ตั้งโต๊ะถก5กุนซือ-โวพาคนไทยพ้นยากจน
‘อิ๊งค์’ฝันอย่ครบเทอม
เตรียมเสนอ3แนวทางเร่งด่วน
ช่วยน้ำท่วม-แก้หนี้-บูมSME
ปชน.ชงแก้รธน.รายมาตรา7ปม
สะพัด‘สันติ-วราเทพ’ทิ้งลุงป้อม
นายกฯอิ๊งค์ถือฤกษ์ 09.00 น. เปิด“บ้านพิษณุโลก” ถก “ทีมกุนซือ” นัดแรก “หมอเลี้ยบ” เผยวงถก“ที่ปรึกษานโยบายนายกฯ”ครั้งแรกนายกฯ“อิ๊งค์”บอกขอคอมเมนต์ตรงๆอย่าเกรงใจ แบ่งงาน 5 กุนซือ
‘นายกฯ’หวังอยู่ครบเทอม คนไทยพ้นยากจน เตรียมเสนอ3แนวทางเร่งด่วนเยียวยาน้ำท่วม+แก้หนี้ -ดัน SMEไปตลาดโลก พร้อมเชิญทุกภาคส่วนหารือ เผยนายกฯร่วมคุยสัปดาห์ละ1ครั้งทุกพฤหัส‘ธรรมนัส’ไร้เยื่อไยพปชร.ยันชัดแยกทาง‘บิ๊กป้อม’ลั่นขับออกเมื่อไรจะฉลองเมื่อนั้นแพลมมีตามร่วมก๊วนอีกไม่ต่ำกว่า8คนพปชร.แตกอีก!สะพัด‘สันติ-วราเทพ’จ่อย้ายพรรคทิ้ง‘ลุงป้อม’พรรคประชาชน ชะลอแก้รธน.ปมจริยธรรม ลุยแก้ รายมาตรา 7 แพ็กเกจ โต้ครหา‘สุดโต่ง’ชู ‘ปฏิรูปกองทัพ-สิทธิปชช.-ปราบโกง’
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 26 กันยายน 2567 ที่บ้านพิษณุโลก ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลกเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิษณุโลก
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ประชุมหารือร่วมกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีโดยมีนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา,นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษา,นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษา,นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษา,นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษาและนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมด้วยซึ่งถือเป็นการเข้าใช้บ้านพิษณุโลกครั้งแรกและประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีครั้งแรกด้วยเช่นกัน
หมอเลี้ยบเผยวงถกที่ปรึกษาฯครั้งแรก
อเวลา13.00น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีครั้งแรกว่านายกฯขอบคุณที่ปรึกษาทั้ง5ท่านที่ตอบรับมาเป็นที่ปรึกษาเพราะทุกท่านเคยผ่านประสบการณ์บริหารราชการแผ่นดินมาทั้งสิ้นและนายกฯพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะทุกอย่างโดยขอให้นำเสนอความเห็นตรงไปตรงมา ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพื่อให้รับข้อมูลที่รอบด้านโดยที่ปรึกษาเสนอแนะสิ่งที่จะทำต่อไปคือที่ปรึกษาทั้ง5คนมีประสบการณ์ทำงานทั้งนโยบาย และการขับเคลื่อนกิจการต่างๆในอดีตดังนั้นทุกท่านจะให้คำเสนอแนะไม่จำกัดเฉพาะด้านที่เชี่ยวชาญแต่จะขับเคลื่อนเรื่องที่ถนัดเป็นพิเศษ
แบ่งงาน 5 ทีมที่ปรึกษาของนายกฯ
โดยนายธงทอง จันทรางศุ สนใจการปฏิรูประบบราชการให้ง่ายต่อการรับใช้ประขาขน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชนจะช่วยดูกฎหมายต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยต่อการขับเคลื่อนระบบราชการ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ มีความถนัดด้านเศรษฐกิจ สนใจนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจ ส่วนตนที่ผ่านมาทำงานเชิงสาธารณสุข และซอฟท์พาวเวอร์ก็สนใจทำเรื่องนี้จริงจัง ขณะที่นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ มีประสบการณ์การเมืองมากเสนอแนะนโยบายหลายกับนายกฯมีความเชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์โลก การต่างประเทศ ส่งเสริมเอสเอ็มอีซึ่งท่านจะมองเห็นภาพรวมทั้งหมดในการทำงานขับเคลื่อนกับที่ปรึกษาคนอื่นๆ
เล็งคุยทุกฝ่าย-นายกฯถกทุกพฤหัส
นพ.สุรพงษ์ ย้ำว่า นอกจากนี้ที่ปรึกษาทั้ง5คนยังเน้นเรื่องการรวมความรู้จากภาครัฐภาคเอกชน หลังจากนี้บ้านพิษณุโลกจะใช้เป็นสถานที่เชิญผู้รับผิดชอบทั้งภาคราชการภาคเอกชนมาประชุมหารือกันเพื่อนำเสนอแนวคิดกำหนดเป็นนโยบายต่อไป นอกจากนี้เราคิดว่าวันนี้เราจะไม่คิดเพียงว่าจะทำอะไร แต่เราคิดด้วยว่าจะทำอย่างไร เราต้องมีแผนชัดเจนสามารถขับเคลื่อนองคาพยพทั้งระบบราชการ ระบบเศรษฐกิจได้ การกำหนดแนวทางที่ชัดเจนเพื่อส่งผลลัพธ์ในอนาคตจึงกำหนดว่าควรประชุมต่อเนื่องโดยนายกฯจะประชุมด้วยสัปดาห์ละ1 ครั้งคือทุกวันพฤหัสบดีเพื่อพูดคุยถึงนโยบายที่น่าสนใจอย่างตรงไปตรงมา และเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน
เตรียมเสนอ 3 แนวทางเร่งด่วน
นพ.สุรพงษ์กล่าวด้วยว่าคณะที่ปรึกษาฯยังได้บอกเบื้องต้นว่าสิ่งสำคัญคือการออกมาตรการเศรษฐกิจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมซึ่งมีแนวคิดเบื้องต้นแล้ว หากครม.ได้รับทราบ เชื่อว่าจะตัดสินใจได้เร็ว ผู้ได้รับผลกระทบจะได้รับประโยชน์เร็วมาก มาตรการแก้หนี้ที่ได้ผล ไม่ได้มองเพียงการสนับสนับเรื่องเงินอย่างเดียว แค่ต้องเป็นมาตรการสร้างรายได้ มีแนวทางเบื้องต้นแล้วซึ่งต้องรอนำเสนอนายกฯก่อนและเรื่องการทำอย่างไรให้SMEไทยส่งออกต่างประเทศได้จริงจัง เรามีมาตรการบางอย่างที่เราคิดว่าเป็นจิ๊กซอว์ตัวที่หายไปก็จะนำเสนอนายกฯต่อไป
เมื่อถามว่าอำนาจหน้าที่ของคณะที่ปรึกษามีผลแค่ไหนนั้นนพ.สุรพงษ์ กล่าวว่าทางที่ปรึกษาจะมีการพูดคุยซึ่งนายกฯพร้อมรับฟังแต่ต้องไปทำร่วมกับคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ทุกวันนี้ความซับซ้อนของระบบราชการทำให้ไม่ง่าย แต่แนวทางที่เสนอนายกฯก็ต้องไปดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะที่ปรึกษาฯสามารถเชิญหน่วยงานรัฐมาประชุมได้ขอเอกสารมาดูได้ด้วย ส่วนภาคเอกชนเชื่อว่าเขาก็พร้อมมาเสนอแนะปัญหา จึงเชื่อว่าบ้านพิษณุโลกต่อไปนี้จะมีการประชุมเรื่องต่างๆอีกมาก
เมื่อถามว่าเรื่องค่าเงินบาทเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเชิญผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาพูดคุย นพ.สุรพงษ์กล่าวว่าธปท.ถือเป็นส่วนหนึ่งของภาครัฐในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็อาจมีการพูดคุยกันแต่คงไม่ได้เชิญมาแบบเป็นทางการ
‘ทีมกุนซือ’ลั่นแม้วัยดึกแต่ไม่ตกยุค
เมื่อถามว่าคณะที่ปรึกษาทุกคนเป็นวัยเก๋าแต่โลกเปลี่ยนไปจะทำให้คนรุ่นใหม่ไว้วางใจได้อย่างไร นพ.สุรพงษ์กล่าวว่านายพันศักดิ์อายุ 80ปี นายธงทอง อายุ 70 ปี ที่เหลือ 60 กว่าปีแต่เท่าที่ได้พูดคุย ทุกท่านมีประสบการณ์มากและยังเรียนรู้ไม่หยุดในทุกๆด้าน เชื่อว่าทั้ง5 คน ไม่มีตกสมัย แต่เราไม่ได้ทำงานกัน 5 คน จะมีการตั้งอนุกรรมการมาดูรายละเอียดแต่ละเรื่องด้วย เราเป็นสารตั้งต้นนำเสนอนโยบายแก้ปัญหาของประเทศครั้งใหญ่
นายกฯหวังอยู่ครบเทอม/คนไทยพ้นยากจน
เมื่อถามว่าจะวัดผลงานคณะที่ปรึกษาชุดนี้อย่างไรนพ.สุรพงษ์กล่าวว่าไม่มีการกำหนดเคพีไอ แต่ที่ปรึกษาทุกคนไฟแรงมากพร้อมเริ่มงานเต็มที่นายธงทองเตรียมขอตัวข้าราชการบางส่วนมาช่วยงาน ตนก็มีในใจแล้ว ผลงานคงวัดจากงานภาพใหญ่ของประเทศมากกว่า
“หากเปรียบสมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ ภาพใหญ่ คือ เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าซึ่งเรื่องนั้นใหญ่มากดังนั้นนายกฯก็บอกว่าในระยะเวลาที่เหลืออยู่อีก2ปีกว่าสิ่งที่อยากเห็นคนไทยจะต้องพ้นความยากชน ประเทศพ้นสามารถหลุดพ้นปัญหาเศรษฐกิจ นำไปสู่ทิศทางที่ชัดเจนในการสร้างเศรษฐกิจกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง”นพ.สุรพงษ์ กล่าว
ปชน.ยื่นแก้รายมาตรา-ไม่รอรื้อทั้งฉบับ
ที่รัฐสภา นายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงจุดยืนของพรรคในการเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คู่ขนานกับยื่นร่างแก้ไขเป็นรายมาตราว่า พรรคปชน.ยืนยันมาตลอดว่ารัฐธรรมนูญปี2560มีปัญหาเรื่องความชอบธรรมทางประชาธิปไตย ทั้งที่มา กระบวนการและเนื้อหา ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเดินหน้า2เส้นทางแบบคู่ขนาน นั่นคือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด โดยสสร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดกับอีกเส้นทางคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในประเด็นที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน แต่เนื่องจากการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องอาศัยเวลา1-2ปีขึ้นไปและมีความเสี่ยงว่าจะไม่ทันบังคับใช้ก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไปเราจึงจำเป็นต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเพื่อทำให้บางปัญหาทางการเมืองได้รับการแก้ไขไปพลางก่อนในช่วงเปลี่ยนผ่านก่อนจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และเพื่อทำให้การเมืองมีเสถียรภาพและมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน
ชง7แพ็กเกจแก้รายมาตรา-ปัดเพื่อตัวเอง
นายพริษฐ์ กล่าวว่าพรรคประชาชนได้นำเสนอแนวคิดและประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรามาโดยตลอด โดยแบ่งชุดประเด็น ออกเป็น 7 แพ็กเกจ ได้แก่แพ็กเกจที่ 1 ลบล้างผลพวงรัฐประหาร ที่เสนอยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติฉบับ คสช. ทลายเกราะคุ้มกันคำสั่งประกาศ คสช. และเติมพลังต้านรัฐประหารแพ็กเกจที่ 2 ตีกรอบอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ที่เสนอยุติการผูกขาดอำนาจเรื่องมาตรฐานจริยธรรม ปลดล็อกพรรคการเมืองให้ยึดโยงประชาชนโดยแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมืองแพ็กเกจที่ 3 เพิ่มกลไกตรวจสอบการทุจริตเสนอป้องกันการฮั้วกันระหว่างรัฐบาล และ ป.ป.ช. เพิ่มอำนาจประชาชนในการร้องเรียนนักการเมือง เปิดเผยข้อมูลรัฐ คุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสแพ็กเกจที่ 4 คุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน โดยเสนอวิธีการศึกษาเรียน 15 ปี สิทธิมนุษยชน-สิ่งแวดล้อม ความเสมอภาคทางเพศ สิทธิในกระบวนการยุติธรรม เสรีภาพในการแสดงออกและเงื่อนไขการจำกัดสิทธิเสรีภาพแพ็กเกจที่ 5 ปฏิรูปกองทัพ เสนอยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร ปรับขอบเขตอำนาตศาลทหารแพ็กเกจที่ 6 ยกระดับประสิทธิภาพรัฐสภา ยกระดับกลไกกรรมาธิการ ปรับนิยามฝ่ายค้าน เพิ่มอำนาจสภาฯ ในการพิจารณาร่างการเงินแพ็กเกจที่ 7ปรับเกณฑ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เสนอให้มีการแก้ไขมาตรา 256 ได้
“พรรคประชาชน ยืนยันว่าการแก้ไขเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไม่ได้เป็นการแก้เพื่อตัวเองหรือเป็นปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง แต่เป็นไปเพื่อยุติการผูกขาดอำนาจเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไว้กับศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ซึ่งมีความเสี่ยงจะทำให้มาตรฐานจริยธรรมถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง กระทบต่อทั้งเสถียรภาพและความชอบธรรมทางประชาธิปไตยของระบบการเมือง และส่งผลโดยตรงต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ”โฆษกพรรคประชาชน ย้ำ
ชะลอแก้ปมจริยธรรม-รอพรรคร่วมฯ
นายพริษฐ์กล่าวว่าถึงแม้เรื่องมาตรฐานจริยธรรมจะเป็นประเด็นที่หลายพรรคเคยยอมรับว่าเป็นปัญหา รวมถึงเคยมีการแสดงความเห็นต่อสาธารณะ แต่ในวันนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าทุกพรรคตัดสินใจว่าจะยังไม่เดินหน้าหาทางออกต่อปัญหาดังกล่าวในเวลานี้ ดังนั้นพรรคประชาชนยังมีความจำเป็นต้องอธิบายและยืนยันต่อสังคมว่า ทำไมจึงควรจะยุติการผูกขาดอำนาจเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไว้กับศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ แต่ในอีกมุมหนึ่ง เราไม่อยากให้ร่างดังกล่าวกลายเป็นเงื่อนไขหรือข้ออ้างที่ทำให้พรรคการเมืองอื่นไม่เดินหน้าพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราฉบับอื่นๆ
หากพรรคร่วมรัฐบาลยืนยันดังกล่าวเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราได้เดินหน้าต่อพรรคพร้อมจะพักการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไว้ก่อนจนกว่าจะสามารถทำงานเชิงความคิดกับพรรคร่วมฯและสังคมได้มากกว่าที่เป็นอยู่แต่พรรคปชน.ยืนยันจะเดินหน้าเสนอร่างแก้ไขรายมาตราอีก6แพ็กเกจโดยหวังว่าพรรคการเมืองจะไม่ได้มองเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราจำกัดอยู่แค่ประเด็นเรื่องมาตรฐานจริยธรรมและจะเห็นตรงกับเราในการเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราคู่ขนานกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
หวั่นแก้ไม่ทันเลือกตั้ง-โต้ครหา‘สุดโต่ง’
“ยิ่งในวันนี้ที่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความเสี่ยงจะเสร็จไม่ทันการเลือกตั้งครั้งถัดไป พรรคการเมืองยิ่งควรจะเห็นความจำเป็นในการร่วมมือกันเดินหน้าแก้ไขรายมาตราที่เป็นประโยชน์กับประชาชนโดยเร็ว เพื่อให้เรามีรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมในช่วงเปลี่ยนผ่านจากวันนี้จนถึงวันเลือกตั้ง ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยมากขึ้น และทำให้ระบบการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น” นายพริษฐ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร่างแก้ไขเหล่านี้จะถูกมองว่าสุดโต่งหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าแพ็คเกจเหล่านี้ ไม่มีเรื่องใดสุดโต่ง และเรื่องมาตรฐานจริยธรรม เป็นเรื่องใหม่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้
บี้รัฐบาลแจงโร้ดแมพประชามติให้ชัด
ส่วนที่มองว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของรัฐบาลมีความล่าช้าหรือไม่นายพริษฐ์กล่าวว่า ตนอยากให้รัฐบาลชี้แจงโร้ดแมพให้ชัดว่าการจัดทำประชามติ 3 ครั้งวางกรอบเวลาไว้อย่างไร โดยตนพยายามคำนวณจากสิ่งที่ได้รับฟังจากรัฐบาลให้ใกล้เคียงที่สุด มองว่าถึงแม้หากทำตามกรอบเวลาอย่างรวดเร็วที่สุดก็มีความสุ่มเสี่ยงที่จะไม่ทันการเลือกตั้งในปี70 หากมีตัวแปรอย่างอื่นเข้ามาเช่นการหาข้อสรุปของประชามติไม่ได้ จนไม่สามารถทำประชามติได้ทันตามที่วางแผนไว้ก็ต้องเลื่อนกรอบเวลาออกไปอีกจึงมีความจำเป็นที่ต้องมาคุยถึงการเดินคู่ขนาน
‘ธรรมนัส’แยกพปชร.ชัดแก้วแตกแล้ว
ที่รัฐสภา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐกล่าวถึงจุดยืนการทำงาน สส.ในกลุ่มจะเป็นเอกเทศจากพรรคพลังประชารัฐชัดเจนหรือไม่ เพราะทางฝั่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคกำลังดำเนินมาตรการกับกลุ่มร.อ.ธรรมนัสว่า มันคงเป็นไปไม่ได้ แก้วมันไม่ได้ร้าว แต่มันแตกไปแล้ว แต่ในเวลานี้ก็แยกกันชัดเจน โดยเฉพาะเวลานั่งในสภาฯ ก็แยกชัดเจนเมื่อถามว่าได้คุยกับพล.อ.ประวิตรบ้างหรือไม่ในฐานะคนคุ้นเคยกันร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “ยืนยันเหมือนเดิมว่า ผมไม่ได้โกรธเกลียดใคร ผมมีความเป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะกลุ่ม 20คนของผม หลายคนถูกข่มขู่ ในหลายๆเรื่อง ผมว่าควรจะหยุดได้แล้ว ต่างคนต่างเดิน”
ไม่กังวลลั่นขับเมื่อไรจะฉลองเมื่อนั้น
ร.อ.ธรรมนัสยืนยันอีกว่าไม่ได้กังวลและไม่ได้ใส่ใจกับมาตรการที่พรรคจะมีตามมา สิทธิในการเป็นสส. มีรัฐธรรมนูญคุ้มครองอยู่ ข้อบังคับพรรคอย่าไปพูดมาก พูดมากเดี๋ยวคนเขาเบื่อ ไม่ใช่ได้พรรคแล้วจะมาขับออกกลุ่มตนผ่านอะไรมาเยอะแล้วเมื่อถามว่าท้าให้ขับออกหรือไม่ร.อ.ธรรมนัสกล่าวพร้อมหัวเราะว่า“ขับเมื่อไร ผมจะฉลองเมื่อนั้น” ส่วนที่มีคนเตรียมร้องเรียนเรื่องที่เดินทางเข้าไปกระทรวงเกษตรฯร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่า”เชิญเลยเขาห้ามหรือคนเราต้องอ่านกฎหมาย อย่าอ่านมาตราเดียว อย่าเล่นการเมืองมากเกินไปอะไรที่เกิดประโยชน์กับประชาชน อย่าไปขัดขวางผมใช้ชีวิตมาถึงทุกวันนี้ เรื่องเล็กๆน้อยๆผมไม่กลัวอย่ามาขู่ใครสวนมาแรงมา ผมสวนกลับ เหมือนเดิมสไตล์ผม”
แพลมอีกไม่ต่ำกว่า8คนจ่อซบก๊วน
ส่วนสส.ที่ยังอยู่จะข้ามมาฝั่งนี้หรือไม่นั้นร.อ.ธรรมนัสบอกว่าฝั่งตน ตนไม่รับอยู่แล้ว พอเท่านี้พอแล้ว เดี๋ยวจะหาว่าไปทำอะไรพรรคเขาอีกยังยืนยันเหมือนเดิมว่า การเป็นนักการเมือง ต้องดูว่ามันจะรอดหรือไม่ในอนาคต นักการเมืองทุกคน ต้องการมีอนาคตเมื่อถามว่าแสดงว่าคนที่ไปคิดว่าพรรคพลังประชารัฐไม่รอดใช่หรือไม่ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่า ไม่ทราบ จะให้ตอบตรงๆหรือไม่ และไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ คิดว่าคนที่เป็นแม่บ้าน รักษา 20 คนให้ดีๆอย่าให้เขาหนีไปไหนอีกอย่างไรก็ดีร.อ.ธรรมนัสยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า“ผมว่าจะมาอีกไม่ต่ำกว่า 8 คน อีกไม่กี่อาทิตย์”
‘สันติ-วราเทพ’จ่อย้ายพรรคทิ้ง‘ลุงป้อมง
สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง มีรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรคฯ ซึ่งน่าจะเป็น 2 ใน 8 คน ตามที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะอดีตเลขาธิการพรรคฯ ออกมาเปิดเผยว่า ยังมี สส.-แกนนำอีกไม่น้อยกว่า 8 คน ในกลุ่มพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.จะตีจากเตรียมไปอยู่พรรคอื่น
โดยยังมีรายงานอีกว่าทั้งนายสันติ และนายวราเทพ อยู่ในระหว่างการพูดคุยเพื่อเตรียมตัวย้ายพรรคการเมืองในเร็วๆนี้โดยคาดว่า จะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี