เพื่อไทยโวแจกเงินหมื่น
พายุหมุนลูกแรก
ช่วยกระตุ้นฟื้นเศรษฐกิจ
คลังปลื้มตู้เอทีเอ็มร้อนฉ่า
ชาวบ้านกระหน่ำกดไม่ยั้ง
ขออย่าใช้หมดกับอบายมุข
“เพื่อไทย” โวรัฐบาลแจกเงิน 1 หมื่น “แจกแล้ว แจกจริง” กลุ่มเปราะบาง-คนพิการ ภาพรวมดี ชี้พายุหมุนลูกแรก ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย เพื่อเกิดพายุหมุนทางศก.ลูกต่อไป“เผ่าภูมิ” เผยปชช.กดเงินหมื่นตู้ ATM ธ.ก.ส.พุ่ง 18.8 เท่าตัว “ออมสิน” ยอดกดเงินพุ่ง3.7เท่าตัว ชี้กลุ่มนี้มีเท่าไหร่ใช้หมด กระตุ้นศก.ทันที “วราวุธ” วอนใช่ให้คุ้มค่า อย่าหมดกับอบายมุข
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังเดินหน้าจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิรับเงิน10,000บาทตามนโยบายของรัฐบาลว่า รัฐบาลเดินหน้าโครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ ในส่วนของกลุ่มเปราะบางที่ประกอบด้วย กลุ่มผู้พิการและกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ภาพรวมถือว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากมีกรณีตกหล่น รัฐบาลจะเร่งรีบเข้าไปดำเนินการเติมเต็มให้เร็วที่สุด
“เงินสด1หมื่นบาท ฟื้นเศรษฐกิจครั้งนี้ แม้เป็นจำนวนเงินที่เท่ากัน แต่คุณค่าอาจแตกต่างกัน บางคนทั้งชีวิตเพิ่งจะได้เคยจับเงินหมื่น ก็จากโครงการของรัฐในครั้งนี้ เงิน 1หมื่นจึงเหมือนเป็นการต่อลมหายใจ ต่อชีวิตให้กับพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบาง สามารถนำไปซื้อสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง ของใช้ในครัวเรือนและของใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ เงินหมื่นสามารถนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในการประกอบวิชาชีพต่อไป”ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ย้ำ
พท.โวพายุลูกแรกช่วยฟื้นศก.
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้สร้างพายุหมุนลูกแรกขึ้นมา เพื่อจะวางรากฐานในการสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว เพื่อให้คนไทยมีความมั่นคง สามารถหารายได้อย่างยั่งยืน รัฐบาลยังมีอีกหลายมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นโครงการพักชำระหนี้เกษตรกร การลดดอกเบี้ย ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านนโยบายฟรีวีซ่า ทำให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจไทยจะถูกกระตุ้นครั้งใหญ่
เงินสดถึงมือคนไทย ระบบเศรษฐกิจ จะถูกเติมเงินหมุนเวียนสร้างโมเมนตั้ม เพื่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกต่อไป ที่จะทำให้คนไทยได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ถือเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในภาพใหญ่ ต่อลมหายใจให้ประชาชนรายเล็กรายน้อยที่กำลังเดือดร้อน วันนี้แม้คะแนนนิยมของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและรัฐบาลจะพุ่งสูงขึ้น แต่เชื่อว่า รัฐบาลจะเร่งทำงานหนักต่อไป เพื่อประเทศชาติและประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง” นายอนุสรณ์ กล่าว
กดเงินหมื่นตู้ธกส.พุ่ง18.8เท่าตัว
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ด้วยการโอน 10,000 บาท นั้นในวันที่ 25 กันยายน มีการถอนเงิน ยอดเงิน 10,000 บาท จากตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพิ่มขึ้น 18.8 เท่าตัว เทียบกับวันที่ 24 กันยายน ส่วนยอดถอนเงินตู้ ATM ธนาคารออมสิน วันที่ 25 กันยายน มีจำนวนรายการถอนเงินพุ่ง 1.76 เท่าตัว จำนวนเงินเพิ่มขึ้น 2.84 เท่าตัว เทียบกับวันที่ 24 กันยายน ขณะที่วันที่ 26 กันยายน มีจำนวนรายการถอนเงินเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว จำนวนเงินเพิ่มขึ้น 3.72 เท่าตัว เทียบกับวันที่ 24 กันยายน
ตัวเลขเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้หนึ่งว่าประชาชนกลุ่มนี้มีความจำเป็นต้องใช้เงินสูง มีเงินไม่พอใช้ มีเท่าไหร่ต้องถอนมาใช้เกือบหมด เป็นกลุ่มที่มีความโน้มเอียงในการบริโภคหรือMPCสูง ซึ่งนั่นหมายถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันที และมีประสิทธิภาพ”รมช.คลัง กล่าวย้ำ
‘ท๊อป’เบรกอย่าใช้กับอบายมุข
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาให้สัมภาษณ์ถึงอุปสรรคในการแจกเงิน10,000บาทในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลุ่มเปราะบางทั้ง3วันที่ผ่านมาโดยยอมรับว่าอาจจะมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในบางบัญชี หรือชื่อไม่ตรงกับสมุดบัญชีธนาคาร แต่หากผู้พิการมายื่นขอสิทธิ์ก่อนวันที่ 3 ธันวาคมก็จะสามารถใช้สิทธิ์กลุ่มเปราะบางในการรับเงินได้
นายวราวุธยังขอบคุณไปยังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะผู้พิการ พร้อมขอฝากไปยังประชาชนที่ได้รับเงิน10,000บาทว่า เป็นเงินจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศไม่ใช่เงินที่ลอยมาจากไหน ขอให้ใช้เงินนี้อย่างคุ้มค่า อย่าเพิ่งหมดกับการซื้อเหล้า ซื้อหวย
ให้ตร.เข้มสกัดเจ้าหนี้รีดเงินหมื่น
นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)กล่าวว่าหลังจากรัฐบาลโอนเงิน1หมื่นบาทให้กับกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบางผู้พิการจำนวนกว่า14.55 ล้านคน ตั้งแต่วันที่ 25-27ก.ย.ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567ไปแล้ว พบว่ามีกลุ่มเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบได้เข้าไปข่มขู่ทวงหนี้จากลูกหนี้ที่เป็นประชาชนกลุ่มเปราะบาง ผู้มีรายได้น้อย ทำให้ประชาชนที่ได้รับเงินไปแล้วไม่สามารถนำไปใช้สอยเพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล ตนจึงขอฝากกำชับฝ่ายปกครองแต่ละจังหวัด ผู้นำท้องถิ่นรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปกวดขัน อย่างเข้มงวด ช่วยเหลือดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบางให้เกิดความปลอดภัยไม่ถูกเจ้าหนี้นอกระบบคุกคามข่มขู่ เพราะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายและสามารถใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพได้
แนะวางแผนใช้เงินคุ้มค่าจำเป็นที่สุด
พร้อมย้ำว่าขอฝากให้ทุกหน่วยงานทั้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมถึงฝ่ายปกครองและ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงไปดำเนินการกวดขัน จับกุมและบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าหนี้ที่มีพฤติกรรมข่มขู่ ใช้ความรุนแรง เพราะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ฯและความผิดอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย พร้อมฝากถึงพี่น้องประชาชนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงิน10,000บาทขอให้มีการวางแผนใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า ส่วนเรื่องการใช้หนี้เป็นปกติที่จะต้องจ่ายให้กับเจ้าหนี้อยู่แล้วแต่ต้องมีการบริหารจัดการเงินบางส่วนที่ได้รับไปไม่ใช่ทั้งหมด จึงขอให้ใช้จ่ายอย่างเกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งควรงดเว้นการซื้อสิ่งของฟุ่มเฟือย หรืออบายมุข
‘ศิริกัญญา’ยินดีกลุ่มเปราะบางรับ1หมื่น
ที่สถานีรถไฟ จ.ขอนแก่น น.ส.สิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวขอแสดงความยินดีกับกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงินจากรัฐบาลที่ทยอยจ่ายตามหมวดเลขของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และบัตรคนพิการ จริงๆไม่ได้เรียกว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตตามที่รัฐบาลหาเสียงไว้แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจกเงิน1หมื่นบาทให้กลุ่มเปราะบางแทน จริงๆแล้วตนพยายามให้รัฐบาลทำตามกฎหมาย ให้รัฐบาลใช้งบประมาณปี2567ให้ทันภายใน 30ก.ย.ไม่เช่นนั้น จะผิดกฎหมาย จึงเป็นที่มาของการแจกเงินสดให้กลุ่มเปราะบางในครั้งนี้ก่อน ด้วยความรีบร้อนจึงได้แจกเป็นเงินสด การแจกเงินกลุ่มเปราะบางถึงแม้เม็ดเงินจะใช้ค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นกลุ่มเหมาะสมที่ควรจะต้องได้
ส่วนกลุ่มที่เหลือที่ยังไม่ได้รับเงิน ก็ต้องขอแสดงความเสียใจ เพราะต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะหนึ่ง อาจจะต้องเลื่อนไปถึงต้นปีหน้าคือปี 2568 จึงจะมีความชัดเจนว่า จะได้หรือไม่ได้ ได้เมื่อไหร่ ได้เท่าไหร่ ได้กี่รอบ แต่ในฐานะที่ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดก็จะติดตามเงินส่วนที่เหลือให้กับประชาชนอย่างเข้มข้น
เย้ยคงไม่มีพายุหมุนอย่างที่คุย
น.ส.สิริกัญญากล่าวอีกว่าตอนแรกรัฐบาลจะแจกเงินรอบเดียว 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินก้อนใหญ่ คิดเป็น20%ของจีดีพี พอตอนนี้ลดลงเหลือ1ใน3 สัดส่วนที่จะไปส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หรือทำให้จีดีพีโตขึ้นก็ลงลงตามไปด้วย เหลือแค่ 0.35%ของดีจีพี ดังนั้นปลายปีนี้เราจะไม่ได้เห็นเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งสอดคล้องกับผู้ประกอบการที่เริ่มบ่นว่าแจกเงินไปแล้ว แต่ตลาดยังคงเงียบเหมือนเดิม ยังไม่มีการออกมาจับจ่ายใช้สอยมากนัก อาจจะเน้นไปที่การชำระหนี้สินก่อน จะนำไปใช้สอย ทำให้ผลต่อเศรษฐกิจน้อยลง คงไม่มีแล้วพายุหมุนอย่างที่รัฐบาลบอก แต่ก็ต้องตามว่ารัฐบาลจะมีนโยบายอย่างอื่นอะไรมากระตุ้นเศรษฐกิจ
จี้รบ.เร่งเคาะไทม์ไลน์เฟส2ให้ชัดเจน
“เฟส 2รัฐบาลก็บอกว่าแจกแน่ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ คือเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด ในระหว่างนั้นก็มีการให้ความเห็น อย่างเช่นอาจจะเอาเงินไปใช้ในโครงการอื่นก่อน เงินเหลือแล้วค่อยเอามาใช้ หรือพูดว่าการให้ความสำคัญเรื่องนี้จะเป็นอันดับรองลงมา การให้ข่าวแบบนี้ไปเรื่อยๆเป็นการสร้างความสับสน และค่อยๆดับความหวังของประชาชนที่จะได้รับเงินก้อนที่สองไปเรื่อยๆได้ แต่ขอให้รัฐบาลเร่งรีบในการหาข้อสรุปนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และเคาะไทม์ไลน์เรื่องนี้ให้ชัดเจนเสียที”น.ส.สิริกัญญา ย้ำ
กลุ่มเปราะบางแห่ซื้อมือถือ-ซ่อม
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์และซ่อมมือถือในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรีโดยเฉพาะ ร้านโตโต้ ศูนย์บริการซ่อมมือถือตึกคอม มี น.ส.พนอ ฉัตรบรรยงค์ ผู้ดูแลร้าน กล่าวว่าหลังจากรัฐบาลแจกเงิน10,000บาทให้กลุ่มเปราะบางและกลุ่มพิการตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ยอมว่ามีผลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลูกค้า นำโทรศัพท์ซ่อมและนำเงินมาซื้อมือถือใหม่ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่บอกว่าได้รับเงิน10,000 บาท โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการโดยซื้อโทรศัพท์มือถือ เครื่องละประมาณ 2,000-5,000 บาท ส่วนบางกลุ่ม เน้นนำมือถือมาซ่อม เนื่องจากต้องประหยัดในการใช้เงิน10,000บาทต้องซื้ออาหารและสิ่งของที่จำเป็น และค่าใช้จ่ายในครอบเรือน ตั้งแต่มีการจ่ายเงินให้ชาวบ้าน มีลูกค้าเดินทางมาจำนวนมากแต่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจมากน้อยได้แค่ไหน
เบตงตลาดนัด-ซุปเปอร์มาเก็ตคึกคัก
บรรยากาศการจับจ่ายซื้อของ ที่ตลาดนัดหน้าดับเพลิงเบตง อ.เบตง จ.ยะลา มีประชาชนเดินทางออกมาจับจ่ายกันอย่างครึกครื้น ช่วง 2-3วัน ภายจากรัฐบาลแจกเงิน1หมื่นบาทให้กลุ่มแรกคือกลุ่มผู้สูงอายุ เปราะบางและผู้พิการเป็นวันที่ 3 สังเกตได้ว่าทุกแผง ไม่ว่าแผงขายผัก ขายปลา ขายไก่ ขายผลไม้ภายในตลาดนัดจะมีประชาชนมาจับจ่ายซื้อสินค้ากันอย่างคึกคักหลังซบเซามานาน
จากการสอบถามแม่ค้าแผงผักสดในตลาดนัด พบว่าหลังจากการแจกเงินให้กลุ่มผู้สูงอายุ เปราะบางและผู้พิการ เป็นวันที่3ของการแจกเงินหมื่น ตั้งแต่ช่วงเช้าชาวบ้านออกมาจับจ่าย ใช้สอยกันมากกว่าทุกนัด ไม่เห็นคนมาตลาดนัดมามากแบบนี้ก็ทำให้บรรยากาศค้าขายครึกครื้นขึ้นมาหลังจากซบเซามานานมาก แต่ช่วงเช้าวันนี้ตั้งแต่เช้าคนออกมาจับจ่ายใช้สอยทั้งผู้สูงอายุ ผู้พิการที่อยากกินผลไม้ก็ได้กิน
เงินหมื่นช่วยชาวบ้านได้เยอะมาก
นายกิตติ ดามาอู เจ้าของร้านเบตงมินิมาร์ท เผยว่าหลังรัฐบาลแจกเงิน1หมื่น ให้กลุ่มผู้สูงอายุ เปราะบางและผู้พิการ ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยดีขึ้นระดับหนึ่ง จากการสอบถามผู้ที่ได้เงินหมื่นเขาก็เอาไปซื้อโทรศัพท์ ซื้อรถจักรยานยนต์ ที่เหลือก็จะมาจับจ่ายใช้สอยก็ทำให้การขายสินค้าดีขึ้นแน่นอน แต่อยากให้ทางรัฐบาลแจกให้ครบทุกๆคนที่ลำบากที่เป็นคนไทย เพื่อให้เศรษฐกิจมันดีขึ้น เงินที่เขาไม่เคยได้เขาก็ได้บางคนก็เป็นหนี้มานานแล้ว พอได้เงินหมื่นก็สามารถช่วยชาวบ้านได้เยอะมากในระยะสั้นๆดีขึ้นแน่นอน ส่วนการจับจ่ายใช้สอยส่วนใหญ่จะเป็นข้าวสารและอาหารแห้ง ส่วนพนักงานที่ร้านได้รับเงิน10,000 บาทก็เอาไปผ่อนโทรศัพท์ ผ่อนรถจักรยานยนต์เพราะบางบ้านได้เงิน 10,000 บาทมีอยู่ 5 คนก็ได้ 50,000 บาทแล้ว
“ส่วนตัวผมที่รัฐบาลแจกเงิน1หมื่นบาท ผมดีใจกับชาวบ้านด้วยแต่รัฐบาลก็ต้องคิดว่าหนี้ที่แจก รัฐบาลก็ต้องหาใช้ให้ได้ด้วย ถ้าจะแจกก็แจกได้ชาวบ้านได้เงิน แต่ก็ทำให้ประเทศลำบากขึ้นมาไม่มากนักสรุปคือก็ต้องช่วยๆกันครับเพราะทางรัฐบาลก็หวังให้เศรษฐกิจหมุนเวียนก็ให้รัฐบาลทำแบบนี้ทุกปีชาวบ้านจะได้มีเงิน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี