ร้องศาลรธน.สั่งเลิกล้มล้างการปกครอง
‘ทักษิณ-เพื่อไทย’ผวา
แจง6พฤติการณ์เข้าข่าย
หวั่นเป็นมหันตภัยใหญ่
พท.ไม่กังวล-ไม่ให้ราคา
อ้าง‘นายใหญ่’ไม่เคยสั่งการ
“ทักษิณ-เพื่อไทย”หนาว!“ธีรยุทธ”มือยุบ“ก้าวไกล”ร้องศาลรธน.สั่ง“ทักษิณ-เพื่อไทย”เลิกการกระทำล้มล้างการปกครองเลิกใช้พท.เป็นเครื่องมือหาประโยชน์ยก6พฤติการณ์เข้าข่ายเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯหวั่นปล่อยไปจะเป็นมหันตภัยที่ไม่อาจต้านทานได้ ปัดเป็นมือปืนรับจ้าง-รับเคยปรึกษา‘ไพบูลย์’จริงด้าน‘ไพบูลย์’ปัดพปชร.อยู่เบื้องหลัง‘ธีรยุทธ’ระบุคำร้องมีน้ำหนักครบถ้วน ปมชั้น14พยานบุคคลเด็ดกว่าคลิป‘เพื่อไทย’ทำงง‘ทักษิณ’ครอบงำ-ล้มล้างการปกครองได้อย่างไร‘วิสุทธิ์’ไร้กังวล ปม‘พท.-ทักษิณ’ถูกยื่นศาลรธน.ไม่เห็นท่านสั่งการอะไรเลยชี้รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญเย้ยแนวคิด”นายกฯคนละครึ่ง”ปัญญาอ่อน ‘ประเสริฐ’ยันพท.ไม่กังวล-ไม่หนักใจ ถูกร้องศาลรธน.ล้มล้างการปกครอง‘เด็จพี่’เชื่อ‘เพื่อไทย’แจงคดีล้มล้างการปกครองฯได้ แฉมีหลักฐาน‘ธีรยุทธ’รับงานจากใคร
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐออกมาระบุว่าเวลา 07.00น.ของวันที่ 10 ตุลาคมจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบพรรคแกนนำรัฐบาลนั้นปรากฏว่า เมื่อถึงเวลา 07.05น.นายไพบูลย์ ได้มีการแจ้งหมายข่าวสื่อมวลชนว่าวันเดียวกันนี้ เวลา 10.30 น.ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน จะเดินทางไปยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดวินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยสิ่งที่ยื่นจะประกอบด้วยคำร้อง 65 หน้า และเอกสารประกอบ อีกจำนวน 443 แผ่นรวมคำร้องและเอกสารประกอบชุดละ 508 แผ่น จำนวน 10 ชุด รวมเอกสารทั้งสิ้น 5,080 แผ่นและนายธีรยุทธจะมีการข่าวสรุปสาระสำคัญของคำร้องด้วย
‘ธีรยุทธ’ร้องศาลฯสั่ง‘ทักษิณ-พท.’
จากนั้น ในเวลา10.30น.ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความพระพุทธะอิสระได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เข้ายื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ นำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49
โดยนายธีรยุทธกล่าวว่าเมื่อวันที่ 24 กันยายน2567ตนได้ใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดแต่เมื่อครบกำหนด 15 วันแล้วคือวันที่ 9 ตุลาคม2567 อัยการสูงสุดไม่ได้ดำเนินการส่งคำร้องมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตนจึงใช้สิทธิในฐานะประชาชนมายื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้
ยก6พฤติการณ์เข้าข่ายเซาะกร่อนฯ
นายธีรยุทธ์กล่าวอีกว่าโดยมี 6 พฤติการณ์ที่เข้าข่าย คือ 1.หลังนายทักษิณ ได้รับพระราชทานอภัยโทษให้เหลือโทษจำคุก 1 ปี พบว่า นายทักษิณ ใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือในการสั่งรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราช ทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ไม่ต้องรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว โดยไปพักอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ2.นายทักษิณ มีพฤติกรรมฝักใฝ่คบหาร่วมคิดกับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา และควบคุมการบริหารของรัฐบาลผ่านพรรคเพื่อไทย โดยการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเล ในเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทยกัมพูชาในลักษณะเอื้อประโยชน์ ให้กับทางกัมพูชาทั้งที่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นอธิปไตยของประเทศไทย3.นายทักษิณ สั่งให้พรรคเพื่อไทย ร่วมมือกับพรรคประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ
หยุดครอบครองครอบงำสั่งการพท.
4.นายทักษิณ มีพฤติกรรมเป็นเจ้าของครอบครองครอบงำเป็นผู้สั่งการแทนพรรคเพื่อไทยในการเจรจากับพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล เพื่อเสนอบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลง 5.นายทักษิณ มีพฤติกรรมเป็นเจ้าของครอบงำและสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยยินยอมตามที่สั่ง 6.นายทักษิณ มีพฤติการณ์เป็นผู้ครอบงำและสั่งการให้พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนำนโยบายที่นายทักษิณได้แสดงวิสัยทัศน์ไว้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม2567 ไปเป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาในวันที่ 12 กันยายน 2567
ชี้ปล่อยไปจะเป็นมหันตภัยที่ไม่อาจต้าน
“โดยทั้ง 6 พฤติการณ์ดังกล่าวเห็นว่าเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ชำรุดทรุดโทรมเสื่อมทรามหรืออ่อนแอลง ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานไว้ในหลายคำวินิจฉัย อาทิคำวินิจฉัยสั่งให้พรรคก้าวไกลยุติการกระทำและยุบพรรคก้าวไกล ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุความเสียหายร้ายแรงกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือทำให้เรื่องดังกล่าวลุกลามขยายใหญ่ จนเป็นมหันตภัยที่ไม่อาจต้านทานได้
จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการตามรัฐธรรมนูญมาตรา49วรรคสองรวม 8 ข้อคือให้นายทักษิณ เลิกใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือในการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เลิกเป็นเจ้าของครอบครองครอบงำหรือสั่งการดำเนินการของพรรคเพื่อไทย เลิกใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือในการบริหารราชการแผ่นดิน เลิกใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือในการให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่ไม่ได้บัญญัติในรัฐธรรมนูญและให้พรรคเพื่อไทยเลิกยินยอมให้นายทักษิณใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำเหล่านี้”นายธีรยุทธระบุ
ปัดมือปืนรับจ้าง/รับปรึกษา‘ไพบูลย์’
นายธีรยุทธปฏิเสธว่าการยื่นคำร้องในครั้งนี้ไม่ได้มีใครสั่งการ หรือรับงานใครมาแม้กระทั่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตนก็ไม่เคยรู้จักหรือพบหน้ากันมาก่อน แต่เกิดจากการที่ตนได้ศึกษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ข้อกฎหมายและมองเห็นถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ยอมรับว่าได้มีการไปขอคำปรึกษาจากนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐว่าสิ่งที่ตนคิดมันเป็นไปได้หรือไม่ โดยเฉพาะจากที่เห็นการยุบไทรักธรรมและพรรคก้าวไกล ซึ่งนายไพบูลย์ ก็มองว่าเป็นไปได้รวมถึงได้ปรึกษานักกฎหมายคนอื่นๆซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ก่อนที่จะยกร่างคำร้องนี้ซึ่งใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูล 2-3เดือน
“ในขณะนี้ก็ยังไม่ได้หวังผลไปถึงขั้นยุบพรรค เพียงแต่คาดหวังให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งการให้นายทักษิณและพรรคเพื่อไทยยุติการกระทำ”นายฦธีรยุทธกล่าว
ชี้ปมชั้น14ยึดรายงานสอบสวนกสม.
นายธีรยุทธกล่าวว่าในกรณีเรื่องชั้น 14โรงพยาบาลตำรวจ ตนยึดรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)เป็นหลักและได้เตรียมพยานบุคคล 3-4 คนซึ่งมีชื่อตามรายงานดังกล่าวมาให้ศาลเรียกพิจารณาเรียกตัวมาไต่สวนเพราะถือว่าเป็นพยานบริสุทธิ์ เมื่อเทียบกับคลิปเสียงหรือรูปภาพ ที่มีการเผยแพร่มาก่อนหน้านี้ เพราะถ้านำเข้ามาประกอบสำนวน หากไม่ได้รับการยินยอมก็อาจผิดกฎหมาย เมื่อถามว่า พยานบุคคลจะรวมไปถึงพล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยด้วยหรือไม่ เพราะเป็นผู้ออกมาเปิดเผยว่าเป็นผู้เข้าพบในทักษิณ นายธีรยุทธ กล่าวว่า มิอาจก้าวล่วงศาล ศาลเห็นอยู่แล้วว่าพล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ ออกมาดำเนินการอย่างไร ตนก็จะยึดตามรายงานของกสม.เป็นหลัก
ทั้งนี้ สำหรับการยื่นคำร้องของนายธีรยุทธประกอบด้วยคำร้องรวม65หน้า เอกสารประกอบคำร้องอีก 443แผ่น รวมคำร้องเอกสารประกอบชุดละ508แผ่น ทำสำเนารวม 10 ชุด รวมเป็นเอกสาร5,080แผ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายธีรยุทธคือบุคคลที่ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เลิกการแสดงความเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และร้องให้ยุบพรรคก้าวไกล รวมถึงยื่นต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการเอาผิดจริยธรรมร้ายแรงต่อ นายพิธาและ44สส.พรรคก้าวไกล
‘ไพบูลย์’ปัดพปชร.อยู่เบื้องหลัง‘ธีรยุทธ’
เวลา12.10 น.นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายธีรยุทธสุวรรณเกสร ทนายอิสระ ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยสั่งการนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและพรรคเพื่อไทยเลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา49ว่า ทั้งหมดอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ ตนไม่ขอก้าวล่วง โดยตัวนายธีรยุทธมีความมั่นใจมาก ส่วนก่อนหน้านี้ที่ตนออกมาระบุว่าวันที่10 ต.ค.จะเป็นจุดเริ่มต้นการล่มสลายของพรรคแกนนำรัฐบาลนั้น เนื่องจากตนได้พูดคุยกับนายธีรยุทธ เขาได้เล่าให้ฟังว่าได้ไปยื่นอัยการสูงสุดในเรื่องนี้ตามมาตรา 49 มาเมื่อวันที่ 24 ก.ย.67ตนจึงออกมาบอกต่อในที่ประชุมพรรคเพื่อเป็นการแจ้งข่าวซึ่งวันนี้ชัดเจนแล้วหลังจากมีผู้ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อย
และย้ำว่าที่ตนรู้ว่าเขาจะไปยื่น เพราะเรามีการพูดคุยกันตลอด เนื่องจากตนมีคดีส่วนตัวและคดีทั่วไปที่ให้เขาดูแลอยู่และยืนยันว่าการที่นายธีรยุทธไปร้องครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคพปชร.และพรรคไม่ได้อยู่เบื้องหลัง โดยนายธีรยุทธเป็นทนายอิสระ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองไหน เขายื่นในฐานะประชาชน
คำร้องมีน้ำหนักครบถ้วนสมบูรณ์
เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวว่าเท่าที่ดูคำร้องถือว่ามีน้ำหนักมากพอ ครบถ้วนสมบูรณ์ มีการดำเนินตามขั้นตอนกฎหมายถูกต้อง มีการไปยื่นอัยการสูงสุดก่อน เมื่ออัยการสูงสุดไม่ดำเนินการก็มายื่นศาลรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนประเด็นที่เขาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณานั้น ส่วนตัวมองว่ามีความครบถ้วน มีข้อเท็จจริง มีหลักฐาน ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รู้เรื่องนี้หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า นายธีรยุทธไม่เคยเจอกับ พล.อ.ประวิตร แต่ พล.อ.ประวิตร จะรู้ก็จากที่ตนได้ให้สัมภาษณ์ทั่วไปหมด ซึ่งตนพูดไปตามเท่าที่ทราบว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรต่างๆ
ปมชั้น14ย้ำพยานบุคคลเด็ดกว่าคลิป
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้หลายคนรอว่า อาจจะมีคลิปบ้านจันทร์ส่องหล้าหรือคลิปชั้น14โรงพยาบาลตำรวจ แต่สุดท้ายไม่มี นายไพบูลย์ กล่าวว่า ทราบมาว่าเขามีพยานบุคคลทั้ง 2 กรณี ทั้งบ้านจันทร์ส่องหล้าและชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีการเขียนไว้ในคำร้อง หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องก็คงมีการเชิญพยานบุคคลไปไต่สวน ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าคลิปที่ผิดกฎหมาย โดยพยานดังกล่าวเป็นผู้เห็นเหตุการณ์
‘วิสุทธิ์’ทำงงยัน‘แม้ว’สั่งการ‘เพื่อไทย’
ขณะที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานสส.พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานวิปรัฐบาลให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษรยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและพรรคเพื่อไทยเลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา49ว่าเห็นพูดกันตลอดว่านายทักษิณครอบงำพรรค ตนเป็นประธานในที่ประชุมพรรคก็ยังไม่เห็นท่านมาสั่งการเลยสักครั้ง จะถือว่าเป็นการครอบงำได้อย่างไร ยืนยันว่าไม่เคยได้รับคำสั่งการว่าต้องทำอะไร
พท.ไร้กังวล-รบ.ไม่ให้ความสำคัญเรื่องนี้
ส่วนการร้องในครั้งนี้จะเป็นหัวเชื้อเพื่อนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่นั้นนายวิสุทธิ์ ตอบว่าจะเป็นหัวเชื้ออย่างไร ตนไม่ทราบ ไม่ได้อ่านในรายละเอียด ห่วงแต่ความเดือดร้อนของประชาชน เรื่องอุทกภัย ในส่วนของรัฐบาลก็พูดคุยกันแต่เรื่องการแก้ไขปัญหาและเยียวยา ไม่ได้ให้ความสำคัญ ไม่ได้ใส่ใจ ไม่มีใครวิตกกังวลกับเรื่องดังกล่าว เพราะวิตกกังวลแต่เรื่องที่ประชาชนได้รับความยากลำบากเท่านั้น
แนวคิดนายก‘คนละครึ่ง’ซัดปัญญาอ่อน
เมื่อถามถึงการเชื่อมโยงกับกระแสข่าวที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เข้าไปรับประทานอาหารที่บ้านจันทร์ส่องหล้านายวิสุทธิ์กล่าวว่า“ท่านเนวิน และท่านอนุทินจะไปพบท่านทักษิณ ก็ไม่ได้ครอบงำพรรคผม อันนั้นพรรคภูมิใจไทย ผมไม่ทราบว่า ครอบงำพรรคภูมิใจไทยอย่างไร แต่พรรคผมไม่มี ไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย ท่านทักษิณเป็นพ่อของนายกฯที่มาจากพรรคเพื่อไทย นี่ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องมาพูดกันให้เสียเวลา” ส่วนกระแสข่าวมีการพูดคุยถึงเรื่องการแบ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนละ 2 ปี ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย นายวิสุทธิ์มองว่า“คนคิดอย่างนี้ได้ ก็ปัญญาอ่อน ลูกท่านทักษิณเป็นนายกฯ จะยกให้คนอื่นได้อย่างไร มีหลายคนโทรมาถามผมว่าเป็นไปได้อย่างไร เพราะท่านนายกฯ ก็ทำหน้าที่ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องยกให้ท่านอื่น ใครก็อยากเป็นนายกฯ บางคนก็ยังดิ้นรนอยากจะเป็น แต่เขาไม่เลือก คนที่คิดอย่างนี้ได้ มีจินตนาการเกินความคาดหมายของมนุษย์”
งงจะล้มล้างการปกครองได้อย่างไร
เมื่อถามว่ากังวลในกรณีดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากนายทักษิณเคยไปแสดงวิสัยทัศน์ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ท่านทักษิณพูดหลังจากที่นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายไปแล้ว เขาเชิญท่านไปพูดท่านก็ไป ในมุมของคนที่เคยบริหารประเทศสำเร็จมาแล้ว อะไรที่ดีก็หยิบยกออกไปใช้ได้ จะครอบงำพรรคได้อย่างไร หากจะครอบงำพรรค ก็ต้องมาสั่งที่พรรค อะไรที่ท่านเคยทำมาแล้วประสบความสำเร็จ และรัฐบาลจะนำไปสานต่อ ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่มาสั่งการ ว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มี
“ส่วนตัวไม่กังวลที่ถูกร้อง เมื่ออ่านดูจากประเด็นที่มีการแถลงข่าวใหญ่โตก็ไม่ได้มีความวิตกกังวลสักนิด ที่ถูกกล่าวหาว่าล้มล้างการปกครอง ใครจะล้มล้าง เราเป็นพรรครัฐบาล หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี จะไปล้มล้างทำไม วันนี้เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรทรงเป็นประมุข”นายวิสุทธิ์ กล่าว
‘เด็จพี่’เชื่อ‘พท.’แจงคดีล้มล้างฯได้
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญให้สั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและพรรคเพื่อไทยกรณีใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา49ว่าในฐานะที่เคยอยู่พรรคเพื่อไทยมากว่า20ปีเป็นกกบห.พรรคและสส.พรรคมาก่อน รู้ถึงดีเอ็นเอของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดีว่าคุณทักษิณ ชินวัตร มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ รวมถึงข้อบังคับและอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทยระบุเอาไว้ชัดเจนถึงการปกป้องสถาบันดังนั้นไม่มีทางที่จะไปเซาะกร่อนบ่อนทำลายอย่างที่เขากล่าวหาแน่นอน การร้องของนายธีรยุทธถือว่าเป็นสิทธิได้สามารถทำได้ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ก็อยู่ที่ดุลยพินิจศาล แต่ถ้าถึงที่สุดศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้ตนก็เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยสามารถชี้แจงได้ เขามีทีมกฎหมาย ซึ่งไม่ได้มีอะไรน่าห่วง วันนี้มีเรื่องร้องจากพวกเขามาเป็น10เรื่องดังนั้นทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยมีการเตรียมการเรื่องนี้มาโดยตลอด
แฉมีหลักฐาน‘ธีรยุทธ’รับงานใคร
อย่างไรก็ดี นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวอีกว่าการที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐออกมาเปิดประเด็นแล้วโยงไปถึงนายธีรยุทธ ผมก็มีประเด็นเหมือนกันว่านายธีรยุทธความใกล้ชิดกับใคร มาจากไหน ผมมีหลักฐานอยู่พอสมควรเดี๋ยวคงจะมีการเปิดเผยกันต่อว่านายธีรยุทธน่าจะมีค่าใช้จ่ายมาจากใคร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี