วิเคราะห์ 4 ข้อปรากฏการณ์‘ตักจันทร์กลางน้ำ’ สว.หักสส.ปม‘ประชามติ’
2 ตุลาคม 2567 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ระบุว่า...
เมื่อ สว. ตีตกร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ก็เกิดปรากฏการณ์ “ ตักจันทร์กลางน้ำ เห็นอยู่แล้วว่า ตักได้แน่นอน แต่เมื่อยกกระชอนไผ่ขึ้น ผืนน้ำกระเพื่อมไหว จันทร์เพ็ญพลันเลือนหาย สองมือตักได้แต่ความว่างเปล่า” (เฟิงหัวซี่ / ดาบหาญกล้าฯ เล่ม 12)
1. เมื่อ 21 สิงหาคม 67 สภาผู้แทนราษฎร มีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ในวาระสาม ด้วยคะแนนเห็นชอบสูงมากถึง 409 เสียง ไม่เห็นชอบ 0 เสียง โดยมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเนื้อหาเพื่อยกเลิกการใช้ “เสียงข้างมากสองชั้น” ของ พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับปัจจุบัน ที่ใช้ชี้วัดว่าการทำประชามตินั้นจะมีข้อยุติหรือไม่ โดยเปลี่ยนมาใช้ “เสียงเสียงข้างมากของผู้มาลงคะแนนเท่านั้นแทน”
2. “เสียงข้างมากสองชั้น” ตาม พ.ร.บ.ประชามติของเดิม เป็นประตูด่านแรกของการป้องกันไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้ง่ายๆ จึงบัญญัติไว้ว่า การทำประชามติจะมีข้อยุติได้ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของ “ผู้มีสิทธิออกเสียง” แต่ร่างแก้ไข ได้ตัดคำว่า “ผู้มีสิทธิออกเสียง” ทิ้งไป แก้เป็นเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิก็พอ ซึ่งหมายความว่าจะ มีผู้มาใช้สิทธิน้อยแค่ไหนก็ได้ ซึ่งผิดหลักการ ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องทำได้ยากกว่ากฎหมายธรรมดา ดังนั้นถ้าจะแก้ก็ต้องเป็นความประสงค์ของประชาชนส่วนใหญ่จริงๆ นั่นคือ ต้องมีผู้ที่มีสิทธิในการออกเสียง อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง เข้าร่วม เป็นผู้ตัดสิน ด้วย
นอกจากนั้นยังผูกการจัดทำประชามติ ไว้กับการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น เพิ่มเข้าไปอีก ทั้งๆที่การเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นนั้นมีเจตนารมณ์ที่แตกต่างไปจาการเลือกตั้ง ส.ส.มาก และเป็นพื้นที่การแข่งขันกันของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้อง ของนักการเมืองเกือบทั้งสิ้น ประชาชนที่มาเลือกจึงไม่ได้มาสนใจถึงเรื่องผลกระทบที่จะเกิดจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่อย่างได
3. เมื่อ 30 ก.ย. 67 ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติดังกล่าว ที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ได้เข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา ปรากฏว่าถูก สว. ตีกลับ ด้วยคะแนนเสียงสูงถึง 167 เสียง โดยมีข้ออ้างส่วนใหญ่ว่า “เป็นความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่ใช่เพื่อชาติหรือประชาชน” สว.บางท่านกล่าวแรงไปถึงกับระบุว่า “ส.ส.ชำเรา รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง”
4. สว.สีส้มบางคนจึงอ้างว่า เป็นเพราะ สว.ส่วนใหญ่รับใบสั่งมา แต่ทำไมไม่ก็ลองกลับไปดู ช่วงเวลาที่ ส.ส.ผ่านร่าง แก้ไข พ.ร.บ.ประชามติด้วยคะแนนอย่างท้วมท้นนั้น ปฏิกิริยาของ ส.ส.หลายสิบคน คึกคักกันเป็นพิเศษ ออกมาแสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่า จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเล่นงาน ศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. และยังกล้าพูดไปถึง เรื่อง การแก้ไขเพื่อ ลดมาตรการทางจริยธรรม อีกด้วย นอกจากนั้น ส.ส.บางคนก็ยังเตรียมไปแก้ไขในหมวดความมั่นคงอีก ฯลฯ
เรื่องเหล่านี้ที่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ พวก สว.กลับลำมากกว่า ประเด็นอื่นครับ นี่ฝ่ายรัฐบาลก็เตรียมเสนอ เรื่องนิรโทษกรรมเข้ามาอีก ก็รีบๆเสนอหน่อยครับ เพราะแม้จะผ่าน สว.ไปได้ ก็อาจไม่ผ่าน คุณสนธิก็เป็นได้นะครับ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี