ขาดพลังดึงดูดคู่เจรจา!!! "จุลพงศ์"เย้ย"แพทองธาร"ไปประชุมอาเซียน อาจไร้คนสนใจ แนะจับเข่าคุยแค่ 3 ประเทศเพื่อนบ้าน"ลาว-เมียนมา-กัมพูชา" จี้ลงรายละเอียด"ยาเสพติด-น้ำท่วมข้ามแดน-คอลเซ็นเตอร์"
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงบทบาทของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 พร้อมทั้งการประชุมฯ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 9 - 11 ต.ค.67 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ว่า ในวันพรุ่งนี้ นายกรัฐมนตรีจะนำคณะไปร่วมประชุมผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และอีกหลายประเทศที่เวียงจันทน์ ตนอยากชี้ให้เห็นว่าในขณะนี้สังคมนานาชาติเขามองประเทศไทยอย่างไร ซึ่งจากดัชนีอำนาจของประเทศต่างๆ ในเอเชีย ประจำปี 2567 หรือ Asia Power Index 2024 พบว่าประเทศไทยติดอยู่ใน 10 อันดับแรกประเทศที่มีอำนาจในสายตาของนานาชาติ 2 เรื่อง 1.ไทยติดอยู่ในประเทศ 10 อันดับแรก ที่มีอำนาจด้านวัฒนธรรม ซึ่งวัดจากข้อมูลที่มีและการพบปะของผู้คนนานาประเทศ ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับประเทศที่มีอำนาจหรืออิทธิพลด้านวัฒนธรรมอยู่ในอันดับที่ 6 โดยเราเป็นรองสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ 2.ไทยติดอยู่ใน 10 ประเทศอันดับแรก เรื่องอำนาจด้านความสัมพันธ์ทางการทูตในเชิงเศรษฐกิจความสามารถในการพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 7 รองจากจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย
นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนอำนาจหรืออิทธิพลด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น อำนาจด้านสถานะทางเศรษฐกิจการค้า อำนาจด้านการทหารและการรบ อำนาจในทางการทูตและการเมืองระหว่างประเทศ อำนาจในการปรับตัวเข้าสู่ การเปลี่ยนแปลงของโลก และอำนาจโดยรวมของอำนาจที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดที่จะเป็นไปในอนาคต ประเทศไทยยังไม่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรก ดังนั้น ในการประชุมที่เวียงจันทน์ในสัปดาห์นี้ หากมองจากมุมมองนานาชาติจากการวัดดัชนีอำนาจหรืออิทธิพลในเอเชีย ประเทศไทยอาจขาดพลังอำนาจในหลายที่จะดึงดูดความสนใจจากประเทศคู่เจรจานอกอาเซียน อีกทั้งจะมีผู้นำคนใหม่ของประเทศอาเซียนเข้าร่วมประชุมด้วย ไม่ว่าจะเป็น นายลอ เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ , ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ดังนั้น ความสนใจของประเทศคู่เจรจาเช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐ และออสเตรเลีย อาจพุ่งไปที่ผู้นำใหม่จากประเทศเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และประธานาธิบดีของประเทศฟิลิปปินส์
"ท่านนายกรัฐมนตรีของไทยอาจไม่ได้รับการติดต่อ หรือไม่ถูกแบ่งเวลาจากผู้นำประเทศของประเทศคู่เจรจาในการเจรจาแบบตัวต่อตัว ซึ่งผมขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีและทีมงานอย่าสนใจมาก ที่เราสนใจคือผลลัพธ์ของการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้โดยท่านนายกรัฐมนตรีควรมุ่งไปที่การเจรจาแบบตัวต่อตัวกับผู้นำหรือตัวแทนผู้นำของเมียนมา ลาว และกัมพูชา ในปัญหา 3 เรื่องที่ผมขอเสนอให้ท่าน นายกรัฐมนตรีและคณะยกขึ้นเจรจาอย่างเข้มข้นและแสดงจุดยืนของประเทศไทยกับผู้นำ 3 ประเทศนี้ ว่าเราต้องการจะลดหรือกำจัดปัญหานี้อย่างจริงจัง นั่นคือ ปัญหายาเสพติด ปัญหาน้ำท่วมข้ามแดน ที่เกิดจากเส้นทางน้ำธรรมชาติตามพรหมแดน และปัญหาคอลเซ็นเตอร์" นายจุลพงศ์ กล่าว
นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า อย่าเจรจาแสดงความต้องการของเราลอยๆ โดยไม่มีเป้าหมายในผลลัพธ์สักเรื่อง และปล่อยให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการไปกำหนด ผมขอเสนอให้ท่านนายกรัฐมนตรีแสดงออกไปเลยอย่างเจาะจง ให้ผู้นำ 3 ประเทศนี้ได้รับทราบถึงเจตจำนงของประเทศไทย เช่น การกำหนดไปเลยว่าประเทศไทยเรามีเจตจำนงที่ให้มีร่วมมือกันลดหรือกำจัดปัญหาเหล่านี้ภายในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง เช่น 2 - 3 ปีนับจากนี้ และอย่ายกเรื่องขึ้นมาเจรจาหลายๆ เรื่อง
"ที่ผมจดไว้เกือบ 10 เรื่องตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงไว้ ผมขอแค่ 3 ปัญหานี้ คือ ยาเสพติด น้ำท่วมข้ามแดน และคอลเซ็นเตอร์ ขอให้มีการเจรจาให้เกิดมรรคผลและคำมั่นสัญญาในการลงมือทำจากผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ และหากการเจรจาสำเร็จ ผมก็ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีแถลงให้ประชาชนได้รับทราบหลังจากกลับมาประเทศไทย ผมถือว่าจะเป็นประโยชน์ต่อ คนไทยอย่างยิ่งและแสดงถึงศักยภาพของผู้นำของประเทศ" นายจุลพงศ์ กล่าว
นายจุลพงศ์ กล่าวอีกว่า ถือว่าคุ้มค่าแล้วที่ท่านนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมอาเซียนครั้งแรก เพราะลำพังการจับมือแนะนำตัว ทักทาย ถ่ายรูปเป็นแค่พิธีกรรมที่ไม่ได้แสดงศักยภาพ ของไทยของผู้นำและศักยภาพของประเทศ โดยส่วนตัว ตนขอให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี ต่อไปการร่วมประชุมระหว่างประเทศอีกสัก 2 - 3 ครั้ง ก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น
เมื่อถามว่า มองดราม่าการอ่านสคริปต์ของนายกรัฐมนตรีที่อิหร่านอย่างไร นายจุลพงศ์ กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นสาระ เท่ากับสิ่งที่นายกรัฐมนตรีแถลงออกมา ซึ่งตนยังไม่เห็น
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี