หิ้ว‘เนวิน’ดอดพบ‘แม้ว’จันทร์ส่องหล้า
‘อนุทิน’สารภาพ
เคลียร์ไม่มีนายกคนละครึ่ง
ยันหนุนงาน‘อิ๊งค์’ให้ดีที่สุด
เรืองไกรจี้กกต.สอบนายกฯ
ตั้ง‘สุรพงษ์-ณัฐวุฒิ’กุนซือ
ส่อพ้นเก้าอี้ซ้ำรอย‘เศรษฐา’
นายกฯอิ๊งค์ บอกไม่รู้ “เนวิน-อนุทิน” พบ “ทักษิณ” อ้างอยู่คนละบ้าน แจงตั้ง“ณัฐวุฒิ”ช่วยงานหลายด้านไม่เกี่ยวรับมือม็อบ โดนถามโอนหุ้นอัลไพน์ไม่ตอบ ถึงกับขอวิ่งขึ้นรถ!ด้าน‘อนุทิน’ยอมรับแล้ว เป็นคนชวน“เนวิน”กินข้าวกับ‘ทักษิณ’บ้านจันทร์ส่องหล้ายันไม่เคยโกรธกัน งงใครพูด“มันจบแล้วครับนาย” เคลียร์ไม่มีนายกฯ‘คนละครึ่ง’ ขอสนองงาน‘อุ๊งอิ๊ง’ให้ดีที่สุดตั้งใจทำงาน เป็นรัฐบาลให้ยาว ขณะที่‘เรืองไกร’ร่อนหนังสือจี้กกต.สอบกรณีนายก‘อิ๊งค์’ตั้ง‘หมอเลี๊ยบ-เต้น ณัฐวุฒิ’นั่งที่ปรึกษาของนายกฯโดยด่วน ทำพ้นจากตำแหน่งซ้ำรอย“เศรษฐา”เหตุเคยถูกพิพากษาจำคุกมาก่อน ชี้ถ้ามีมูลให้รีบส่งศาลรธน.วินิจฉัย
เมื่อเวลา 09.30น.วันที่ 8 ตุลาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 4/2567โดยได้เลื่อนเวลาขึ้นมาเนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีภารกิจเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการและเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องโดยนายกรัฐมนตรีได้สวมชุดสีดำเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานีซึ่งจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ
นายกฯไม่รู้เนวิน-อนุทินพบ’ทักษิณ’
ทั้งนี้ ก่อนประชุม นายกฯได้ตอบคำถามถึงกรณีนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ยูไนเต็ด และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยได้เข้าไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่บ้านจันทร์ส่องหล้าได้เจอกันจริงหรือไม่ว่า“หือไม่อยู่ อิ๊งค์อยู่คนละบ้านกับพ่อนะและวันนั้นก็ไปภารกิจอื่น”ก่อนนายกฯหันย้อนถามสื่อว่าใครให้ข่าวคะ เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่าเป็นรายการดังทางสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง นายกฯจึงร้องว่า“อ๋อเหรอ”
เมื่อถามย้ำว่านายกฯไม่ได้เจอนายเนวินใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า“ไม่ได้เจอคะ”เมื่อถามย้ำว่า แล้วมีการเจอกันจริงหรือไม่นายกฯกล่าวว่า“เดี๋ยวขอถามคุณพ่อก่อนนะคะ”ก่อนทำท่ายกโทรศัพท์มือถือ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จะให้ช่วยงานด้านไหน น.ส.แพทองธารกล่าวว่าช่วยเยอะเลยค่ะต้องช่วยเยอะเลย
แจงตั้ง’ณัฐวุฒิ’ไม่เกี่ยวรับมือม็อบ
เวลา 10.50น.น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นที่ปรึกษาของนายกฯมีเหตุผลเพื่อต้องการให้มาตอบโต้ม็อบที่มีการรวมตัวกันขณะนี้โดยเฉพาะหรือไม่ว่าอันนี้อาจเป็นเวลาที่พอดีไปหน่อยที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมแต่ไม่เกี่ยวกัน เพราะความจริงแล้ว ตั้งแต่ตอนที่นายณัฐวุฒิ เป็นผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยก็ได้ทำงานร่วมกับนายณัฐวุฒิมาโดยตลอดเห็นความสามารถหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการเมือง และการบริหารจัดการหลายอย่าง ได้ให้คำปรึกษากันมาตลอด คิดว่าช่วงเวลานี้เหมาะสมกับนายณัฐวุฒิพอดีและความจริงนอกรอบ เราได้คุยปรึกษากันเรื่อยๆ อยู่แล้ว ก็น่าจะทำประโยชน์ได้เยอะ ช่วยได้เยอะ
เมื่อถามถึง กรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวรอบทำเนียบฯ ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่เพราะมีผลกระทบกับการจราจรรอบทำเนียบฯ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่าให้เลขาธิการนายกฯ ไปคุยตามระเบียบผู้สื่อข่าวถามว่า ให้เหตุผลได้หรือไม่ว่าทำไมนายณัฐวุฒิ ถึงยอมกลืนเลือดกลืนเนื้อกลับมาช่วยงานรัฐบาลในฐานะที่ปรึกษาของนายกฯ โดยน.ส.แพทองธารไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว
โดนถามหุ้นอัลไพน์ ถึงกับขอวิ่งขึ้นรถ!
จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรณีการโอนหุ้นบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์สปอร์ดคลับ ให้ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดาเมื่อต้นเดือนกันยายน 2567ที่ผ่านมา นายกฯไม่ตอบคำถาม เพียงระบุว่า”ขออนุญาตวิ่งหน่อยได้มั้ย”ก่อนเดินฝ่าวงผู้สื่อข่าวเพื่อไปที่รถ เพื่อเดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร2 กองบิน6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯเพื่อเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)อย่างเป็นทางการและเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่44และ45และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ 8-11ต.ค.67
‘อนุทิน’รับชวน‘เนวิน’กินข้าว‘แม้ว’
เวลา 12.45น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวเข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าว่า“ผมไปทานข้าวเย็นที่บ้านอดีตนายกฯทักษิณซึ่งผมไปเป็นประจำอยู่แล้วก็แค่นั้น”
เมื่อถามว่าแสดงว่าไปจริงใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า“ครับ ผมเป็นคนชวนนายเนวินไปเอง จบนะ ไม่ต้องถามอะไรต่อ เพราะการกินข้าวเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องภายใน เบิร์ธเดย์บอย” เมื่อถามว่านายทักษิณอวยพรวันเกิดอะไรให้นายเนวินหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า“ท่านใจดี ท่านให้เสื้อแจ็คเก็ตหนึ่งตัว ผมยังไม่ได้เลย”
ไม่เคยโกรธ/ปัดมันจบแล้วครับนาย
เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนายเนวินกับนายทักษิณกลับมาชื่นมื่นแล้วหรือใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า“มันไม่ได้โกรธอะไรกันเลย ไอ้เรื่องที่บอกว่าโกรธ มันจบแล้วครับนาย ใครก็ไม่รู้ ไปพูด ผมอยู่มาตั้ง 10กว่าปีไม่เคยได้ยินคำนี้ ไกลเกินไป กล้าพูดหรือถามจริง กับคนที่เป็นเจ้านายเรา มันจบแล้วครับนาย มันไม่มีหรอก ก็พูดมาไม่รู้กี่ที ก็ยังเอาคำนี้ มันไม่มีอะไรหรอก”
เมื่อถามว่าบรรยากาศวันที่กินข้าวแฮปปี้กันหมดใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ”ถ้าไม่แฮปปี้ ไม่มั่นใจก็คงไม่ชวนเพราะคนที่ชวนคือผม”เมื่อถามได้พูดคุยเรื่องตำแหน่งอะไรหรือไม่นายอนุทินตอบว่าไม่เอาไม่คุยเรื่องนี้
เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า“คุยได้อย่างไร คนแก้ไขคือพวกผมที่นั่งอยู่ใน ครม.ต้องคุยกับนายกฯ คุยกับสภาฯ”
ลั่นขอทำงานหนุน‘อิ๊งค์’ให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า มีการจับตาว่าอาจจะมีนายกฯ คนละครึ่งกับทางพรรคเพื่อไทย นายอนุทิน กล่าวว่า คนละครึ่ง หมดไปตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯแล้ว ตนตั้งใจทำงานรับใช้สนองงานนายกฯ แพทองธาร ให้ดีที่สุด นายกฯกับตนรู้จักกันมา นายกฯเรียกว่าอา ทุกคำจนถึงเดี๋ยวนี้ จนต้องไปขอว่า อย่าเรียกว่าอาหนู มันไม่ได้แล้ว ซึ่งเดี๋ยวนี้ นายกฯ เรียกตนว่า ท่านรองฯ อนุทิน ไว้คุณเป็นอา เป็นน้าคนก่อน จะเข้าใจความรู้สึกเองว่า เวลาคนเรียกเราอา เรียกเราน้า เรามีหน้าที่ต้องตอบสนองอะไรเขาบ้าง
ปัดนายกคนละครึ่ง-ตั้งใจให้รบ.อยู่ยาว
เมื่อถามว่า แสดงว่ากระแสข่าวเป็นนายกฯ คนละครึ่งไม่จริงใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า“มันไม่ใช่ไม่จริง แต่มันมีไม่ได้เลย นี่มันรัฐบาลนะ ไม่ใช่การหุ้นกัน แล้วแบ่งกันคละครึ่ง คนละครึ่งเสี้ยว มันไม่ใช่ วันนี้ตนและพรรคภูมิใจไทยตั้งใจเต็มที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดนี้สร้างประโยชน์ให้กับบ้านเมืองและประชาชนให้ยาวที่สุด”
เมื่อถามว่าแต่วันนั้นนายเนวินก็อวยพรให้เป็นนายกฯนายอนุทินกล่าวว่าแล้วจะให้อวยพรให้ไปเป็นผู้จัดการฟุตบอลบุรีรัมย์หรืออย่างไร ใครก็อวยพรอย่างนั้นแหละมีคนอวยพรตนมาเป็น 10ปีไม่เห็นจะได้ซักทีเลย เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวเปลี่ยนตัวนายกฯนายอนุทิน กล่าวว่า “ไม่มีครับ ยังไงก็ไม่ใช่ผม”
ในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นายอนุทิน กล่าวว่า“จบแล้วนะ ไม่ถามแล้วนะ ผมรอให้นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ผู้ดำเนินรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซต์ไทยแลนด์ พูดให้จบก่อน”เมื่อถามว่า วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาหนีไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทำไม นายอนุทินกล่าวว่าไม่ได้หนี แกล้ง
เชื่อตั้ง‘ณัฐวุฒิ’‘กุนซือ’ช่วยงานสื่อสาร
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีว่า นายณัฐวุฒิเคยอยู่กับพรรคเพื่อไทยช่วงเวลาหนึ่ง เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ การได้มาช่วยงานนายกฯถือเป็นเรื่องดี โดยเฉพาะการสื่อสารด้านการเมือง จึงคิดว่าน่าจะทำประโยชน์ได้หลายอย่าง เป็นเรื่องธรรมดาที่นายกฯสามารถดึงคนที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมทีมได้ ยังมีอดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่นายณัฐวุฒิเพียงคนเดียว ถือว่าเป็นการช่วยกันทำงานด้านการสื่อสารไปถึงประชาชน แต่ตนยังไม่ทราบว่านายกฯจะให้นายณัฐวุฒิช่วยงานด้านไหนเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่า ขณะนี้กระแสม็อบกำลังมา คาดว่าจะให้นายณัฐวุฒิมาช่วยงานด้านนี้หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า อาจจะเป็นส่วนหนึ่งก็ได้ แต่ปกติมี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ดูแลอยู่ เมื่อถามว่า การแต่งตั้งนายณัฐวุฒิมาทำงานจะมีการรวบรวมมวลชนมาเชียร์รัฐบาลด้วยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า จุดมุ่งหมายหลักคงเน้นที่การทำงานช่วยเหลือประชาชนมากกว่า และการสื่อสารเกี่ยวกับผลงานรัฐบาล รวมถึงสิ่งที่สังคมไม่เข้าใจรัฐบาล
‘เรืองไกร’จี้กกต.สอบ‘อิ๊งค์’ตั้ง2กุนซือ
วันเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่าวันนี้ตนส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMSเพื่อขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)รีบทำการตรวจสอบตามหน้าที่และอำนาจว่าการแต่งตั้งนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 319/2567 ลงวันที่ 16 กันยายน2567 และการแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 348/2567 ลงวันที่ 4 ตุลาคม2567นั้น จะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170วรรคหนึ่ง(4)ประกอบมาตรา160(4) และ(5) หรือไม่
ส่อทำพ้นตำแหน่งซ้ำรอย‘เศรษฐา’
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่าตามแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 21/2567 วันที่ 14 สิงหาคม2567 เป็นกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะนายกรัฐมนตรี ถูกศาลวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ในฐานะนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5)
“กรณีของนายเศรษฐาต้องพ้นจากตำแหน่งมีมูลเหตุจากการตั้งบุคคลเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่บุคคลนั้นเคยถูกศาลมีคำสั่งลงโทษจำคุกมานานแล้ว กรณีดังกล่าวจึงเป็นการวินิจฉัยในทำนองที่ว่าการที่นายกรัฐมนตรีไปตั้งคนที่มีลักษณะเคยต้องโทษจำคุกดังกล่าวจึงถือว่านายกรัฐมนตรีมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง”นายเรืองไกร ระบุ
เหตุทั้ง2ถูกพิพากษาจำคุกมาก่อน
นายเรืองไกร กล่าวว่าเมื่อนำแนวคำวินิจฉัยมาเทียบเคียงกับกรณีที่น.ส.แพทองธาร ออกคำสั่งแต่งตั้งนายสุรพงษ์ ซึ่งเคยต้องคำพิพากษาศาลฎีกาให้ลงโทษจำคุกมาแล้วและกรณีออกคำสั่งแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ซึ่งเคยต้องคำพิพากษาศาลฎีกาให้ลงโทษจำคุกมาแล้วเช่นกัน กรณี จึงน่าจะเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา170วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)ตามมาได้ ตนจึงมีเหตุอันควรขอให้กกต.รีบทำการตรวจสอบต่อไปโดยด่วน
ชี้มีมูลให้ส่งศาลรธน.วินิจฉัยโดยเร็ว
“หาก กกต ตรวจสอบแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องมีมูล ขอให้ กกต.รีบส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยโดยเร็ว ตามความในมาตรา 170 วรรคสาม พร้อมทั้งมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ตามความในมาตรา 82 วรรคสอง ด้วย”นายเรืองไกร กล่าวย้ำทิ้งท้าย
‘ไพบูลย์’ชี้10ต.ค.รู้แน่จุดจบพรรคใกญ่
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่าตามที่ได้แจ้งว่าวันที่ 10 ต.ค.นี้จะมีเหตุการณ์ที่นำไปสู่การล่มสลายพรรคแกนนำรัฐบาล จะรู้แน่และตอนนี้ได้รับการยืนยันว่าวันที่ 10 ต.ค.รู้แน่นอน ขณะนี้เหลือเวลาอีก 2วัน น่าจะไม่ถึง 48ชั่วโมง จะมีการดำเนินการจากจุดเริ่มต้นและนำไปสู่จุดจบทำให้แกนนำรัฐบาลพรรคหนึ่ง อาจถึงขั้นล่มสลายได้ ส่วนจะเป็นเรื่องใด เกี่ยวกับอะไร ที่ไหน จะแจ้งให้สื่อมวลชนรับทราบ ในเวลา 07.00น.วันที่ 10 ต.ค.นี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจุดที่จะนำไปสู่การล่มสลายเกี่ยวกับข้อกฎหมายหรือไม่นายไพบูลย์เดินหันหลังหนีโดยไม่ตอบคำถามดังกล่าว
จับตารัฐบาล’อิ๊งค์’อายุสั้นกว่า’เศรษฐา’
ด้านนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพปชร.กล่าวว่า เหตุการณ์ที่จับตามองในวันที่ 10 ต.ค.นี้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพรรคเพื่อไทย กูรูการเมืองทุกสำนัก พูดตรงกันว่า รัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร น่าจะอายุสั้นกว่ารัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นเรื่องจริง ล่าสุด นายกฯ ยังออกมาพูดว่าประเทศโดฮา ทั้งที่จริงแล้วคือประเทศกาตาร์ เมืองหลวงกรุงโดฮา และยังมีความพยายามที่จะมีบทบาทในหลายเรื่อง แต่ประชาชนสิ้นหวัง
ส่วนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 10 ต.ค.ขอให้ทุกคนรอดู แม้การยุบพรรคเพื่อไทย อาจจะถือเป็นเรื่องปกติและหยิบขึ้นมาเป็นเงื่อนไขได้ทุกคดี ส่วนที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทยไปร้องเรียนกับองค์กรอิสระแล้วมากระทบกับพรรคการเมืองอื่นนั้น ต้องอย่าลืมว่ามีอีกหลายคดีที่ทำให้ยุบพรรคเพื่อไทยได้
”นฤมล“อุบตอบ2สส.ย้ายซบกล้าธรรม
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงกรณีสส.จาก2พรรคเล็กย้ายเข้าสังกัดพรรค ได้แก่นาย เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ และนายกฤดิทัช แสงธนโยธิน ว่า ต้องรอขั้นตอนที่ต้องไปรายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎร ถึงการเปลี่ยนแปลงสังกัดพรรค มีความชัดเจนอย่างไรจะบอกกับสื่อมวลชน อีกครั้ง ซึ่งก็เป็นอย่างที่ข่าวออกมา เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะมีสส. จากพรรคอื่นทยอยเข้ามาร่วมพรรคอีกหรือไม่ นางนฤมล บอกว่ายังตอบไม่ได้ขอให้รอติดตามตอนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี