"วรชัย"การันตี"เต้น"ไม่เคยทรยศประชาชน เหมาะแล้ว"นายกฯอิ๊งค์"ตั้งเป็นกุนซือ ชี้แจงทุกข้อที่รัฐบาลถูกโจมตี
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และอดีตแกนนำ นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง โฟนอินให้สัมภาษณ์กับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นความเห็นต่างกันในกลุ่มคนเสื้อแดง เรื่องการเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หนึ่งในอดีตแกนนำคนเสื้อแดง ว่า คนที่ออกมาโจมตีนายณัฐวุฒิ มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างแรกคือคนบางคนที่อยู่ต่างประเทศ ไม่ชอบแกนนำบางคนเป็นการส่วนตัว
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการขับเคลื่อนการต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตย ตนก็ออกมาตอบโต้คนเหล่านี้อยู่ตามที่เห็นเป็นข่าว ซึ่งเรื่องนี้ก็มีความเห็นเป็น 2 ส่วน คือตนมองว่านายณัฐวุฒิไม่ได้เปลี่ยนแนวคิดหรืออุดมการณ์ และไม่ได้ทรยศประชาชน เพราะการประกาศว่ามี 3ป. จะไม่ร่วมด้วย เป็นเรื่องกลยุทธ์ที่ผูกพันที่หาเสียงไว้ก็ตาม แต่สถานการณ์ของการเมืองไม่มีอะไรที่กำหนดตายตัวได้ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้เลย เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ต้องยอมรับว่าทุกพรรคการเมืองเข้าร่วมการเลือกตั้ง ดังนั้นก็ต้องยอมรับรัฐธรรมนูญ
ก็มีคำถามว่าในเมื่อบอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการแล้วมาลงเลือกตั้งทำไม นี่คือประการแรก แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคเพื่อไทยได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) 140 คน พรรคก้าวไกลได้ 140 กว่า พรรคอื่นๆ ได้ลดหลั่นกันไป เมื่อความคิดของประชาชนออกมาเป็นผลการเลือกตั้งแบบนี้ เราเคารพเสียงของประชาชน ดังนั้นคนที่พูดไว้ตอนหาเสียงวันนั้น และต่อมากับสถานการณ์ที่ประชาชนเลือก เราก็ทำตามมติเสียงของประชาชน
“ต้องแยก 2 ส่วน สถานการณ์กับหลักการ หลักการก็คือพรรคก้าวไกลจะต้องมีสิทธิ์ในการตั้งรัฐบาล ทุกพรรคการเมืองก็ให้สิทธิ์พรรคก้าวไกล แต่พรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาล 2 รอบไม่สำเร็จ ต่อมาก็คือพรรคเพื่อไทย ลำดับ 2 ก็ตั้งรัฐบาล ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว คำว่าขั้วผมมองว่ามันเป็นวาทกรรมของนักการเมืองที่เอาไปใส่ร้ายทิ่มแทงกันมากกว่า มันไม่มีขั้ว มีพรรคการเมือง แล้วพรรคการเมืองแต่ละพรรคก็มีอุดมการณ์ แต่ละคนแต่ละพรรคก็หาเสียงกันไป แล้วก็ได้คะแนนจากพี่น้องประชาชนมาอย่างที่เป็น” นายวรชัย กล่าว
นายวรชัย กล่าวต่อไปว่า การที่พรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ เพราะการต่อสู้ทางการเมืองต้องดูสถานการณ์ความเป็นจริงด้วย ไม่ใช่คิดเอาเอง ส่วนที่ไปพูดกันว่าพรรคเพื่อไทยรับใช้เผด็จการ ก็ต้องย้อนถามว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงเหตุใดนายเศรษฐาจึงถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกฯ ส่วน น.ส.แพทองธาร นายกฯ คนปัจจุบันก็มาจากการเลือกตั้ง เป็นลูกของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีประสบการณ์ทุกด้าน
ในขณะที่กรณีของนายณัฐวุฒิ เมื่อสถานการณ์มาถึงเวลานี้ ก็เห็นชัดว่าแมลงพืชเยอะ กัดกร่อนรัฐบาล ออกมาด่า ทิ่มแทงร้องเรียน ทำลายเครดิตของรัฐบาลอยู่ทุกวัน ทั้งด้วยความแค้นบ้าง ผลประโยชน์ส่วนตัวบ้าง ผลประโยชน์ทางการเมืองบ้าง ซึ่งแม้ น.ส.แพทองธาร จะไม่เคยเป็น สส. และประสบการณ์ก็ไม่เท่ากับนายณัฐวุฒิ แต่ น.ส.แพทองธาร ก็เป็นลูกนักการเมือง ทำธุรกิจประสบความสำเร็จ และมีประสบการณ์ในการพบปะดูแลประชาชน ดังนั้นจำเป็นที่นายณัฐวุฒิ จะต้องเดินเข้ามาเพื่ออธิบายความ ให้คำปรึกษาเรื่องความถูกต้อง ความเป็นจริงว่าเป็นอย่างไร
เพราะต้องยอมรับว่า ภายในพรรคเพื่อไทย เด็กรุ่นลูกรุ่นหลานที่เข้ามาอยู่ในวงแวดล้อมของ น.ส.แพทองธาร อาจไม่เข้าใจบริบททางการเมืองที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร เขาสู้กันมาอย่างไร เขาพูดมาแบบนี้แล้วควรจะแก้อย่างไร นายกฯ ควรกำหนดท่วงทำนองในการทำงาน ในการขับเคลื่อนทางการเมืองอย่างไร จึงต้องมีบริบทของคนที่มีความรู้ความสามารถ และมีจุดยืนอย่างนายณัฐวุฒิเข้ามา
“คุณณัฐวุฒิผมมองว่าเขาก็เห็นคุณแพทองธารมา แล้วสถานการณ์ทางการเมือง ถ้าปล่อยให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งคุณณัฐวุฒิมีส่วนได้-เสียนะ เพราะคุณณัฐวุฒิไปหาเสียง พบปะพี่น้องประชาชน บอกให้เลือกพรรคเพื่อไทย ไปปราศรัยทุกที่ เพราะฉะนั้นคุณณัฐวุฒิผมว่าเขาก็เสียสละ ยอมบางส่วนโดนด่าบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ แฟนคลับเพื่อไทยเขาก็เชียร์ แฟนคลับก้าวไกลเขาก็ด่า แกนนำเพื่อไทยที่ไปอยู่ก้าวไกลเขาก็ด่า ก็เป็นเรื่องปกติ” นายวรชัย ระบุ
นายวรชัย ยังกล่าวอีกว่า คนเสื้อแดงจริงๆ ที่เขายังต่อสู้อยู่กับเพื่อไทย หรือคนเสื้อแดงกลางๆ ที่รักประชาธิปไตย เขาเห็นความสำคัญของสถานการณ์ ณ เวลานี้ ว่านายณัฐวุฒิควรเข้ามาช่วย และ น.ส.แพทองธาร ก็เคยคุยกับนายณัฐวุฒิ วาจะให้มาช่วยอย่างไรก็ได้ แต่นายณัฐวุฒิ บอกว่าขอช่วยอย่างออกหน้าออกตาไปเลยแบบลูกผู้ชาย ใครจะด่าจะว่านายณัฐวุฒิก็ต้องยอมรับ แต่เรื่องไหนให้มวลชนบางคนด่า หรือเรื่องไหนเป็นผลประโยชน์ของประเทศ การที่มาช่วยรัฐบาล มาเป็นที่ปรึกษาให้นายกฯ ตนมองเป็นผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยมากกว่า
เพราะการต่อสู้ทางการเมือง หากแพ้รัฐบาลก็พังแน่นอน ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งนายณัฐวุฒิ ก็เพื่อให้มาช่วยต่อสู้กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ซึ่งก็เป็นอดีตแกนนำคนเสื้อแดงเช่นกัน ตนเห็นว่ามองแบบนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ตนไม่ได้มองไปที่นายจตุพร เพราะไม่ว่าฝ่ายแค้น ฝ่ายค้าน หรือพวกไม่หวังดีต่างๆ ที่ออกมาโจมตีใส่ร้ายป้ายสีทางการเมือง นายณัฐวุฒิจะได้อธิบายให้ประชาชนที่นั่งมองอยู่ทั่วประเทศ ว่าฝั่งไหนอธิบายได้มีเหตุมีผลถูกต้อง และฝั่งไหนเอาแต่ด่า เอาแต่ว่า เอาแต่แค้น ต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน
ซึ่งการตัดสินไม่ใช่โดยแกนนำ นปช. หรือมวลชนอย่างเดียว แต่ต้องเป็นประชาชนทั้งประเทศ ว่ารัฐบาลมีเหตุผลอย่างไรจึงทำอย่างนี้ และสำหรับตัวของนายณัฐวุฒิ จากที่ใกล้ชิดและต่อสู้ร่วมกันมา ตนยืนยันอย่างมั่นใจได้ว่าไม่มีทางที่คนคนนี้จะทรยศต่อตนเอง ต่อประชาชน และต่อประเทศชาติอย่างแน่นอน ส่วนนายจตุพร ก็เห็นออกมาถล่มพรรคเพื่อไทยแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังได้ สส. 140 คน ที่แพ้พรรคก้าวไกลก็เพียงประโยคเล็กๆ ของฝั่งนั้นอย่างมีเราไม่มีลุง และนี่คือตัวอย่างว่าทำไมต้องให้นายณัฐวุฒิเข้ามาช่วย เพราะจุดเล็กๆ บางครั้งก็ทำให้รัฐบาลเสียหายเสียคะแนนได้
ชมคลิปเต็มได้ที่ (นาทีที่ 02.15 - 31.10) : https://www.youtube.com/watch?v=R6Kc-1VfUsE
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี