"พิธา"สบช่องยกปม"ธีรยุทธ"ยื่นศาล รธน.ฟัน"ทักษิณ-เพื่อไทย"คดีล้มล้าง ถึงเวลาที่ทุกพรรคต้องร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่าให้มองเป็นเรื่องปกติเหมือนการ"ปฏิวัติ" 12 ครั้งที่ผ่านมา ย้ำขอให้"ก้าวไกล"เป็นพรรคสุดท้าย
10 ต.ต.67 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 คงเป็นการยืนยันว่าทุกพรรคการเมืองควรช่วยกันร่วมแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องจริยธรรม เพราะจริยธรรมเป็นเรื่องดี ในสังคมควรจะมี แต่ไม่ควรใช้เป็นอาวุธในการทำลายล้างกัน การจะร้องอะไร ก็ควรจะมีโทษที่ได้สัดส่วนกับการร้อง ซึ่งสิ่งที่สังคมร่วมกันจรรโลง คือ การเห็นว่าจริยธรรมอันไหนเหมาะหรือไม่เหมาะ ไม่ควรใช้เป็นลงโทษหรือตัดสิทธิ์ทางการเมือง นี่น่าจะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้นักการเมืองทุกพรรคร่วมกันพูดคุยเรื่องนี้ได้ว่า ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แล้ว
เมื่อถามว่า จะให้กำลังใจอย่างไรกับพรรคเพื่อไทยบ้าง นายพิธา กล่าวว่า ยังยืนยันคำเดิมว่า ขอให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคสุดท้ายที่เจออะไรแบบนี้ ขอให้การกระทำแบบนี้ ถ้าเลิกไปเลยได้ก็ดี แต่หากจะให้มีอะไรแบบนี้ โทษที่ได้ต้องได้สัดส่วน ไม่ใช่ปลดนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนเลือกมา หรือยุบพรรคที่ประชาชนตั้งกันมา มันไม่ควรมีอีกแล้วในการเมืองไทย การล้มล้างการปกครองในประเทศไทยมีเพียงอย่างเดียวคือการรัฐประหาร ซึ่งตนก็ไม่อยากเห็นพรรคเพื่อไทยถูกยุบ
เมื่อถามว่าการยื่นคำร้องนายธีรยุทธ จะเสมือนเป็นการเปิดหน้าว่า ใครอยู่เบื้องหลังในการยุบพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ นายพิธา ระบุไม่ได้ใส่ใจถึงเรื่องนั้น แต่คิดว่าเป็นกระบวนการที่ไม่น่าเสียเวลา และเสียสมาธิ ซึ่งนางสาวแพทองธารก็ต้องมีสมาธิในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ไม่ควรมาเสียเวลากับเรื่องอะไรแบบนี้
ถามว่า มีความเห็นอย่างไร ที่ข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครองไม่ใช่พรรคก้าวไกลพรรคเดียวที่โดน นายพิธา กล่าวว่า ความอปกติในระบอบประชาธิปไตย จะกลายเป็นความปกติไป เหมือนที่มีการทำรัฐประหาร 12 ครั้งในประเทศไทย แล้วรู้สึกว่ามันปกติ พอมีกระบวนการเช่นนี้ ทุกคนก็จะคาดเดาว่า แย่แน่นอน แต่ไม่ควรจะมีใครต้องเสียสมาธิในเรื่องแบบนี้ ควรนำสมาธินั้นมาทำนโยบายแข่งขันกัน เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด
นายพิธา ยังกล่าวถึงกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และนายอนุทิน ชาณวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เข้าไปรับประทานอาหารที่บ้านจันทร์ส่องหล้าว่า ไม่ทราบเรื่องส่วนตัว ว่าคุยอะไรกัน การเมืองภาพใหญ่ประชาชนควรเป็นส่วนสำคัญในการที่จะคิดอะไร มีคนมาเล่าให้ฟังอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่จุดสำคัญที่จะต้องมาคอยโฟกัส เราควรโฟกัสในสิ่งที่เราควบคุมได้จะดีกว่า แต่หากอยากจะฝากบอกอะไรพรรคประชาชน ตนจะบอกว่าให้เน้นที่ประชาชนเยอะๆ
ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยงดออกในการลงมติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่….) พ.ศ. … ซึ่งวุฒิสภาแก้ไขเพิ่มเติมให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น จะสามารถสะท้อนได้หรือไม่ ว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำรัฐบาล นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ตนก็งง เพราะวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมาโหวตผ่าน แต่คราวนี้งดออกเสียง ก็ต้องกลับไปถามพรรคภูมิใจไทยว่า ต้องการที่จะส่งสัญญาณอะไรกับสังคม ไม่ว่าจะเป็นการทำประชามติ ว่ามีเหตุผลอะไร ที่ทำให้ภายในระยะเวลาเดือนกว่าๆ มีความคิดที่แตกต่างออกไป คงต้องฝากไปถามพรรคภูมิใจไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี