จะตอบว่า “ต้องพูดคุยกัน จริงๆแล้วก็ไม่อยากให้นักข่าวถามแบบนี้ ในเรื่องว่ากลับลำ จริงๆแล้วก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรามีการคุยกันทั้งก่อนและหลังการประชุม และถามความคิดเห็นกันว่าเป็นอย่างไร เข้าใจว่าเวลาสัมภาษณ์ถูกตัดบางคำพูด มันทำให้รู้สึกว่ากลับลำหรือไม่เห็นด้วยได้
“แต่ความจริงแล้วเราคุยกันหลังไมค์เราเข้าใจอยู่แล้ว ได้คุยกับรองนายกฯหลายท่าน รวมถึงหัวหน้าพรรคร่วม เรามีความคิดเห็นกันว่า ตอนนี้สิ่งที่รัฐบาลควรเน้นย้ำคือเรื่องของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็อยากจะบอกว่าถ้ารัฐบาลมั่นคง เสถียรภาพการเมืองมั่นคง ประเทศชาติก็มั่นคงไปด้วย อันนี้นักข่าวก็ต้องช่วยกันเรื่องนี้” น.ส.แพทองธาร กล่าว
บอกนักข่าวอย่ายุแยง
เมื่อถามว่ามีความกังวลว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำกันสุดซอย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพูดคุยกัน รัฐบาลเข้มแข็ง นั่นคือสิ่งที่ดีของประชาชน เพราะฉะนั้นจำไว้ว่าเราก็อยากให้รัฐบาลเข้มแข็งต่อไป ขอให้นักข่าวไม่ถามอะไรที่เป็นการยุแยง เมื่อถามอีกว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่วาระเร่งด่วนใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ณ ขณะนี้ สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือสถานการณ์น้ำท่วม ถ้าดูหน้ารัฐมนตรีทุกคน มีความกังวลใจเรื่องนี้จะแก้ปัญหาให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด เมื่อสักครู่ก็พูดเรื่องการเยียวยาว่าเราจะปลดล็อกกรอบตรงนี้ได้อย่างไรให้ประชาชนได้รับเงินโดยเร็วที่สุด พูดภาษาง่ายๆ อันนี้คือสิ่งที่เราโฟกัส และเมื่อสักครู่ ทางปลัดกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบันที่กำลังจะเกษียณอายุ ก็ได้ส่งมอบงานให้ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ลงพื้นที่เชียงรายบูรณาการแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว นายอนุทิน ส่งไปแล้วไม่ต้องห่วงพื้นที่เชียงรายมีคนไปดูแลเต็มที่แล้ว
‘หนู’ไม่แตะหมวดจริยธรรม
ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีท่าทีของพรรคภูมิใจไทยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขมาตรฐานจริยธรรม หลังจากที่นายภราดร ปริศนานันทกุล รองสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ออกมาแถลงไม่เห็นด้วย ว่า คนการเมืองเป็นคนสาธารณะ ถ้าไม่อยากให้ตรวจสอบก็เล่นการเมืองไม่ได้ การเข้ามาการเมืองไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐมนตรี แค่เป็นที่ปรึกษาเป็นเลขานุการ หรือรับตำแหน่งใดๆทางการเมือง กรรมการรัฐวิสาหกิจ ก็ต้องแจ้งทรัพย์สินแล้ว นั่นคือบทแรกของการตรวจสอบ
“ผมคิดว่าคนที่มาทำงานสาธารณะรับใช้บ้านเมือง ใช้อำนาจรัฐในการบริหารราชการแผ่นดิน ก็ต้องรับการตรวจสอบ เป็นการเช็ค and Balance ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบ นักร้องมีอยู่ทั่วไป เขาก็ร้องได้ ในสิ่งที่เราทำผิดถ้าเราไม่ได้ทำผิด พิสูจน์อย่างไรก็ไม่ผิด เขาก็มีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดี หรือถูกฟ้องร้อง ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเองมากกว่า” นายอนุทิน กล่าว ส่วนจะเป็นจุดยืนของพรรคหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันไม่ใช่จุดยืน แต่มันเป็นวิถีชีวิต( Day of Life) เช่น “ถ้าไม่อยากตรวจสอบก็ให้ทำธุรกิจอยู่ที่บ้าน เสียภาษีตามที่จะต้องเสีย ก็ไม่มีใครสามารถมาบอกให้แสดงทรัพย์สินบริษัทได้ยกเว้นทำผิด”
เชื่อรัฐบาลไม่ซีเรียส
ทั้งนี้ นายภราดร ก็แถลงในนามพรรคก็แถลงไปแล้วก่อนไปรับตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็เห็นแล้วว่า ยังไม่ได้ทันทำอะไรก็มีคนจ้องจะร้องแล้ว ผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าผิดให้ไปดูโทษ เรื่องการตัดสิทธิ์ ต้องมีคนไปยืนยันตรงนี้ก่อน
“ผมคิดว่ารัฐบาล ไม่รู้นะ ผมมั่นใจไปคุยกับนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ท่านก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเหล่านี้ ท่านบอกว่าถ้าทำดีซะอย่างจะไปกลัวอะไร ทำในสิ่งที่ถูกต้องก็พร้อมที่จะถูกตรวจสอบ เช่นขณะนี้เข้ามาทำงานไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็เห็นปัญหาต่างๆ เยอะแยะมากมาย มีเรื่องอะไรเยอะแยะที่รัฐบาลจะต้องทำ ที่ทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชน เพราะอะไรที่ทำแล้วเป็นการเอื้อตัวเอง เพื่อพวกพ้องมันผิดตั้งแต่ นับหนึ่งแล้ว” นายอนุทิน กล่าว ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลในการหารือ ถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการนัดหมาย พร้อมยืนยันว่าการแถลงของนายภราดร ถือเป็นการแถลงของพรรค ก่อนจะย้อนถามสื่อมวลชนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเบอร์ 1 หรือไม่ เรื่องเบอร์ 1 คือเรื่องเชียงราย เชียงใหม่ หนองคาย ลำปางและจังหวัดอื่นๆในพื้นที่ภาคเหนือที่ถูกน้ำท่วม ตรงนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่า
เมื่อถามต่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องจริยธรรม ประชาชนมองว่าเป็นการเอื้อเพื่อนักการเมือง นายอนุทินกล่าวว่า อย่าให้ไปถึงจุดนั้นสิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อยู่แล้ว ทำเพื่อประเทศและประชาชน มันเขียนว่าอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อถามถึงจุดยืนในเรื่องของเรื่องการผลักดันพรบ.นิรโทษกรรม ในเรื่องมาตรา 112 นายอนุทิน กล่าว พูดมานานแล้ว ไม่เห็นด้วย ไม่อยากพูดซ้ำๆ
เพื่อไทยโยนพรรคร่วมรบ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคภูมิใจไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราเกี่ยวกับมาตรฐานจริยธรรม ว่า เราพยายามจะนัดหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลให้ได้คุยกันเร็วที่สุด ถ้าเห็นด้วยเหมือนกันก็ไปด้วยกัน ถ้าไม่เห็นด้วยก็ยังไม่ต้องไป“ยืนยันว่า การแก้รัฐธรรมนูญเรื่องดังกล่าว จุดเริ่มต้นไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทย แต่เป็นข้อเสนอจากหัวหน้าพรรคการเมืองหลายพรรค ที่แสดงความไม่สบายใจ เราจึงเริ่มต้นคุยเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่คิดว่าถ้าถามว่ามีประเด็นปัญหาหรือไม่และเป็นปัญหาหรือไม่ ซึ่งหัวหน้าพรรคร่วมเห็นเหมือนกันเลยพยายามคุยเรื่องนี้ว่าจะเอาอย่างไร จะเดินอย่างไรทำเมื่อไร ซึ่งต้องรอการประชุมหัวหน้าพรรคร่วมโดยเร็วที่สุด และก่อนมีการถวายสัตย์ฯ มีการคุยกัน เริ่มต้นจากพรรคร่วมรัฐบาล พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจึงหยิบมาพิจารณา แต่ผลจะเป็นอย่างไรต้องรอพรรคร่วมคุยกันอย่างชัดเจน” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหนเป็นคนอยากให้แก้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ที่คุยกับตนฟังดูเกือบทุกพรรค แต่ถ้าคุยทางการต้องคุยหลายพรรค
เชื่อคิดเห็นไม่แตกต่างกัน
เมื่อถามว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าควรแก้ปัญหาให้ชาวบ้านก่อนแก้รัฐธรรมนูญที่จะถูกมองว่าเป็นการแก้เพื่อตัวเอง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็คิดไม่ต่างกัน แต่สื่อมวลชนเห็นว่ามีความสำคัญประเด็นจึงเลยไปบ้างแต่สิ่งที่คิดเหมือนกันคือมันเป็นปัญหา ไม่ใช่เรื่องจริยธรรมอย่างเดียวมีหลายประเด็นหลายอย่างและหลายเรื่องเราก็จะนำไปสู่การแก้ทั้งฉบับอยู่แล้วซึ่งต้องใช้เวลา แต่ส่วนที่ยังมีความห่วงใยต้องมีการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่าชาวบ้านตั้งคำถามว่าทำไม่ต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญ ไม่แก้ปัญหาให้ชาวบ้านก่อน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ชาวบ้านไม่ได้มองเช่นนั้นอย่าเพิ่งสรุป ตอนนี้เราก็แก้ปัญหาให้ชาวบ้านอยู่ การแก้ปัญหาราชการแผ่นดินมีหลายปัญหา บางอย่างทำได้ทันทีบางอย่างต้องรอ ตอนนี้ส่วนที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาให้ประชาชนก็ทำอยู่ ไม่ใช่ทุกอย่างหยุดแล้วมาแก้รัฐธรรมนุญเรื่องเดียว ต้องเข้าใจตรงนี้ไม่เช่นนั้นก็สื่อความไม่เข้าใจกันไป เมื่อถามว่า เหตุใดไม่รอให้มีการแก้ประเด็นจริยธรรมในการแก้ทั้งฉบับด้วย สสร.จะสง่างามมากกว่านักการเมืองแก้กันเอง นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปคิดลึกแบบนั้น อะไรที่คิดว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแก้ และความจำเป็นแต่ละคนไม่เท่ากันจึงต้องหารือให้ชัดเจน และทุกอย่างที่แก้คือผ่านตัวแทนประชาชน และฟังความเห็นมันสง่างามทั้งหมด
ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตอบคำถามกรณีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องมาตรฐานจริยธรรม เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการเมืองและพวกพ้อง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ร่างของพรรคประชาชนเสนอนั้น สมาชิกที่เข้าชื่อไม่ใช่คน ที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับคดีจริยธรรมคือ สส. 44 คน อดีตพรรคก้าวไกลไม่ได้ร่วมลงชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว เพราะมีเจตจำนงที่จะนำไปสู่การทบทวนรัฐธรรมนูญในหมวดนี้อย่างแท้จริง ไม่ได้ต้องการเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และเชื่อว่าได้เสียงสนับสนุนจากสว.แน่นอน
พปชร.ค้านแก้รธน.ทุกมิติ
ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร.เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)หัวข้อพรรคพลังประชารัฐตรวจสอบนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา จากนั้นเวลา14.50 น. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลประชุมพรรค ว่า ที่ประชุมได้มีการตั้งศูนย์นโยบายและวิชาการพรรคพลังประชารัฐ มีหน้าที่สนับสนุนและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ก้าวสู่การเป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคงและมีบทบาทในการขับเคลื่อนประเทศและการพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่เชื่อมโยงกับบุคคลภายนอกทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อตรวจสอบการทำงานการปฏิบัติงานของรัฐบาล เพื่อให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง และศูนย์นี้จะเป็นเครื่องมือในการจัดทำข้อมูล เพื่อให้ทราบถึงปัญหาและความต้องการ และเชื่อมโยงกับประชาชนในพื้นที่เพื่อให้สส.ของพรรคพลังประชารัฐใกล้ชิดกับประชาชนได้มากขึ้น และที่สำคัญสามารถนำข้อมูลไปอภิปรายในสภาฯได้ โดยศูนย์นี้ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่สำคัญเช่น นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และบุคคลอื่นๆที่สำคัญ ของพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงนอกจากนี้ที่ประชุมยังมีการพูดคุยถึงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีของพรรค เพื่อรองรับการรับสมัครสมาชิกพรรคแบบออนไลน์ ที่กำลังพัฒนาผ่านกฎและกติกาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังพิจารณา เรื่องการแบ่งพื้นที่ของรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐในละจังหวัด รวมถึงพูดคุยถึงความคิดเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการนิรโทษกรรมตามมาตรา 112 โดยประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ไม่ว่าจะเกิดประโยชน์กับบุคคลหนึ่ง หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด พรรคพลังประชารัฐจะคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ในทุกมิติ ตลอดจนการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะเรื่องจริยธรรมนักการเมือง หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคทุกคนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะเป็นรายมาตราหรือทั้งฉบับ โดยเฉพาะเรื่องการลดมาตรฐานจริยธรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี