‘โรม’ขยี้‘รัฐบาล-ตำรวจ’ช่วยเป่า‘คดีตากใบ’หวังให้จบอายุความ ข้องใจ‘ภูมิธรรม’ ยังมีหัวใจอยู่หรือไม่ ด้าน‘บิ๊กอ้วน’ยันไม่ได้เจตนาฆ่ากัน แต่เกิดจากความอลหม่าน ลั่นวันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย เผยยุค‘รัฐบาลยิ่งลักษณ์’ เยียวยาแล้วรายละ 7 ล้าน
3 ตุลาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เข้าสู่ช่วงกระทู้ถามสด นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.) ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องการดำเนินคดีตากใบที่ใกล้จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.67 ถามนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คดีตากใบใกล้จะหมดในอีก 22 วัน จะส่งผลต่อการดำเนินคดีใดๆกับผู้ที่เกี่ยวข้องจะไม่สามารถดำเนินการได้อีกต่อไป ตราบใดที่คดีนี้ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย ทุกรัฐบาลล้วนต้องรับผิดชอบในการสะสางจนกว่าสันติภาพชายแดนใต้จะเกิดขึ้น เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นเมื่อ 25 ต.ค.47 ในเวลานั้นผู้นำรัฐบาลคือนายทักษิณ ชินวัตร เป็นประวัติศาสตร์บาดแผลของคนในพื้นที่ที่อยู่คู่กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและอดีตนายกฯมาโดยตลอด
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลขณะนั้นตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้น 1 ชุด ผลการสอบสวนชี้ชัดว่าเกิดจากความบกร่องของเจ้าหน้าที่รัฐที่ควบคุมเหตุการณ์อันนำมาสู่โศกนาฏกรรม สุดท้ายผู้มีอำนาจทางการเมืองลืมเลือนเหตุการณ์ตากใบจนเกือบหมดอายุความ แต่ผู้เสียหายในคดีนี้ลุกขึ้นมาฟ้องเอาผิดเพื่อทำความจริงให้ปรากฏด้วยตนเอง ย้ำว่าคดีนี้ประชาชนร้องเอง ไม่ใช่ผลงานรัฐบาลเหมือนที่รัฐมนตรีบางคนพูดไว้ว่ามีความคืบหน้ามากที่สุดในรัฐบาลนี้
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์นี้ได้ทำลายความไว้วางใจประชาชนต่อรัฐอย่างสิ้นเชิง จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับการฟื้นฟู ตนเป็นห่วงจริงๆ25 ต.ค.47 ภายใต้รัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เป็นการฝังกลบความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อรัฐจนยากที่จะฟื้นคืน จะทำให้สันติภาพเป็นเพียงภาพฝันที่ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ มีอดีตนายกฯ 2 คนที่ออกมาขอโทษในเรื่องนี้ คือพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และอีกคนหนึ่งคือ นายทักษิณ ขอโทษเมื่อวันที่ 25 ต.ค.65 ซึ่งครบรอบ 18 ปีเหตุการณ์ตากใบ ไม่น่าเชื่อต้องรอถึง 18 ปีจึงมีท่าทีเสียใจของอดีตนายกฯ ดังนั้น จึงอยากถามว่าจะทำอย่างไรเพื่อฟื้นความไว้วางใจของประชาชนในพื้นที่ และจะสร้างความรู้สึกของประชาชนให้กลับมาดี สมกับที่อดีตนายกฯเคยขอโทษอย่างไร
“เหลือเวลาอีก 22 วัน กระบวนการที่ทางตำรวจจะต้องไปแจ้งข้อกล่าวหาใหม่กับเวลาแค่นี้ แล้วตำรวจอยู่กับใครท่าน(นายภูมิธรรม)เป็นคนดู ท่านจะบอกว่าให้มองอย่างสร้างสรรค์ มองแบบไม่รู้สึกอะไรหรือ ประทานโทษท่านยังมีหัวใจหรือเปล่า นึกไม่ออกว่าสหายใหญ่ซึ่งเคยผ่านเหตุการณ์ลักษณะนี้มาแล้ว ถามว่าจะทำให้เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นแบบ 6 ตุลาหรือ ท่านส่องกระจกแล้วยังจำตัวเองได้หรือเปล่า สั้นๆง่ายๆนิดเดียว ว่าวันนี้มีการเป่าคดี มีความพยายามช่วยกัน หนึ่งในการช่วยกัน คือตำรวจ ถามว่าท่านในฐานะที่ดูแลตำรวจจะทำอย่างไร” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมัน กล่าวทิ้งท้ายว่า มีสส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยถูกดำเนินคดีด้วย และยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อตามตัวใครก็ตามมาดำเนินการทางกฎหมาย วันนี้ประชาชนเริ่มคิดว่านายภูมิธรรมและรัฐบาลต้องการให้เรื่องจบแบบขาดอายุความ ซึ่งก็จะทำให้ไม่มีการสืบพยาน ไม่มีคำให้การ ซึ่งตนสนใจว่าถ้ามีการให้การหรือสืบพยานสุดท้ายจะชี้ไปที่บุคคลที่ใหญ่กว่านั้นหรือไม่
ด้านนายภูมิธรรม ชี้แจงว่า ปัญหาชายแดนใต้ต้องเริ่มต้นแก้ไขด้วยเหตุผลและดูให้ครบทุกมิติ ไม่ใช่เริ่มจากความดุเดือด หรือมองแต่ด้านลบเพียงด้านเดียว ไม่ใช่มองเพียงว่าเจ้าหน้าที่ทำแบบโน้น ตรงนั้นตายแบบนี้ แต่เรื่องดังกล่าวมีองค์ประกอบเกี่ยวข้องหลายอย่าง และขอยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับคดีนี้ ทุกเรื่องมีความสำคัญ แต่รัฐบาลต้องทำเรื่องเร่งด่วนในขณะนั้น คือน้ำท่วม โปรดเข้าใจว่าตนไม่ได้รู้สึกโกรธกับคำถามสื่อมวลชนที่ถามเรื่องคดีตากใบ
นายภูมิธรรม กล่าวต่ออีกว่า ทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ตากใบและสิ่งที่เกิดขึ้น เรื่องตากใบเกิดเมื่อปี47 มีความจริงหลายมิติ รายงานสรุปว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเป็นหลัก เป็นเรื่องกระบวนการลำเลียงคน ขณะเกิดเหตุมีสื่อรายงานว่ามีนายทหารเตือนว่าการนำคนขึ้นไปจำนวนมากไม่ได้ ต้องเอาลงมา ดังนั้น การสรุปว่ามีเจตนาหวังจะเอาคนไปทับให้ตายถือว่าไม่ใช่ ขณะนั้นมีการสับสนอลวน เป็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เหตุการณ์นี้ควรให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่ตั้งใจจะฆ่ากัน แต่เป็นเรื่องความสับสนอลหม่าน
“ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เยียวยาแล้ว ถึงรายละ 7 ล้านบาท และสัดส่วนที่ลดหลั่นลงไปตามความบาดเจ็บที่เกิดขึ้น ทั้งหมดพยายามให้เห็นว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้น และใช้เป็นอุทาหรณ์มากกว่าทำให้เป็นเครื่องมืออธิบายว่ารัฐบาลตั้งใจจะฆ่าเขาหรือรัฐบาลไม่ใส่ใจ โดยไม่เห็นคุ้มค่าของเขา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเสียใจ และไม่อยากเห็นเกิดขึ้น ไม่ใช่ความตั้งใจแต่เกิดจากความสับสนอลหม่าน” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ระบุ
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังหาตัวผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ซึ่งฝ่ายรัฐต้องดำเนินการไป และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ารู้ก็ต้องจับอยู่แล้ว พูดชัดเจนตลอดว่าอยากให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ เพราะผู้ถูกกล่าวหาถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์คดีไปถึงจุดของมัน เกือบ20ปีแล้ว เพิ่งมารื้อฟื้นและเพิ่มคดีในตอนนี้ ตอนนั้นเคยมีการถามในการตัดสินว่าไม่ฟ้องคดีต่อ มีเวลา 15 วันที่จะให้ฟ้อง ตอนนั้นก็ไม่มีใครฟ้อง เราก็นึกว่าเรื่องนี้ยุติไปแล้ว เราก็ไม่อยากทำให้เป็นประเด็นแตกแยกเพียงแต่อยากใช้เป็นประสบการณ์และหาทางออก
รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวด้วยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอยู่ ขอให้ใจเย็น แล้วมาดูว่าเรื่องนี้จะให้ความเป็นธรรมทั้งญาติผู้เสียชีวิต และคนที่ถูกกล่าวหาซึ่งไม่แน่ใจว่าเขาต้องมีส่วนในการรับผิดชอบหรือไม่ทั้งหมดจะยุติได้ก็ต่อเมื่อกระบวนการยุติธรรมเดินถึงที่สุด ฉะนั้นอย่าด่วนเอาตัวเองเป็นคนตัดสิน ทั้งนี้ หากมีหลักฐานว่าตำรวจดึงคดีก็ว่ามาจะตรวจสอบให้ แต่อย่าคิดเองว่าศาล ตำรวจ อัยการ ตน และพรรคการเมืองเป็นแบบนั้นแบบนี้ไม่ควรพูด แต่ควรจะนำข้อเท็จจริงมาคุยกัน ตนไม่อยากคุยเรื่องอารมณ์และการกล่าวหาโดยไม่มีเหตุผล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการถามของนายรังสิมันต์ นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงสลับกับน.ส.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อยู่เป็นระยะ อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายการตอบกระทู้ของนายภูมิธรรม นายรังสิมันต์ขอชี้แจง แต่ประธานที่ประชุมไม่อนุญาตเนื่องจากได้ใช้เวลาหมดแล้ว และนายรังสิมันต์เป็นฝ่ายพาดพิงก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี