โวแฉแหลกปมร้อนยุบพรรคเพื่อไทย
‘ไพบูลย์’ตีปบ10ต.ค.
อ้างมี‘มือดี’ป้อนข้อมูลเด็ด
พท.ไร้กังวล-รบ.ทำงานต่อ
‘เทพไท’ชี้‘เนวิน’พบ‘แม้ว’
หารือปมเปลี่ยนตัวนายกฯ
“ไพบูลย์”ยังอุบเงียบไม่ยอมฉายหนังตัวอย่าง จุดเริ่มต้นสู่จุดจบพรรคแกนนำรัฐบาล ย้ำรู้พร้อมกันทั่วประเทศ 7 โมงเช้า 10 ตุลาคมนี้
ด้าน “สมคิด”ขำ ปูดข่าวจุดจบเพื่อไทยไม่มีอะไร ตื่นมาทำงานเหมือนเดิม จวกเป็นถึงเลขาฯพรรค สร้างข่าวเอาสะใจ ลั่นอยากเป็นนายกฯหาเสียงเลือกตั้งให้ได้เกินครึ่ง แล้วมาสู้กันในสภาฯ ‘เทพไท’ชี้ข่าวลือคือข่าวจริง’เนวิน’ดอดพบ’ทักษิณ’ จองคิวนายกฯให้’อนุทิน’
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม2567 นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดถึงหมัดเด็ดที่จะปล่อยและจะมีผลถึงจุบจบพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยย้ำว่า จะมีคนส่งข้อมูลมาให้วันที่ 10ตุลาคมนี้และจะเปิดเผยต่อสื่อมวลชนทันที โดยไม่ได้เป็นผู้ทำเรื่องดังกล่าวเอง แต่มีคนส่งมาให้ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นที่น่าจะนำไปสู่จุดจบของพรรคเพื่อไทย ส่วนจะเป็นการฉายหนังเก่าหรือไม่ นายไพบูลย์ ย้ำว่า เดี๋ยวก็รู้ ขอให้ผู้สื่อข่าวรอพูดคุยรายละเอียดวันที่ 10ตุลาคมนี้
พปชร.ลั่น10ต.ค.เพื่อไทยหนาวแน่
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เตรียมแฉข้อมูลที่จะสะเทือนพรรคเพื่อไทย (พท.) ในวันพรุ่งนี้ ว่า ต้องให้เกียรตินายไพบูลย์ แต่มีแน่นอน และไม่มีว่าไม่เซอร์ไพรส์ ซึ่งจะเป็นเหตุที่จะสะเทือนการเมืองแน่นอน เมื่อถามว่า เปิดมาจะไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ นายสามารถ กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ เปิดแน่นอน ไม่มีไม่เปิด และไม่ใช่หนังเก่า เพราะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เคยถูกล้ม
เชื่อ’เนวิน’พบ’แม้ว’ถกเปลี่ยนนายกฯ
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยเริ่มออกมานั่งขำแล้ว กับสิ่งที่จะเปิดเผย นายสามารถ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ถ้าจะขำก็ตั้งรับให้ดี วันนี้ตนตามหา หายไปไหนล่ะ เมื่อถามว่า การเล่นการเมืองแบบนี้ จะทำให้ประชาชนเบื่อหรือไม่ นายสามารถ ระบุว่า การเล่นการเมืองตรวจสอบคนอื่น แต่ไม่ตรวจสอบตัวเอง แบบนี้น่าเบื่อมากกว่า และคนไทยเสียโอกาส เมื่อถามว่า ข้อมูลที่เปิดจะเด็ดหัวผู้นำจิตวิญญาณได้หรือไม่ นายสามารถ กล่าวว่า โดยบริบททางการเมือง ต้องดูรอบๆ การที่ นายทักษิณ กินข้าวกับ นายเนวิน อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องอวยพรวันเกิด เราต้องดูบริบท ไม่มีหรอก นายกฯคนละครึ่ง มีแต่เปลี่ยนนายกฯ ในมุมของตน
“การเปลี่ยนนายกฯ มีความเป็นไปได้ แต่นายกฯ ไม่มี 31/1 31/2 แต่ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนนายกฯ มีความเป็นไปได้ แล้วผมรู้สึกว่าลุงป้อมช่วงนี้ แข็งแรงผิดปกติ” นายสามารถ กล่าว เมื่อถามว่า แนวร่วมของลุงป้อมยังมีอยู่ใช่หรือไม่ นายสามารถ กล่าวว่า ชาวบ้านไปแรงบันดาลใจให้ลุงป้อม และล่าสุดที่ไปกราบหลวงปู่ศิลา ก็ได้รับคำอวยพรที่เป็นมงคล และตราบใดที่ลุงยังไม่ลาออก แสดงว่าอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า ลุงป้อมแข็งแรงแล้ว ยังมาประชุมสภาฯ หรือไม่ นายสามารถ ตอบว่า ลุงป้อมเป็นฝ่ายค้าน วันพุธที่แล้วก็มา แต่เราไม่เห็น และการที่ลุงป้อมจะมาหรือไม่มาถือว่าเป็นสิทธิ์ แต่หากผิดข้อบังคับ ก็ต้องถูกดำเนินการตามระเบียบ ผู้สื่อข่าวถึงถามว่า ประชาชนอยากเห็นลุงป้อมในสภา นายสามารถ ตอบทันทีว่า ถ้าอยากเห็นลุงป้อมในสภา ก็ต้องเลือกท่านเป็นนายกฯ เพราะหากเป็นนายกฯ ก็ต้องมาอยู่แล้ว
‘สมคิด’ขำ’ปูดจุดจบ’พท.’ไม่มีอะไร
ด้าน นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์ตอบโต้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.ที่ให้จับตา เวลา 07.00น.วันที่ 10ตุลาคม จะเป็นจุดเริ่มต้นให้รัฐบาลอาจถึงขั้นล่มสลายว่า พรรคเพท.ทุกคนไม่ได้กังวลเรื่องนี้และไม่มีความวิตกกังวลถึงประเด็นดังกล่าว แถมขำด้วยซ้ำ ที่บอกว่าจะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีและยุบพรรคพท.ตนมองว่าไม่มีเหตุอะไรที่จะทำให้เกิดเรื่องนี้ การให้ข่าวดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนมากว่า เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าจะมีปัจจัยอะไรที่จะเป็นเหตุให้ยุบพรรคพท.นายสมคิด กล่าวว่า หากจะยุบพรรคพท.ก็เห็นมีการยื่นมาหลายเรื่องแล้ว ซึ่งหากจะยุบพรรคจริง ทุกอย่างมีกระบวนการ ซึ่งเราไม่ได้กังวลว่า จะถูกยุบ เพราะมีประสบการณ์เรื่องนี้อยู่
เปลี่ยนตัวนายกฯต้องทำในสภาฯ
ส่วนที่มีการบอกว่า อาจถึงขั้นมีการเปลี่ยนตัวนายกฯและเป็นนายกฯ คนนอก โดยเฉพาะมีชื่ออดีตผู้ว่าการธนาคารแแห่งประเทศไทย หรือ ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติด้วยนั้น นายสมคิด กล่าวว่า ตนอยากให้มาเล่นกันในกระบวนการของสภาฯ ดีกว่า เพราะสภาฯ จะเป็นผู้กำหนด นายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกเลือกโดยสภาฯ แล้วจะมาเลือกจากคนนอกได้อย่างไร ตนไม่เชื่อหรอก เพราะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 ยังมีอยู่ ทั้งนายชัยเกษม นิติสิริ, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคภูมิใจไทย ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันเป็นองคมนตรี ซึ่งหากจะเปลี่ยนตัวนายกฯ หรืออะไรก็ตาม ก็ต้องอยู่ในกระบวนการ ดังนั้นตนไม่อยากให้ประชาชนเกิดความสับสน ขณะนี้รัฐบาลยังเดินหน้าเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังทำงานเหมือนเดิม
หาสียงให้ได้เกินครึ่งค่อยนั่งนายกฯ
“ข่าวบางข่าวก็สร้างเอามันเข้าว่า เอาความสะใจเข้าว่า ผมไม่อยากให้คนในระดับเลขาธิการพรรค มาพูดแบบนี้ เราจะเล่นอะไรอยากให้อยู่ในกระบวนการสภาฯ ดีที่สุด ถ้าท่านหรือใครอยากเป็นนายกฯ ก็ต้องหาเสียงให้เกินครึ่ง มาล้มกัน มาว่ากันในสภาฯ ทุกอย่างต้องเอาสภาฯ เป็นตัวตั้ง อย่าเพลิน เล่นกันเพลิน เดี๋ยวจะไม่มีสภาฯ ให้เล่น ต้องเอาสภาฯ เป็นหลัก ใครได้เยอะก็ว่ากันตรงนั้น แต่วันนี้ยังไม่มีเหตุอะไรต้องเปลี่ยนนายกฯ ” นายสมคิด กล่าว เมื่อถามต่อว่า มองว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังมีความหวังที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่า ที่ นายไพบูลย์ ออกมาพูดนั้นจะสื่อว่าต้องการให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกหรือไม่ แต่วันนี้ยังมีสภาฯอยู่และนายกฯแพทองธาร เพิ่งทำงานได้เดือนกว่า แล้วจะเอาอะไรอีก การจะยุบพรรคหรือไม่ตามที่มีการร้องนั้น มันยังอีกยาว เดี๋ยวค่อยว่ากัน หลายพรรคก็โดนแบบนี้ รัฐบาลโดนร้องหลายประเด็น จนบางครั้งผู้ร้องยังจำไม่ได้ว่า ร้องเรื่องอะไรบ้างและไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ตัดสิน จะตัดสินตรงไหน ดังนั้นต้องใช้เวลา
วอนอย่าตื่นเต้น-รบ.ทำงานตามเดิม
“ขอประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนกตกใจว่า พรุ่งนี้ 07.00น.มันจะมีอันเป็นไป ผมว่ามันไม่มีหรอกครับ พรุ่งนี้ตื่นมากินกาแฟ มาทำงานเหมือนเดิม ไม่มีปัญหา” นายสมคิด กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคพลังประชารัฐอาจไม่ได้หวังให้พล.อ.ประวิตร ได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ แต่อาจจะหวังแค่ล้มรัฐบาลหรือล้มพรรคเพื่อไทยได้เท่านั้น นายสมคิด กล่าวว่า ล้มแล้วยังไง จะไปอย่างไรเพราะเป็นการยกมือในสภาฯ เป็นหลัก ยังไงเราก็เยอะกว่า เมื่อถามว่า เป็นการทำให้ระส่ำได้หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ถ้าคิดว่าจะทำให้เราระส่ำ ตนว่ามันไม่มีประโยชน์ เพราะจะทำให้ประชาชนสับสน เรื่องนี้ตนคุยกับรัฐมนตรีหลายคนต่างก็บอกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร และเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้กังวลใจใด ๆ มีแต่ห่วงม็อบขอให้ตนได้คุย และเคลียร์กับม็อบให้รู้เรื่อง ตอนก็ยังไม่รู้ว่าจะคุยยังไงเพราะปกติก็คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ก็ปล่อยให้เขาอยู่ไป
มอง’เต้น’เหมาะงานไกล่เกลี่ยม็อบ
นายสมคิด ยังกล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้ามาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ช่วยให้คำปรึกษาด้านการเมือง โดยอาจจะให้ช่วยประสานกับทางกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยว่า ยังไม่ได้คุยกันว่า นายณัฐวุฒิ จะมาช่วยตน ดูแลม็อบหรือไม่ ต้องรอให้นายกฯ กลับมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวก่อน”มาช่วยไกล่เกลี่ยม็อบก็ดี เพราะนายณัฐวุฒิ เป็นม็อบเก่า ถือเป็นมือโปรในเรื่องนี้ ก็ต้องให้ดูแล ไปคุยกับม็อบ”นายสมคิด กล่าว เมื่อถามว่า เหมือนจะเป็นการจัดวางให้นายณัฐวุฒิ ชน กับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งเป็นเพื่อนเก่ากันตั้งแต่ในยุค นปช.หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ก็คุยกันได้ ก็เพื่อน ๆ กันทั้งนั้น
‘พายัพ’สอนอย่าทำตัวคนอกหักรักคุด
ขณะที่ นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม) กล่าวถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประกาพศนัดหมายชักชวนให้ประชาชนออกมาชุมนุมเพื่อต่อต้านรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ว่า เรื่องนี้ที่จริงไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย เพราะทั้งสองคนเป็นขาประจำที่โจมตีพรรคเพื่อไทย (พท.) และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด แต่เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะสามารถแยกแยะได้ว่าใครทำเพื่อประโยชน์ประชาชน ใครแสงเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
ขอให้ใจเย็น-แก้ปัญหาให้ปชช.ก่อน
“ผมเคยเป็นแกนนำมวลชนมาก่อน ต้องรู้ว่าสถานการณ์ไหนจุดติดจุดไม่ติด ครั้งนี้ขาประจำตัวพ่อทั้งคู่หยิบเอาเรื่องแต่งตั้งตัวบุคคลหรือนโยบายรัฐบาลมาเป็นเชื้อไฟปลุกระดม แต่ก็ยังผิดเวลาไปมาก เหมือนคนอ่านอารมณ์ประชาชนไม่ออก อ่านการเมืองไม่ขาด นี่ไม่ใช่การดูแคลน แต่เราก็เคยทำงานมวลชนมาด้วยกันทั้งนั้น วันนี้พี่น้องประชาชนลำบากยากแค้นและเพิ่งมีหวังกับรัฐบาลใหม่ที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และปัญหาภัยธรรมชาติที่พี่น้องประชาชนจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติสุข แต่คนพวกนี้มาปลุกระดมเพื่อขับไล่ โดยผู้คนในสังคมต่างตั้งข้อสังเกตเคลือบแคลงสงสัยในวาระซ่อนเร้นส่วนตัว ผมเชื่อว่าทั้งสองคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางจุดติด แต่ก็พยายามดันทุรัง ยิ่งตอกย้ำว่าวาระที่ถูกซ่อนเร้นอยู่คืออะไร อยากแนะนำคุณสนธิ และคุณจตุพร ให้ใจเย็นๆ เห็นแก่บ้านเห็นแก่เมือง เห็นแก่พี่น้องประชาชน ดีกว่าเอาอารมณ์และความต้องการส่วนตัว ทำตัวเป็นคนอกหักรักคุด มุดน้ำดำดินไปเรื่อยเปื่อย โดยไม่ดูสถานการณ์ของประเทศและพี่น้องประชาชนในภาพรวม” นายพายัพ กล่าว
‘อนุสรณ์’ชี้’เนวิน’พบ’แม้ว’เรื่องดี
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยอมรับว่าพา นายเนวิน ชิดชอบ ไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่บ้านจันทร์ส่องหล้าจริง ว่า นายทักษิณ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีความรักความห่วงใยในประเทศชาติและประชาชน การดำเนินการใดๆของนายทักษิณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย การนัดหมายพบปะพูดคุยกับผู้ใดเชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง จากกรณีนี้จะเป็นตัวอย่างที่ทุกฝ่ายเห็นชัด ว่า หากยึดเอาประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นหลักสำคัญ หากจะมีความไม่เข้าใจกัน หรือ มีความเห็นต่างในอดีต ไม่ใช่ปัญหาที่จะก้าวข้ามไม่ได้ ทุกฝ่ายสามารถหันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองไปด้วยกัน
‘ไพบูลย์’มีสิทธิ์ฝัน-อย่าทำปท.เสียหาย
ส่วนกรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.ที่แถลงว่า วันที่ 10 ต.ค. จะมีเหตุการณ์ที่นำไปสู่การล่มสลายพรรคแกนนำรัฐบาล นั้น ก็ต้องเคารพในสิทธิที่จะคิดจะฝันหรือดำเนินการอะไรของนายไพบูลย์ แต่สถานการณ์วันนี้ประชาชนต้องการเห็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เดินหน้าพาประเทศพุ่งทะยานไปข้างหน้า ประเทศไทยเสียโอกาส เสียเวลามามากแล้ว เงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ กำลังทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกแรก และจะส่งแรงกระแทกไปสู่ทุกบริบทในมิติทางเศรษฐกิจของประเทศ ในอดีตมีพรรคการเมืองเคยชูนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง พอพี่น้องประชาชนจะก้าวข้าม อย่าดึงให้จมอยู่กับความขัดแย้งอีกเลย วันนี้พี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบาง กำลังจะได้ลืมตาอ้าปาก อย่าให้โทสะ โมหะ บังตา จนทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสอีกเลย อีก3ปี ก็เลือกตั้งใหม่แล้ว ทุกฝ่ายควรช่วยกันประคับประคอง ให้ประเทศไทยได้เดินหน้า ให้เวลานายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ มีสมาธิในการทำงานหนักเพื่อประเทศชาติและประชาชน
‘เทพไท’ชี้’เนวิน’คุย’แม้ว’มุ่งการเมือง
ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก”เทพไท-คุยการเมือง” ระบุว่า ข่าวลือคือข่าวจริงมาก่อนเวลา เนวิน พบ ทักษิณ จองคิวนายกฯให้อนุทิน จากกระแสข่าวลือว่า นายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย ได้พบกับ นายทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ แห่งพรรคเพื่อไทยที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและได้สอบถามข้อเท็จจริงจาก นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้รับคำตอบว่า ไร้สาระ รวมถึงการปฏิเสธข่าวนี้จาก นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จนถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ออกมาปฏิเสธว่า ต้องถามนายทักษิณผู้เป็นพ่อก่อน แต่ในที่สุด นายอนุทิน ได้ยอมรับความจริงกับสื่อมวลชนว่า เป็นผู้นำนายเนวินไปพบกับนายทักษิณ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าจริง เป็นเพียงการไปกินข้าว แฮปปี้เบิร์ธเดย์กัน ไม่ได้พูดคุยประเด็นการเมืองแต่อย่างใด และปฏิเสธกระแสข่าวเรื่องนายกฯคนละครึ่ง
“ผมเห็นว่า การออกมาปฏิเสธข่าวของ นายอนุทิน เป็นเรื่องปกติต้องรักษามารยาทของวงสนทนา และปฎิเสธกระแสการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่ในความเป็นจริงเมื่อนักการเมืองพบกันคุยกัน ถ้าจะไม่คุยเรื่องการเมืองกันก็แปลกประหลาด ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าหากจะไม่คุยการเมืองกัน เพียงแต่จะคุยในเรื่องใด และจะออกมาเป็นประเด็นข่าวหรือไม่เท่านั้น จะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ” นายเทพไท กล่าว
เชื่อขอจองเก้าอี้นายกฯให้’อนุทิน’
ในสถานการณ์เช่นนี้เชื่อว่า น่าจะมีการคุยเรื่องประเด็นทางการเมืองที่นายทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองและเป็นผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดนี้ ในขณะเดียวกันนายเนวิน ก็คือครูใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย มีอำนาจต่อรองทางการเมืองสูง โดยเฉพาะการมีสมาชิกวุฒิสภาที่อยู่ในสายสีน้ำเงิน จำนวน 150 คน ซึ่งมีอำนาจต่อรองและเป็นตัวแปรทางการเมืองได้มากมาย ไม่ว่าในเรื่องการออกกฏหมาย หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องพูดคุยแชร์อำนาจทางการเมืองกัน การที่ นายเนวิน บอกให้หมอประกำช้างผูกข้อมือให้ นายอนุทิน เป็นนายกฯในงานวันเกิด เป็นการส่งสัญญาณถึง นายทักษิณ ว่า ถ้า น.ส.แพทองธารเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หรือมีอันเป็นไปก่อนครบวาระ ตำแหน่งนายกฯคนต่อไป ต้องเป็น นายอนุทินเท่านั้น สำหรับประเทศไทย ข่าวลือออกมามักเป็นข่าวจริงเสมอ เพราะข่าวลือคือ ข่าวจริงที่มาก่อนเวลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี