กุนซือ‘อิ๊งค์’โอดโดนนักร้องเจาะยาง
ป้อง‘ทักษิณ’ไม่มีเอี่ยว
เขี่ย‘บิ๊กป้อม’พ้นครม.
ศาลรธน.แจงรัฐสภา
ยุบ‘ก้าวไกล’ไร้อคติ
“พงศ์เทพ” กุนซือใหญ่ “นายกฯอุ๊งอิ๊งค์” โอดโดนมรสุมนักร้องเพียบส่งผลให้รัฐบาลทำงานยากแล้ว “อนุสรณ์” ยัน “ทักษิณ” ไม่มีเอี่ยวเขี่ย “บิ๊กป้อม” พ้นครม.“เทพไท-อดีตกกต.สมชัย”ตามถ่างแผลข้อหาล้มล้างการปกครองมีลุ้นมัดเทวดาชั้น 14 คปท.ประกาศพร้อมลงถนนอีกยก ด้านศาลรัฐธรรมนูญ ตอบกลับสภาฯแจง‘อุดม’ตุลาการฯแสดงความเห็นหลัง ยุบ‘ก้าวไกล’ ชี้เป็นการตอบคำถามเกี่ยวกับข้อกฎหมายพรรคการเมือง ปราศจากอคติ
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์สภาผู้แทนราษฎร ได้เผยแพร่ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 ตุลาคม 2567 โดยวาระที่ 2 เรื่อง ที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม พบว่ามีวาระรับ ทราบ เรื่องที่ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรับทราบข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเกี่ยวกับการแสดงออกของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรตุลาการในเวทีสาธารณะ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ โดยประชาชนจนนำไปสู่การตั้งคำถาม ต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระเพื่อส่งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยเป็นกรณีเกี่ยวกับที่ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการแสดงความคิดเห็นในเวทีสัมมนาของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเกี่ยวกับการยุบพรรคก้าวไกลและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม
ศาลรธน.แจงสภายุบก้าวไกล
ครั้งนี้ พบว่า มีการเผยแพร่หนังสือตอบกลับจาก สำนักเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ศร.0001.1/1576 ลงนาม นายสุทธิรักษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ถึง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2567 ระบุว่า ตามที่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ส่งสรุปประเด็น และข้อเสนอแนะการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่อง ขอให้สภาฯ พิจารณาเกี่ยวกับการแสดงออกของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรตุลาการบนเวทีสาธารณะ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยประชาชนจนนำไปสู่การตั้งคำถามต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญรับทราบ หากศาลรัฐธรรมนูญได้ปฏิบัติตามข้อสังเกต และข้อเสนอแนะประการได้โปรดแจ้งให้ทราบด้วยนั้น
สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขอเรียนว่าที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รับทราบข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เห็นว่า การแสดงความคิดเห็นของ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในคดีดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เป็นการตอบคำถามเกี่ยวกับข้อกฎหมายพรรคการเมืองในการสัมมนาทางวิชาการของศาลรัฐธรรมนูญ มิได้เป็นการแสดงความคิดเห็นอันมีลักษณะเป็นการเสียดสี หรือประชดประชันพรรคการเมืองใดที่จะส่งผลต่อความเป็นอิสระ เป็นกลางและปราศจากอคติ ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาวินิจฉัยคดี ไม่กระทบกระเทือน หรือ ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อการปฏิบัติหน้าที่ หรือ เกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
‘เทพไท’ตอกซ้ำ6คำร้อง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “คำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทย ปากกล้าขาสั่น” ระบุว่า กรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร และ พรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 นั้น
ใน 6 ประเด็นที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษรร้องศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวเห็นว่าประเด็นที่มีน้ำหนักมาก น่าจะเป็นเรื่องที่ 1 พรรคเพื่อไทย สั่งรัฐบาลให้จัดที่พักชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจให้แก่นายทักษิณ กับเรื่องที่ 4 นายทักษิณ สั่งพรรคเพื่อไทยให้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนอีก4เรื่องนั้น เป็นประเด็นทั่วไปมีน้ำหนักไม่มากนัก แต่เรื่องที่1กับเรื่องที่4 ถ้าหากฝ่ายผู้ร้องมีพยานหลักฐานชัดเจน เชื่อว่าทำให้มีการได้เสียทางการเมืองอย่างแน่นอน
ลุ้นคำร้องมัดชี้เทวดาชั้น14
นายเทพไทยังระบุว่า การที่รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้และสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคน ออกมาสบประมาทว่า เป็นเรื่องไร้สาระบ้าง เป็นประเด็นหน่อมแน้มบ้าง เป็นเรื่องเลอะเทอะบ้าง น่าจะเป็นการแสดงความเห็นในลักษณะปลอบใจตัวเองมากกว่า ถ้าหากคิดว่าประเด็นที่นายธีรยุทธยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถเอาผิดกับนายทักษิณและพรรคเพื่อไทยได้ น่าจะเป็นการประเมินพำพำพำพำพำที่ต่ำเกินไป
ถ้าหากพิจารณาในคำร้องทั้ง 6 ข้อแล้ว พบว่า ในเรื่องที่ 1 การที่นายทักษิณรักษาตัว ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 โดยไม่ได้ป่วยจริงและมีหลักฐาน ยืนยันชัดเจน จะทำให้มีความผิดในการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขใด
เหน็บพท.ปากกล้าขาสั่น
นายเทพไทยังมองว่า ส่วนในเรื่องที่ 4 การที่นายทักษิณครอบงำพรรคการเมืองในการเสนอตัวนายกรัฐมนตรี ถ้ามีการยืนยันในพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล คลิปเสียง หรือคลิปวิดีโอ เกี่ยวกับการล็อบบี้พรรคการเมือง ให้เสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ หรือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะเป็นหลักฐานยืนยันว่า นายทักษิณเป็นบุคคลภายนอกที่ครอบงำพรรคการเมืองจริง จะมีผลกระทบต่อการยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะสร้างผลสะเทือนทางการเมืองมากที่สุด
“อยากให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย ระดับรัฐมนตรี ในรัฐบาลชุดนี้ ใจเย็นๆอย่าพึ่งสบประมาท เดี๋ยว จะหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ อย่าออกมาดิสเครดิต ผู้ร้องในลักษณะ ปากกล้าขาสั่นอีกเลย”นายเทพไทระบุทิ้งท้าย
‘สมชัย’เหน็บจุกๆ4ข้อ-สอนลูก
ด้าน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร”ดังนี้..“ลูกเอ๋ย แม้ว่าเดี๋ยวนี้ ลูกจะมีไอแพด ค้นข้อมูลจากกูเกิลได้ แต่เวลาครูสอนก็ขอให้ตั้งใจฟัง ตั้งใจเรียนด้วยนะลูก อย่ามัวแต่คิดว่า เดี๋ยวก็มีคนมาให้ลอกหรือมาบอกเอง มิเช่นนั้น ความรู้พื้นฐานบางเรื่อง ลูกอาจจะผิดพลาดแบบเสียหายถึงวงศ์ตระกูลได้นะ
ระบุอีกว่า“1.ค่าเงินบาทแข็ง ไม่ได้ช่วยให้การส่งออกดีขึ้นนะ เพราะเขาค้าขายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ เราได้เงินน้อยลงนะลูก 2. แม่น้ำปิง วัง ยม น่าน นั้นไหลลงใต้มารวมกันเป็นเจ้าพระยานะ ไม่ได้ไหลย้อนลงแม่น้ำโขง 3. เวลาโพสด้วยความภาคภูมิใจว่าไปพบผู้นำประเทศโน้นประเทศนี้ ดูด้วยว่าเขามีตำแหน่งอะไร เช่น เขาเป็นแค่นายกรัฐมนตรี อย่าไปบอกว่าเขาเป็นประธานาธิบดี คนอายทั้งประเทศเลย 4. ส่วนมินิฮาร์ทนั้น เวลาทำก็ดูน่ารักดี แต่เวลาใส่ชุดปกติขาวทางการ อย่าเที่ยวไปชวนใครทำตามล่ะ มันไม่เหมาะสมนะ”
‘พงศ์เทพ’โอดรบ.ทำงานยาก
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษาด้านนโยบายนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลถูกโจมตีด้วยกระบวนการนิติสงครามจะให้คำแนะนำอย่างไรว่า การร้องมีเยอะแยะในช่วงหลัง เพราะด้วยกติกาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันโดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ ทำให้คนเข้าใจแตกต่างหลากหลาย มีการอ่านกฎหมายแล้ว ตีความกล่าวหาเรื่องต่างๆกันไปยกใหญ่ซึ่งระบบแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ คนที่เสียประโยชน์คือประชาชน หากโครงสร้างระบบกฎหมาย ทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ ประเทศก็จะเดินไปได้ลำบาก และมีปัญหาต่อระบบบริหารราชการแผ่นดิน เวลารัฐบาลจะทำอะไรก็ต้องรอบคอบ ใช้เวลามากกว่าปกติ บางทีก็ต้องทำเผื่อไว้ก่อน
“จากสิ่งที่เกิดขึ้น ควรจะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อสร้างระบบ ตรวจสอบถ่วงดุลที่เหมาะสม ไม่ใช่ถ่วงอยู่กับอำนาจหนึ่ง เราเป็นรัฐบาลที่มีความเข้มแข็งพอที่จะมีระบบตรวจสอบที่ดี ไม่ใช่ให้รัฐบาลทำอะไรไม่ได้”นายพงศ์เทพ กล่าว
ไม่กังวลคำร้อง‘ธีรยุทธ’ร้องศาลรธน.
เมื่อถามถึงกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและพรรคเพื่อไทย มีพฤติการณ์เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง กังวลหรือไม่หากศาลรับคำร้อง นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ไม่ได้กังวล แต่หากศาลรีบจัดการเรื่องที่ไม่มีมูลให้เสร็จเร็วๆ ก็จะไม่มีคนมาร้องอีก แต่หากใช้เวลานาน ก็จะทำให้นักร้องรู้สึกมีความหวังว่าจะได้ผล
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้สั่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พรรคเพื่อไทย เลิกใช้สิทธิและเสรีภาพ อันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า 6 ประเด็นที่นายธีรยุทธไปยื่นร้อง คนที่ได้เห็นเนื้อหาก็มีความรู้สึกว่าเนื้อหาไกลมาก จากสถานการณ์ความเป็นจริงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งใน 6 ประเด็นจะเห็นได้ถึงความพยายามที่จะเขียนและเชื่อมโยงล้อกับคำว่าเซาะกร่อนบ่อนทำลาย อาจถือว่าเป็นประเด็นที่เคยไปร้องยุบพรรคก้าวไกล แต่ในประเด็นของพรรคเพื่อไทยนั้นยังห่างไกลกับการยื่นคำร้องนี้
6ปมฉาว‘เพื่อไทย’ไม่ประมาท
“ถือว่าเป็นการทำหน้าที่มีสิทธิที่จะร้องก็ร้อง แต่เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยว่าจะรับ หรือไม่รับคำร้อง ประชาชนจะจับตา เพราะ 6 ประเด็น ไม่ใกล้เคียงกับสถานการณ์ความเป็นจริงและไม่มีพฤติการณ์ไหนที่จะไปถึงเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยคงไม่ประมาท เพราะเหมือนมีความพยายามเชื่อมโยงว่าเขาคงคิดว่าทำสำเร็จมาแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องที่เขาเคยทำสำเร็จมา” นายอนุสรณ์กล่าว
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่ในคำร้องมีการระบุว่านายทักษิณ ครอบงำพรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์กล่าวว่า หลายเรื่องที่เขียนมานั้นเห็นว่ามีความพยายามรวบรวมเรื่องราวในอดีตมาใส่ไว้ให้ได้ 5,000 หน้าเท่านั้น เพราะบางเรื่องมีข้อสรุปไปแล้วว่าไม่ได้มีส่วนของการกระทำความผิดแต่อย่างใด คิดว่าเรื่องสำคัญในคำร้องคงจะเป็นประเด็นที่นายทักษิณไปสั่งการให้เอาพรรคพลังประชารัฐออกเพราะหลายฝ่ายคิดว่าเหตุการณ์อะไรต่างๆเกิดมานานแล้วไม่ได้ยื่น แต่เมื่อพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ร่วมรัฐบาลกลับมายื่น ดังนั้นในข้อกล่าวหาเดิมๆ คนที่มีหน้าที่ในฝ่ายกฎหมายเขาก็ตอบอย่างเชี่ยวชาญและมีความแม่นยำในประเด็นนี้
ไล่ไปกู้พรรคเย้ยแตกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อถามอีกว่าในคำร้องที่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐคิดว่าเป็นการแก้แค้นส่วนตัวหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ชัดเจนว่าหากพลังประชารัฐ ยังอยู่ร่วมรัฐบาลแสดงว่าจะไม่ยื่นใช่หรือไม่ ถึงเพิ่งจะมายื่นในตอนที่ไม่อยู่แล้ว ในความเป็นจริง ถ้าเราไปมองเนื้อในพรรคพลังประชารัฐ เฉพาะในปัจจุบันเห็นได้ว่าขนาดในพรรคเขาเองยังแตกเป็นหลายก๊ก หลายเหล่า แต่เป็นเสี่ยงๆที่นั่งในสภาฯส่วนหนึ่ง ก็นั่งเป็นฝ่ายค้าน ส่วนหนึ่งก็มานั่งกับรัฐบาล ดังนั้น ก่อนจะไปร้องคนอื่น น่าจะเอาเวลามา ทบทวนและทำพรรคให้เข้มแข็ง กอบกู้วิกฤตให้กลับคืนมา แต่เมื่อจัดเรียงความสำคัญของปัญหาผิด คือ การไปร้องพรรคเพื่อไทยก่อน โดยที่ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคตัวเองไม่ได้แก้ไข แทนที่จะทำเรื่องของตัวเองให้เข้มแข็งก่อน จึงทำให้ผิดไปหมด
‘วิสุทธิ์’ลั่นรบ.ลุยแก้รธน.เต็มที่
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ทันในรัฐบาลนี้ตามที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงว่าวันนี้อย่าไปว่าอย่างนั้น เมื่อส.ว.เห็นต่างกับส.ส.เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงกฎหมายประชามติ ให้ทำประชามติ 2 ชั้น ขณะนี้ก็ได้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมสองฝ่ายขึ้นมา ซึ่งมีทางออก2อย่าง คือ ตกลงกันได้ในจุดที่ทุกคนยอมรับ กฎหมายก็จะเดินหน้าสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯได้เพื่อจะมีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญช่วงต้นปี 2568 พร้อมกับ การเลือกตั้งท้องถิ่นและถ้าเห็นต่าง กฎหมายก็ตกไป จากนั้นภายใน 180วัน สภาผู้แทนราษฎร จึงจะสามารถเสนอร่างกฎหมายประชามติขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นขณะนี้ต้องจึงให้กมธ.ร่วมทำหน้าที่ก่อนก็หวังว่าจะมีการปรับกฎหมายให้ทั้งสองฝ่ายพอใจเพื่อให้กฎหมายสามารถเดินหน้าได้
เมื่อถามอีกว่าพรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ว่าจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เมื่อเราออกเป็นนโยบายตอนหาเสียง รับปากประชาชนว่า จะให้มีการแก้รัฐธรรมนูญโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ ส.ส.ร.เพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย
“แต่ถ้าไม่ทัน ก็ไม่ใช่ความผิดของเรา เพราะเราพยายามทำอย่างเต็มที่ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว ก็อยากให้เห็นถึงการทำงานของเราด้วย”นายวิสุทธิ์ กล่าวย้ำ
‘สว.นันทนา’ฉะรธน.พิสดาร
นางนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...การที่มีบุคคลไปยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่าคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย มีการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง และขอให้ศาลสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าว นั้น บ่งบอกถึง“ความพิสดาร”ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่ การที่ผู้ร้องเพียงคนเดียว สามารถตั้งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง ในเรื่องสำคัญยิ่งเช่นนี้ โดยไม่ผ่านกระบวนการกลั่นกรองตามกระบวนการยุติธรรมใดๆ
สั่นคลอนเสถียรภาพการเมือง
กำลังสั่นคลอนเสถียรภาพของระบบการเมืองไทยอย่างถึงแก่น พฤติกรรมเช่นนี้ ซึ่งเกิดขึ้นจนเสมือนเป็นเรื่องปกติทุกวันนี้กำลังสร้างบรรยากาศความไม่แน่นอนบั่นทอนความเชื่อมั่นของฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศ และฉุดรั้งโอกาสที่ประเทศไทยจะฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ อะไรคือการล้มล้างการปกครอง?? เป็นไปได้อย่างไรที่พรรคการเมือง ที่มีประชาชนไปเลือกให้เป็นผู้แทนในสภาถึงกว่า 140 คน และดำเนินงานทางการเมืองในกรอบของรัฐสภา จะมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น ปชช.ผู้ไปเลือกพรรคการเมืองนี้จะกลายเป็นผู้สมคบคิด หรือผู้สนับสนุนการล้มล้างการปกครองด้วยหรือไม่ นี่คือความผิดปกติมาก ๆ ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถึงเวลาแล้ว หรือยังที่จะต้องให้ประชาชนได้จัดทำรัฐธรรมนูญของตนเอง #สวนันทนา #สังคายนานักร้อง
จี้แม้วเอา’นายกฯอิ๊งค์’คืนไป
ส่วนพลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ถ้ารักและห่วงใยประเทศไทยจริงๆ ตามที่ คุณทักษิณ มักพูดอยู่เสมอๆนั้นขอให้ “เอานายกอุ๊งอิ๊งคืนไป ส่งใครมาแทนก็ได้ครับ”
ขณะที่ นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรียกแขก เตรียมรองเท้าผ้าใบ 1 ในข้อเรียกร้อง ที่เรายื่นหนังสือทักท้วงไป เมื่อวันอังคารที่ 17 กันยายน 2567ว่า “การเจรจาพื้นที่ทับซ้อน ต้องมีความระเอียด โดยให้กำหนดเขตแดนให้มีความชัดเจนก่อน ไม่ใช่เอาแหล่งพลังงานที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน มาเป็นเรื่องเร่งด่วน
“ถ้ารัฐบาลยังมองข้ามความมั่นคงเรื่องเขตแดน ก็ถึงคราวที่ประชาชนต้องลงถนนกันอีกครั้ง เตรียมรองเท้าผ้าใบให้พร้อม คปท.พร้อมชุมนุมทันที”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี