รบ.ผุดแพ็กเกจ
แอ่วเมืองเหนือ
จ่ายคนละครึ่ง
หวังกระตุ้นศก.
รมว.การท่องเที่ยวฯ ผุดแพ็กเกจ“แอ่วเหนือคนละครึ่ง” กระตุ้นเศรษฐกิจ“เชียงใหม่-เชียงราย” ปลายปีนี้
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย จ.เชียงใหม่ และเชียงรายระหว่างวันที่ 11-12 ตุลาคม โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยว ผู้ประกอบการร้านอาหาร และสถานบริการต่างๆ พร้อมรับฟังข้อเสนอและการขอรับความช่วยเหลือจากผู้ประกอบการ ซึ่งส่วนใหญ่ได้ขอให้รัฐบาลช่วยพิจารณาในเรื่องของซอฟโลน การลดภาระค่าใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ การลดภาษีโรงเรือน และการจัดแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อกระจายรายได้ให้กับคืนสู่ปกติ
นายสรวงศ์ กล่าวว่า รัฐบาลรับฟังทุกข้อเสนอและจะนำกลับไปสู่การพิจารณา เพื่อเสนอมาตรการช่วยเหลือเยียวยาให้ตรงจุดมากที่สุด สำหรับการกระตุ้นการท่องเที่ยวซึ่งเป็นกลไกหลักของการสร้างรายได้ให้กับทั้งสองจังหวัด จะมีการนำเสนอโครงการ “แอ่วเหนือ คนละครึ่ง” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้วางแผนจัดเตรียมโครงการไว้ โดยจะสนับสนุน 400 บาทจาก 800 บาท ต่อคน ต่อทริป ในจำนวน 10,000 คน ซึ่งจะเป็นโครงการนำร่องเร่งด่วน สำหรับแพ็กเกจส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ หากเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประชาชนและผู้ประกอบการได้อย่างเห็นผลชัดเจน จะขยายผลและยกระดับขึ้นไปอีก ทั้งนี้ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย ยืนยันความพร้อมที่จะเปิดจังหวัดในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ซึ่งกระทรวงท่องเที่ยวฯ และ ททท.ได้จัดทำแผนกิจกรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่น่าสนใจและตลอดในช่วงปลายปีนี้
ด้านบรรยากาศที่สะพานท่าเทียบเรือแหลมศอก อ.เมือง จ.ตราด ซึ่งมีวันหยุด ติดต่อกัน 3 วัน(วันที่ 12-14 ตุลาคม 2567)ทำให้นักท่องเที่ยวจากจังหวัดต่างๆเดินทางมาท่องเที่ยวอำเภอเกาะกูด ที่มี 2 เกาะที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยว คือ เกาะกูด และเกาะหมาก ซึ่งมีเรือโดยสาร 2 บริษัทให้บริการอยู่ คือ บริษัท บุญศิริเรือเร็ว จำกัด และบริษัท เสือดำโก จำกัด ซึ่งมีเรือรอรับบริการ 6 ลำ และมี 2 ลำที่จะเเวะส่งนักท่องเที่ยวที่เกาะหมาก ซึ่งเรอ่มเดินทางตั้งแต่เวลา 10.30 น.จนถึงเวลา 12.00 น.ทำให้บริเวณท่าเทียบเรือมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากลงเรือโดยสารทั้งสองบริษัท และยังรถโดยสาร รถส่วนตัวเดินทางมาส่งจำนวนมาก ซึ่งมีนายอภิสิทธิ ผกาหอม เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเจ้าท่าตราดดูแล,ควบคุม และอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวด้วย
นายศุภฤกษ์ บัวสระ กัปตันเรือเสื้อดำโก เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางมาท่องเที่ยวอำเภอเกาะกูดเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากช่วงนี้ เป็นช่วงการเปิดฤดูการท่องเที่ยวของจังหวัดตราดแล้ว และวันที่ 12-14 ตุลาคม 2567 เป็นช่วงหยุด 3 วันติดต่อกันทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจำนวนมาก และประกอบกับท้องฟ้าแจ่มใส และไม่มีคลื่นลมแรง ฝนน้อยจึงเป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวของเกาะกูด ซึ่งวันนี้ เรือโดยสารของเสือดำโกในช่วงครึ่งเช้าจะมีบริการ 3 เที่ยว และในช่วงบ่ายอีกหลายเที่ยว
ขณะที่นายอรรถพล กลิ่นทับ ผู้บริหารบริษัท บุญศิริเรือเร็ว จำกัด กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยว 3 วันช่วงหยุดยาว 12-14 ตุลาคม 2567 มีจำนวนกว่า 4-5 พันคน โดยวันนี้เฉพาะบุญศิริก็มีนักท่องเที่ยวถึง 700 คนแล้ว และยังมีนักท่องเที่ยวจากบริษัท เสือดำโก จำกัดอีก และอีก 2 บริษัทที่เป็นคนท้องถิ่นที่จะออกเรือในช่วงบ่ายอีก ซึ่งวันนี้วันเดียวน่าจะเกิน 1,500 คน ซึ่งหากรวมทั้ง 3 วันจะจะประมาณนั้น แต่หากจะแยกเป็นเกาะกูดกับเกาะหมาก นั้น เกาะหมากน่าจะมีราว 1 พัน เฉพาะที่ท่าเรือแหลมศอก แต่ยังไม่รวมกับเรือสปีดโบ๊ทของท่าเรือเอกชนและที่ท่าเรืออนุสรณ์สถาน อ.แหลมงอบ ซึ่งน่าจะมีอีกนับพันคน ซึ่งวันนี้ยอมรับว่า นักท่องเที่ยวสนใจมาท่องเที่ยวเกาะกูด และเกาะหมากมาก และที่พักบนเกาะกูดไม่สามารถรองรับได้แล้วในขณะนี้
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจการเดินเรือมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อนักท่องเที่ยวโดยตรงเพราะจะได้รับบริการที่หลากหลายและเลือกใช้บริการที่ดี และเหมาะสมกับตัวเองได้ดีที่สุด โดยบุญศิริก็มีการเพิ่มเรือและเพิ่มเที่ยวเรือโดยสารมากขึ้นด้วยในปี 2567นี้ ซึ่งในช่วงปลายปีจำนวนนักท่องเที่ยวจะมีมากกว่าทุกปี อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันหยุดยาววันปิยะมหาราชนักท่องเที่ยวไม่มากเนื่องจากเป็นวันหยุดที่ไม่ตรงกับวันเสาร์อาทิตย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี