รัฐบาลเพื่อไทยยึดแผนเดิมแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ พร้อมเลิกรื้อพรป.พรรคการเมืองปมยุบพรรค-ครอบงำ และกฏหมายริบอำนาจป.ป.ช. หลบแรงต้านจากสังคมแก้เพื่อตัวเอง หวั่นทำอยู่ไม่ครบวาระ
วันที่ 26 ก.ย.67 รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า จากเดิมในสัปดาห์นี้ แกนนำรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะยื่นร่างแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง อาทิ แก้ไขคุณสมบัติสมาชิกพรรคการเมือง ,การยุบพรรคกรณีเดียวคือล้มล้างการปกครองเท่านั้น ,การครอบงำพรรค รวมถึงแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) เปิดโอกาสให้ผู้เสียหายฟ้องศาลฎีกาเอง หาก ป.ป.ช.และ อัยการสั่งไม่ฟ้อง , แก้อำนาจฟ้องมิให้ คณะกรรมการป.ป.ช ฟ้องเองได้ หากอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง และตั้งกรรมการร่วมกัน แล้วมีมติไม่ฟ้อง และกำหนดระยะเวลาพิจารณาคดีของป.ช.ช.ต้องให้แล้วเสร็จภายในกี่ปี โดยมีแนวโน้มจะไม่ยื่นร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ แกนนำรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ได้ประเมินภายหลังรัฐบาลเจอแรงต้านจากสังคม และพรรคร่วมรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเรื่องจริยธรรม ที่มองว่ามุ่งแก้ไขเพื่อประโยชน์ให้นักการเมือง โดยที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ และอาจทำให้อยู่ไม่ครบเทอมหากดึงดันจะแก้ไข ดังนั้นจึงกลับไปใช้แนวทางเดิม คือการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ให้แล้วเสร็จเสียก่อนตามกระบวนการ จากนั้นจึงยกร่างใหม่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูกทั้งหมด ซึ่งรวมถึงกฎหมายพรรคการเมืองและ ป.ป.ช. ต่อไป เพื่อลดแรงกระเพื่อมทางการเมือง
สำหรับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ คาดว่าใช้เวลาภายในกรอบ 3 ปี โดยขณะนี้กำลังรอการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่ผ่านชั้นสภาฯแล้ว อยู่ในชั้นพิจารณาของวุฒิสภา หากต่อมากฎหมายประชามติฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ รัฐบาลจึงเริ่มทำประชามติครั้งแรก ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ โดยไม่แตะหมวด 1 และ หมวด 2 ในช่วงต้นปี 68 พร้อมกับการเลือกตั้งนายกฯอบจ. และหากประชามติผ่าน ก็เข้าสู่กระบวนการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อกำหนดคุณสมบัติสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) จากนั้นจะทำประชามติครั้งที่สอง
"หากผ่านประชามติผ่าน ก็จะให้สสร.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จนแล้วเสร็จ จากนั้นจึงทำประชามติครั้งที่ 3 และเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ จึงเข้าสู่กระบวนการยกร่าง พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหมดใหม่ไปในคราวเดียว ควบคู่กับการรับฟังความคิดเห็นจากองค์กรอิสระและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เกิดการโต้แย้งในภายหลังอีกด้วย"แหล่งข่าวระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี