จับตาคำร้องปม‘นักโทษเทวดา’ จุดสลบ‘ทักษิณ’ ลาก‘เพื่อไทย’ล่มสลาย!?
14 ตุลาคม 2567 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กดังนี้...
เป็นเพราะคุณไพบูลย์ นิติตะวันโปรโมทเรื่องหมัดเด็ดที่อาจจะทำให้พรรคเพื่อไทยล่มสลายดีเกินไป คุณไพบูลย์ให้สัมภาษณ์ว่า คำร้องทั้งหมดเท่าที่ผ่านมายังไม่โดนใจ ยังไม่ใช่มาตรฐานของคุณไพบูลย์ ให้คอยดูวันที่ 10 ตค รับรองว่าสะเทือนแน่ ทำให้ทั้งนักข่าวทั้งแฟนการเมืองแม้กระทั่งคนทั่วไปรีบตื่นแต่เช้าในมารอฟังข่าวใหญ่ที่ว่าจะแจ้งให้ทราบในเวลา 7.00 น ของวันที่ 10 ต.ค.
แต่พอถึงเวลา 7.00 น เข้าจริง กลับไม่มีการแถลงใหญ่ แต่เป็นเพียงการส่งข่าวไปยังสำนักข่าวต่างๆว่า คุณธีรยุทธ์ สุวรรณเกษร กำลังไปยื่นคำร้องที่ศาลรัฐธรรมนูญ ให้รอฟังรายละเอียดที่คุณธีรยุทธจะแถลงในเวลา 10.30 น ยิ่งฟังคุณธีรยุทธแถลง แม้ว่าจะเป็นเรื่องสำคัญและมีน้ำหนัก แต่ต้องยอมรับว่า คนที่รอฟังมีความคาดหวังสูงกว่านั้น จึงทำให้รู้สึกว่า ไม่สมราคา
ความจริงคำร้องของคุณธีรยุทธ แม้ไม่มีเรื่องใดที่เป็นเรื่องใหม่แต่ก็เป็นการยื่นในมุมใหม่ที่ยังไม่มีใครยื่นร้อง มาก่อน คือเป็นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตรซึ่งเป็นผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 และยังได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี เพราะคุณธีรยุทธไปยื่นที่อัยการสูงสุดก่อน 15 วัน เมื่ออัยการสูงสุดยังไม่การดำเนินการใดๆภายใน 15 วัน ตามกฎหมายคุณธีรยุทธจึงสามารถมายื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง นับเป็นคำร้องแรกในรัฐบาลนี้ที่ถึงมือศาลรัฐธรรมนูญ เพราะคำร้องอื่นๆล้วนไปยื่นที่ กกต. หรือ ป.ป.ช.
คุณธีรยุทธอ้างการกระทำ 6 กรณีของคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย เป็นความผิดแบบใดแบบหนึ่งใน 2 แบบคือความผิดในการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 และสองคือ ความผิดในการครอบงำพรรคเพื่อไทย ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 และความผิดที่พรรคเพื่อไทยยินยอมให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค ควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรค และการที่พรรคเพื่อไทยยินยอมให้ถูกครอบงำตามมาตรา 29
ความผิดในการล้มล้างการปกครองฯ เกิดจากการที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้พระราชทานอภัยโทษให้คุณทักษิณทั้งหมด ยังคงเหลือโทษจำคุกอีก 1 ปี ซึ่งผิดความคาดหมายของคุณทักษิณ คุณทักษิณผู้ไม่มีวันยอมติดคุกแม้เพียงวันเดียว จึงต้องดิ้นรนหาทางให้ไม่ต้องติดคุกให้ได้อย่างกระท้นหัน ทำให้เกิดพิรุธเต็มไปหมดตั้งแต่คืนแรกที่ย้ายจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 ทำให้เชื่อได้ว่า แท้ที่จริงแล้วคุณทักษิณไม่ได้ป่วยจริง แต่เป็นการร่วมมือกันของผู้มีอำนาจทั้งหลายตลอดเส้นทาง และตลอดสายการบังคับบัญชา ช่วยอำนวยให้คุณทักษิณไม่ต้องติดคุก ซึ่งเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างย่อยยับ เรื่องนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และไม่ควรปล่อยให้ผ่านไปและไม่ให้คนผิดลอยนวล
ในขณะที่ยังไม่มีหน่วยงานใดรวมทั้งฝ่ายค้านดำเนินการยื่นร้องต่อกกต. ป.ป.ช. หรือศาลรัฐธรรมนูญ แต่แล้ว อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ออกมาแถลงผลการศึกษาหาข้อมูล พยานหลักฐาน และวินิจฉัยกรณีของคุณทักษิณอย่างละเอียด ที่สำคัญคือได้ยื่นร้องต่อป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการสอบต่อแล้วด้วย ต่อมาพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ออกมาเปิดเผยความจริงว่าได้เข้าไปพบคุณทักษิณที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ 2 ครั้ง และได้เข้าให้ปากคำกับ ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว จึงนับเป็นองค์กรเดียวที่ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ในขณะที่ฝ่ายค้าน และรัฐบาลต่างวางเฉย
การกระทำของคุณทักษิณ และผู้มีอำนาจในระดับต่างๆที่สมรู้ร่วมคิดทั้งหมด รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ได้ให้ความเห็นว่า เป็นการขัดพระบรมราชโองการอย่างชัดแจ้ง ซึ่งคุณธีรยุทธ สุวรรณเกษร ได้มีความเห็นเช่นเดียวกัน และยังเห็นว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติ อันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ และอาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ ซึงเคยเป็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณียุบพรรคก้าวไกลที่มีมาก่อนหน้านี้แล้ว หลักฐานสำคัญที่ใช้ก็คือรายงานของ ป.ป.ช. นั่นเอง
ความผิดที่ 2 เป็นการครอบงำพรรคเพื่อไทยของคุณทักษิณ มี 5 กรณี กรณีที่ 1 สั่งการให้พรรคเพื่อไทยในฐานะรัฐบาลร่วมมือกับ ฮุนเซ็นหาประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ทางทะเลที่อ้างว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนตาม MOU 44 โดยไม่เจรจาเรื่องเขตแดน และไม่สนใจอันตรายว่ากัมพูชาจะอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดหรือไม่ กรณีที่ 2 สั่งให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือกับพรรคฝ่ายค้านเพื่อแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ตัวเอง กรณีที่ 3 การเรียกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดไปประชุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีที่ 4 คือการสั่งการให้พรรคเพื่อไทยขับพรรคพลังประชารัฐออกจากการร่วมรัฐบาล และกรณีที่ 5 คือการกำหนดนโยบายด้วยตัวเองแล้วให้พรรคเพื่อไทยนำไปเป็นนโยบายรัฐบาล หลักฐานสำคัญคือการไปแสดงปาฐกถา dinner talk ที่สำนักข่าวเนชั่นเป็นผู้จัด
หลังจากการแถลงของคุณธีรยุทธ แกนนำพรรคเพื่อไทย 3-4 คน ต่างดาหน้าออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีความกังวลเลยต่อเรื่องนี้ และยังว่าเป็นเรื่องเลอเทอะ ทั้งยังอ้างอย่างไม่อายฟ้าอายดินว่า คุณทักษิณไม่ได้ครอบงำพรรค แค่ให้คำปรึกษา เมื่อพรรคเห็นว่าดีจึงนำมาปฏิบัติ
บอกได้เลยว่า คนที่ออกมาพูดแต่ละคนไม่ได้พูดจากใจจริง เรียกได้ว่า ปากกล้าขาสั่นเสียมากกว่า การที่คุณทักษิณไม่ยอมติดคุกซึ่งอาจเป็นการขัดพระบรมราชโองการ อันอาจเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เสื่อมและอ่อนแอลง จึงยากที่ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับไว้วินิจฉัย เพราะเรื่องนี้เคยเป็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรคก้าวไกล หากมีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่า คุณทักษิณไม่ได้ป่วยจริงซึ่งมีโอกาสสูงมาก โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะถูกยุบก็มีโอกาสสูงมากเช่นกัน
สรุปคือ คำร้องของคุณ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ไม่ได้เป็นคำร้องที่เลอะเทอะแต่อย่างใด และยังมีโอกาสที่จะนำไปสู่การล่มสลายของพรรคเพื่อไทยได้จริงๆ
เรามาคอยดูกันต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี