"เรืองไกร"มาแล้ว!!! ยื่นกกต.ตรวจสอบ"อิ๊งค์"ถือหุ้นอัลไพน์เกิน 30 วันหลังนั่งนายกฯ แถมผิดจริยธรรม จี้ส่งศาลรธน.ชี้ขาดคุณสมบัติโดยเร็ว ลั่นงานนี้"แพทองธาร"เหนื่อยแน่ เผยจ่อยื่นป.ป.ช.เพิ่ม
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เข้ายื่นเรื่องร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกฯ ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.2567 จนถึงวันที่ 3 ก.ย.2567 เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักจักษ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) หรือไม่ และการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมข้อ 8 หรือไม่ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)
นายเรืองไกร กล่าวว่า จากข้อมูลสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) กรมธุรกิจการค้า ณ วันที่ 30 เม.ย. 2567 บริษัทอัลไพน์ฯมีบุคคลถือหุ้น 4 คน คือ คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ 10 % และ ลูก 3 คน ในจำนวนเท่ากัน คือคนละ 30% ซึ่งพอมาถึงวันที่ 16 ส.ค. 2567 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเลือก น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯและมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งในวันดังกล่าว ยังไม่พบการโอนหุ้นจนกระทั่งต้นเดือน ก.ย. ก่อนตั้งคณะรัฐมนตรีจึงพบว่ามีการโอนหุ้นในชื่อของน.ส.แพทองธาร ในวันที่ 3 ก.ย.ไปให้คุณหญิงพจมานจำนวน 30% และไปยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันถัดไป จึงเห็นข้อเท็จจริงชัดจากใบขอยื่นบัญชีรายละเอียดผู้ถือหุ้น ทั้ง ณ วันที่ 30 เม.ย. และวันที่ 4 ก.ย.ว่าเป็นช่วงที่น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯแล้ว ซึ่งการเป็นนายกฯและถือหุ้นบริษัทอัลไพน์ 30% ถือว่าฝ่าฝืนพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งกำหนดไห้ถือได้ไม่เกิน 5% ดังนั้น ในประเด็นนี้จะยื่นต่อ ป.ป.ช.ต่อไป
นอกจากนี้ สัดส่วนการถือหุ้น 30% ถือว่าเป็นเจ้าของเข้าลักษณะตามที่มาตรฐานทางจริยธรรมกำหนดไว้หรือไม่ โดยเฉพาะข้อ 8 ซึ่งมีคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ และนางกนกวรรณ วิลาวรรณ เรื่องที่ดิน สปก. ครอบครองต่อเนื่องมาจากบิดาเข้าข่ายประพฤติเสื่อมเสีย โดยเป็นคดีที่มีลักษณะคล้ายกัน และยังเข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งมีคดีตัวอย่างเป็นคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีกองทุนฟื้นฟูขายที่ดินรัชดาให้กับคุณหญิงพจมาน และนายทักษิณ ชินวัตร ไปลงชื่อเป็นพยาน และคำพิพาก ษาศาลปกครองสูงสุดที่ได้อธิบายความไว้ชัดว่า การที่อดีตอธิบดีกรมที่ดินเพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินธรณีสงฆ์ ต่อมาอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทยไปยกเลิกเพิกถอน แล้วศาลชี้ว่ากระทำความผิด ซึ่งหมายความว่าคำสั่งเพิกถอนการแบ่งแยกโฉนด การจดทะเบียนโฉนดไม่ชอบ ซึ่งก็ไม่ชอบมาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินกำหนดให้คนเป็นนายกฯต้องรับผิดชอบทุกกระทรวง ทบวง กรม ตรงนี้ก็อยู่ในคำพิพากษาที่ดินรัชดาด้วย
ตนจึงต้องมายื่นเรื่องนี้ให้ กกต. ตรวจสอบ และคิดว่าพยานหลักฐานต่างๆกกต.หาได้ไม่ยาก เพราะทั้งหมดล้วนเป็นเอกสารราชการ ซึ่งตนเห็นว่าพยานหลักฐานเหล่านี้สามารถทำให้เชื่อได้ว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า น.ส.แพทองธารฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมที่สามารถยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยเร็ว ตนมองว่าน้ำหนักของเอกสารหลักฐาน 90% จึงไม่น่าจะช้า ดังนั้นกกต.ควรรีบทำเรื่องนี้เพราะเป็นการกล่าวหาบุคคลสำคัญที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร คือตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งพยานหลักฐานที่ตนนำมายื่นก็ถือว่าแน่นหนาแล้ว เชื่อว่านายกฯต้องใช้ทีมกฎหมายจำนวนมากในการแก้ข้อกล่าวหาเรื่องนี้น่าจะเหนื่อย เพราะน้ำหนักที่ตนให้กับเรื่องนี้ถึง 90%
เมื่อถามว่าการดำเนินการด้านเอกสารยังเป็นช่วงรอยต่อหลังรับตำแหน่งจะต้องดำเนินการลาออกภายใน 15 วัน นายเรืองไกร กล่าวว่า เป็นความเข้าในคลาดเคลื่อน เพราะช่วงรอยต่อของการยื่นบัญชี ซึ่งเลขาป.ป.ช.เคยพูดไว้ และตนเคยติงไปแล้วว่า พ.ร.บ.จัดการหุ้นส่วน และหุ้นของรัฐมนตรีปี พ.ศ. 2543 ไม่ได้เขียนว่าให้นับจากวันที่ ถวายสัตย์ปฏิญาณ แต่ต้องแจ้งภายใน 30 วัน ซึ่งตนก็รอมาจนถึงวันนี้ นับจากวันที่ 16 ส.ค. มาจนถึง 16 ก.ย. ก็ถือว่าเลยเวลามาแล้ว ส่วนการถือหุ้นใน 20 บริษัทถือว่าเป็นการถือหุ้นไม่ถึง เพราะเป็นการถือในลักษณะโฮลดิ้งอยู่ด้วย ตนดูมาหมดแล้ว ดังนั้น ถ้านายกฯถือเกิน 5% จะต้องแจ้งภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง ไม่ใช่นับตั้งแต่วันถวายสัตย์ปฏิญาณ และเป็นระยะเวลา 30 วัน ไม่ใช่ 15 วัน ดังนั้นที่ท่านเลขาป.ป.ช.พูดน่าจะคลาดเคลื่อน
เมื่อถามย้ำว่า เรื่องนี้น้ำหนักเข้าข่ายเป็นความผิดการถือหุ้น 5% หรือความผิดเรื่องที่ดินไม่ชอบมากกว่ากันนั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า ทั้ง 2 เรื่อง และมีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งจะมีการให้ข้อมูลภายหลัง
////////////
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี