เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2567 “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนเฉพาะผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาทจากรัฐบาล เรื่อง “ความคิดเห็นต่อนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท” กลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มเปราะบางผู้ได้รับเงินแล้ว จำนวน 845 คน (สำรวจทางภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2567 สรุปผลได้ ดังนี้
1.สถานะทางการเงินของประชาชน ณ วันนี้ เป็นอย่างไร
อันดับ 1 มีเงินไม่พอใช้และมีหนี้ 46.75%
อันดับ 2 มีเงินพอใช้แต่ไม่มีเงินเก็บ 28.64%
อันดับ 3 มีเงินไม่พอใช้แต่ไม่เป็นหนี้ 19.17%
อันดับ 4 มีเงินพอใช้และมีเงินเก็บ 5.44%
2.ประชาชนนำเงิน 10,000 บาทที่ได้รับจากรัฐบาลไปใช้จ่ายอะไรบ้าง
อันดับ 1 ซื้อของกินของใช้ 47.00%
อันดับ 2 ชำระหนี้ 23.35%
อันดับ 3 เก็บออม 9.58%
อันดับ 4 ลงทุน 7.76%
อันดับ 5 รักษาพยาบาล 6.79%
อื่นๆ การศึกษา ,ค่าพาหนะ ,ท่องเที่ยว 5.52%
3.ประชาชนคิดว่านโยบายนี้ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินได้มากน้อยเพียงใด
อันดับ 1 ช่วยได้มาก 57.75%
อันดับ 2 ช่วยได้พอสมควร 37.63%
อันดับ 3 ไม่ช่วยเลย 4.62%
4.ประชาชนคิดว่านโยบายนี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศได้หรือไม่
อันดับ 1 ช่วยได้พอสมควร 53.61%
อันดับ 2 ช่วยได้มาก 44.02%
อันดับ 3 ไม่ช่วยเลย 2.37%
5.ประชาชนคิดว่านโยบายนี้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลเพียงใด
อันดับ 1 ค่อนข้างเชื่อมั่น 50.65%
อันดับ 2 เชื่อมั่นมากขึ้น 35.86%
อันดับ 3 ไม่ค่อยเชื่อมั่น 13.49%
6.ประชาชนคิดว่ารัฐบาลควรมีนโยบายใดเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ
อันดับ 1 เพิ่มเงินเดือน ค่าจ้าง สร้างงาน สร้างอาชีพ 31.70%
อันดับ 2 เพิ่มเงินผู้พิการ ผู้สูงอายุ และบัตรคนจน 27.76%
อันดับ 3 ควบคุมราคาสินค้า ของกินของใช้ 25.80%
7. จากการแจกเงิน 10,000 บาท ส่งผลให้ประชาชนชื่นชอบพรรคการเมืองใดมากขึ้นบ้าง
อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย 65.70%
อันดับ 2 พรรคประชาชน 12.94%
อันดับ 3 พรรคภูมิใจไทย 9.73%
อันดับ 4 พรรคชาติไทยพัฒนา 8.63%
อันดับ 5 พรรคพลังประชารัฐ 3.00%
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นต่อนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มเปราะบางผู้ได้รับเงินแล้ว จำนวน 845 คน (สำรวจทางภาคสนาม) พบว่า สถานะทางการเงินของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีเงินไม่พอใช้และมีหนี้ ร้อยละ 46.75 จากเงินที่ได้รับได้นำไปใช้ซื้อของกินของใช้ ร้อยละ 47.00 โดยมองว่านโยบายนี้ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินได้มาก ร้อยละ 57.75 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้พอสมควร ร้อยละ 53.61 ส่งผลให้ค่อนข้างเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ร้อยละ 50.65 อยากให้รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือประชาชนเพิ่ม คือ การเพิ่มเงินเดิน ค่าจ้าง สร้างงาน สร้างอาชีพ ร้อยละ 31.70 ทั้งนี้จากนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ทำให้รู้สึกชื่นชอบพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 65.70
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลสำรวจชี้ว่านโยบายแจกเงิน 10,000 บาทช่วยบรรเทาภาระทางการเงินได้และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง โดยเงินส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ซื้อของกินของใช้ที่จำเป็นและชำระหนี้ โดยมีจำนวนไม่มากนักที่จะนำไปลงทุนต่อยอด แม้จะเห็นว่านโยบายนี้ช่วยเศรษฐกิจและเพิ่มความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลเพื่อไทย แต่ประชาชนยังคงต้องการเพิ่มค่าจ้าง การจ้างงาน และสร้างอาชีพ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริงได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิริมา บุญมาเลิศ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ที่รัฐบาลแจกเงินสด 10,000 บาท ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาเรื่องค่าครองชีพและหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้น โดยนำเงินไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคกันอย่างคึกคัก ทำให้ประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล และทำให้คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูต่อไปว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางรัฐบาลจะมีมาตรการใดออกมาอีก เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่องและส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในระยะยาว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี