พท.ปัดไม่ใช่หน้าที
ตาม‘พิศาล’ขึ้นศาล
คดีสลายม็อบตากใบ
บอกไม่รู้อยู่ปท.ไหน
“เพื่อไทย” บอกไม่ใช่หน้าที่พรรค ตามตัว “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” สส.บัญชีรายชื่อ เพื่อไทย “อดีตแม่ทัพภาค 4” ไปขึ้นศาลต่อสู้คดีสลายม็อบตากใบ “ภูมิธรรม-ปธ.วิปรัฐบาล” โยนเป็นเรื่องส่วนบุคค และไม่รู้ไปรักษาอาการป่วยอยู่ประเทศไหน
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีหมายจับ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ในคดีตากใบ พรรคเพื่อไทยจะมีการประสานให้ พล.อ.พิศาล รับทราบหรือไม่ ว่า ไม่ใช่เรื่องของพรรคเพื่อไทย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เราถือตามที่สภาฯ ว่าอยู่แล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม ตำรวจต้องทำหน้าที่ในการที่จะต้องเร่งรัดตามคำสั่งของศาล หากมีการพบตัวก็มีการควบคุมได้ หากมีวันประชุมสภาฯ ก็ต้องมีการปล่อยตัวให้มาทำหน้าที่ในสภาตามกฎกติกาที่มีอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่เอกสิทธิ์ สส.ที่ใช้คุ้มครองขณะนี้ พล.อ.พิศาล ใช้สถานะ สส.พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นเอกสิทธิ์ สส.ที่จะตัดสินใจ ไม่ใช่พรรคไปกำหนดชะตาชีวิตได้ทั้งหมด พรรคอาจจะแนะนำได้ว่าให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ก็เป็นเอกสิทธิ์ของเขา แต่นี่ยังไม่ถึง เอาเป็นว่าไปจับตัวให้ได้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องของตำรวจที่จะต้องปฏิบัติตามหมายศาลที่ออกมา
เมื่อถามว่า ได้มีผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยประสาน พล.อ.พิศาล ให้มามอบตัวหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอพูดผ่านสาธารณะแล้วกัน เพราะยังไม่มีใครสามารถติดต่อ พล.อ.พิศาลได้ ถ้าเรารู้ว่าอยู่ที่ไหนก็จะแนะนำให้ไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การถูกกล่าวหา การกล่าวหา ยังไม่ได้หมายความว่าท่านเป็นผู้มีความผิด ยังถือว่าท่านบริสุทธิ์อยู่ ฉะนั้น การเข้าสู่กระบวนการของศาลน่าจะดีที่สุด ทุกอย่างจะได้จบลงอย่างชัดเจน ซึ่งได้มีการกำชับกับตำรวจให้เร่งดำเนินการ ให้เห็นชัดเจนที่มีการกล่าวหาเราว่าเป่าคดีบ้าง หรือเราไปเข้าข้างบ้าง
ในประเด็นดังกล่าว นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวว่า เมื่อเดือนที่แล้วทราบว่าไปรักษาตัวอยู่ต่างประเทศ แต่ไม่ทราบว่าไปที่ไหน
“วันนี้ผมไม่ทราบท่านพิศาลไปอยู่ที่ไหน เขาไม่ได้บอกผม และ ผมมีหน้าที่เป็นวิปก็จะตาม สส.มาลงคะแนน แต่เรื่องการดำเนินการทั้งหมด ผมคิดว่าอยู่ในอำนาจของศาลแล้วจะพิจารณาอย่างไร ผมไม่ได้เอารัฐธรรมนูญมาอ้างเพื่อที่จะปกป้องท่านพิศาล ไม่ว่าใครไม่สามารถจะยิ่งใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ เพราะเป็นกฎหมายสูงสุดที่จะต้องยึดตามนี้ ดังนั้น ถ้าใครทำนอกเหนือก็ถือว่าผิดรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญไม่ใช่จะช่วยใคร ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แบบนี้ ซึ่งพูดถึงหลักการ ไม่ใช่ท่านพิศาลเพียงคนเดียว หากอยู่ในระหว่างสมัยประชุมสภา การจับกุมคุมขัง ต้องผ่านสภาก่อน” นายวิสุทธิ์ กล่าว
นายวิสุทธิ์ ยังกล่าวถึงการพิจารณากระทู้ถามของ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เกี่ยวกับคดีตากใบ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ว่า ถ้ามองการอภิปราย ในฐานะคนนับถือศาสนาพุทธ ตนก็รับไม่ได้ เพราะต้องดูว่าพูดไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมา และการออกหมายจับ พล.อ.พิศาล ก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม การที่เอามาปั่นในสภาฯ แล้วด่ากันอย่างนั้น มันดีหรือไม่ และก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ตากใบ ต้องดูว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง บางทีคนที่เกิดทีหลังเหตุการณ์ที่ผ่านมา 20 ปี ฟังแล้วอาจเกิดความแตกแยก
วันนี้ควรพูดเรื่องแก้ปัญหาปากท้อง น้ำท่วมก่อนดีหรือไม่ อีกทั้งในเมื่อศาลออกหมายจับแล้วก็ต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม เราไม่มีหน้าที่ไปจับใครและไม่ควรที่จะไปแทรกแซง ดังนั้น เวลาอภิปรายก็ไม่ควรทำถึงขั้นทำให้คนฟังสับสน ไม่เข้าใจเจตนาว่าถามไปเพื่ออะไร จริงๆ ตนชื่นชมนายรังสิมันต์ แต่ก็ไม่ทราบว่าถามไปเพื่ออะไร เพื่อที่จะให้คะแนนเสียง หรือเกิดความแตกแยกในประเทศชาติบ้านเมืองซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ไม่อยากให้เรื่องนี้ลุกลามบานปลาย เพราะจะเกิดความเสียหายได้ อย่าไปกลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะเสียหาย เพราะเรื่องนี้เลยเพราะผ่านมานานแล้วไม่อยากรื้อฟื้น ซึ่งเป็นความเจ็บปวดของทุกฝ่าย ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก “เทพไท - คุยการเมือง” ระบุว่า 85 ศพ ที่ตากใบ พ่อผูก-ลูกแก้โดยกล่าวว่า เกิดวิวาทะกันในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างมีวาระกระทู้ถามสด นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องการดำเนินคดีตากใบที่ใกล้จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.67 ถาม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ในเวลานั้นผู้นำรัฐบาล คือ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นประวัติศาสตร์บาดแผลของคนในพื้นที่ ที่อยู่คู่กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกฯ มาโดยตลอด ทุกยุคทุกสมัยจากรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร จนถึงรัฐบาลนอร์มินี นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน จนล่าสุดรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนายทักษิณ
ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เยียวยาแล้ว ถึงรายละ 7.5 ล้านบาท และผู้บาดเจ็บ ได้รับการเยียวยารายละ 5 แสนบาทแล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถชดเชยความรู้สึกและบาดแผลในใจของประชาชนผู้ถูกกระทำในครั้งนี้ได้ ยังสร้างความเจ็บปวด เคียดแค้น ทำให้พรรคเพื่อไทยไม่เคยได้รับเลือกตั้ง ส.ส.ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้เลย
เรื่องโศกนาฏกรรมตากใบ ที่มีผู้เสียชีวิต 85 คน เป็นการสร้างบาปครั้งใหญ่ในรัฐบาลของ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่ดำเนินนโยบายแก้ปัญหาภาคใต้ผิดพลาด จนเกิดไฟใต้ลุกลามมาเป็นเวลา 20 ปี เสียเงินงบประมาณกับการแก้ปัญหานับแสนล้านบาท ก็ยังไม่มีหนทางจะดีขึ้นเลย ยิ่งเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จนถึงตอนนี้คดีจะสิ้นอายุความในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ยิ่งทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นได้อีก
การที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่เมื่อต้องเดินทางไปประชุมที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ ได้มอบหมายให้นายภูมิธรรมเป็นผู้ตอบกระทู้แทน ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นมรดกบาปทางการเมืองของนายทักษิณที่สร้างไว้ คนที่ควรจะมาตอบคำถามเรื่องนี้ที่แท้จริง คือ น.ส.แพทองธาร ต้องรับผิดชอบมรดกบาป ในฐานะลูกสาวของนายทักษิณ ไม่ใช่นายภูมิธรรม ลูกน้องคนสนิท
เมื่อนายทักษิณผู้เป็นพ่อ เป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมา นางสาวแพทองธาร ผู้เป็นลูกสาวต้องเป็นคนแก้ไขอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะเป็นกรณี“พ่อผูก-ลูกแก้”อย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี