สภาฯจะกลายเป็นตราประทับชอบธรรม!!! "ปชป."ค้านรายงานนิรโทษกรรม-ม.112 เปิด 3 จุดล่อแหลม-ข้อสังเกต หวั่นเป็นสารตั้งต้น ดันให้รัฐบาลไปออกเป็นกฎหมาย แนะควรยืนอยู่บนพื้นฐาน 5 ประเด็น ลามเหน็บสุดซอยไปไม่รอด
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กมธ.ฯ พิจารณาเสร็จแล้ว
โดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายว่า รายงานฉบับนี้เป็นเพียงแค่การเสนอแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมไม่ใช่ การเสนอพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม แต่แนวทางดังกล่าวที่เป็นข้อเสนอนั้นจะเป็นหัวเชื้อ ในการที่จะนำไปสู่การตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมต่อไป ตนได้งานรายงานโดยละเอียดหลายรอบ และมีความเห็นเช่นเดียวกับที่สส.ที่มีมติไม่เห็นชอบและไม่เห็นชอบให้ส่งรายงานฉบับนี้ไปยังรัฐบาล
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การนิรโทษกรรมทำได้ ในอดีตก็เคยทำแต่สิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนและไม่เคยมี คือนิรโทษกรรมการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 และ 112 ซึ่งมาตรา 112 มีไว้คุ้มครองประมุข เช่นกับอารยะทั่วโลกที่มีกัน ที่มีบทคุ้มครององค์ประมุข ของประเทศด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะประเทศไทยสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเสาหลักสำคัญในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ที่เขียนไว้ชัดเจนว่าองค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ตรงนี้จึงเป็นที่มาว่าทำไมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันประเทศไทยจึงไม่เคยมีการนิรโทษกรรมความผิดในมาตรา 110 และ 112
"การนิรโทษกรรมถ้าจะมีในอนาคตควรจะได้ยืนอยู่บนหลักการ 5 ข้อ 1.ต้องเป็นการนิรโทษกรรมที่นำไปสู่การสร้างความปรองดอง แต่ไม่ใช่สร้างความขัดแย้งแตกแยก และการนิรโทษกรรมต้องเป็นความเห็นพ้องกันของสังคมเพื่อไม่ให้แตกแยกขัดแย้งครั้งใหญ่ในอนาคต 2.ต้องไม่เป็นการนิรโทษกรรมเพื่อตัวเอง สุดท้ายจะไปไม่รอดจะเกิดแรงต้านครั้งใหญ่และนำไปสู่การแตกแยกครั้งใหม่เกิดขึ้นอีก ดังเช่นที่เคยได้รับบทเรียนมาแล้วในอดีตที่พยายามผลักดันนิรโทษกรรมสุดซอย 3.ต้องไม่สร้างแรงจูงใจหรือหัวเชื้อให้เกิดการกระทำซ้ำอีกในอนาคตเพราะคนจะไม่เกรงกลัวต่อการกระทำความผิด ทำผิดแล้วก็จะได้รับการล้างผิดในที่สุด 4.ต้องไม่สูญเสียต่อการกระทำผิดต่อกฎหมายหรือเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญกฎหมาย หรือแม้แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่มีผลผูกพันทุกองค์กร ซึ่งรวมตั้งแต่รัฐสภา รัฐบาล และองค์กรอื่นๆ และ 5.ต้องไม่รวมความผิด 3 ฐานสำคัญ คือ ความผิดฐานทุจริตคอรัปชั่น ความผิดคดีอาญาร้ายแรง และความผิดตามมาตรา 110 และ 112 ภายใต้หลักการ 5 ข้อ ถ้าจะมีการนิรโทษกรรมควรนิรโทษกรรมเฉพาะ ความผิดอันเกิดจากแรงจูงใจทางการเมืองทั่วไป และพ่วงหลักหลักการคือต้องเป็นความเห็นพ้องต้องกันของสังคมเพื่อไม่ให้เกิดแรงเสียดทาน ที่จะนำไปสู่ความแตกแยกขัดแย้งในอนาคต" นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญที่พรรคและตนไม่เห็นชอบกับรายงานของกรรมาธิการฉบับนี้ และไม่เห็นควรส่งให้รัฐบาล คือ 1.เพราะรายงานของกรรมการฉบับนี้ได้รวมแนวทางนิรโทษกรรมมาตรา 110 และ 112 เอาไว้ด้วย โดยในรายงานได้ระบุไว้ชัดว่าให้พิจารณาเป็น 3 แนวทางในการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมมาตรา 110 และ 112 คือ ไม่นิรโทษกรรม นิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข นิรโทษกรรมสุดซอยแบบไม่มีเงื่อนไขเพื่ออะไร เพื่อเป็นทางเลือก ตนและพรรคจึงเห็นว่าที่ล่อแหลม คือการให้นิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข และนิรโทษกรรมแบบไม่มีเงื่อนไข และ 2.ข้อความและความเห็นของกรรมาธิการระบุไว้ในข้อสังเกต ซึ่งระบุไว้ชัดว่าคณะรัฐมนตรีคือรัฐบาล ควรพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อนำไปเป็นแนวทางการต่อพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมโดยเร็ว ซึ่งก็รวม 3 แนวทาง ในกรณีนิรโทษกรรมมาตรา 110 และ 112 ไปด้วย และยังต่อท้ายด้วยว่าการดำเนินการต้องรายงานให้สภาทราบว่าได้ทำหรือไม่ทำ หรือทำอย่างไรเพื่อให้สภาได้ติดตามความคืบหน้าได้ต่อไป ซึ่งผลจากรายงานและข้อสังเกตของกรรมาธิการจะทำให้รัฐบาลหรือกลไกอื่นอาจนำรายงานฉบับนี้ ไปเป็นสารตั้งต้นในการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ความผิดในมาตรา 110 และ 112 ต่อไปได้
"และหากสภาเห็นชอบกับรายงานฉบับนี้สุดท้าย สภาฯ อาจกลายเป็นตราประทับความชอบธรรมในการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมการกระทำความผิดมาตรา 110 และ 112 ต่อไปในอนาคตได้ผมและพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่เห็นชอบกับรายงานฉบับนี้และไม่เห็นควรส่งให้รัฐบาลไปพิจารณา" นายจุรินทร์ กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี