ถกรายงานนิรโทษกรรมอารมณ์ค้าง!!! "พิเชษฐ์"ชิงปิดประชุมตัดบทหนี หลัง"ปชน."เดินเกมพยายามขอให้"กมธ.ฯ"ชี้แจงไปเรื่อยๆ อ้างให้เข้าใจตรงกัน ทำ"ญัตติแชร์ลูกโซ่"ที่รอพิจารณาต่อต้องขยับไปสัปดาห์หน้า
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รอบประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กมธ.ฯ พิจารณาเสร็จแล้ว
โดยในเวลา 15.40 น. นายนิกร จำนง เลขานุการ กมธ.ฯ ชี้แจงว่า สำหรับมาตรา 110 และมาตรา 112 ไม่ได้เป็นคดีหลักและคดีรอง แต่เป็นคดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง โดยในรายงานก็ยืนยันไว้เช่นกัน นอกจากนี้ กมธ.ฯ ไม่ได้มีข้อสรุปว่าจะนิรโทษกรรมหรือไม่นิรโทษกรรมสำหรับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 เพียงแค่ศึกษาว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร เนื่องจากยังมีความเห็นต่างอย่างมีนัยยะสำคัญเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมหรือไม่นิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 กมธ.ฯ จึงไม่พึงประสงค์ที่จะมีการลงมติว่า กมธ.ฯ ส่วนใหญ่มีความเห็นอย่างไร เพราะจะถือว่าไม่สามารถสะท้อนความคิดเห็นและความเชื่อของ กมธ.ฯ ได้ แต่ได้เปิดโอกาสให้ กมธ.ฯ แต่ละคนแสดงความคิดเห็นไว้
นายนิกร กล่าวต่อว่า ดังนั้น แนวทางที่เสนอมาจึงแบ่งเป็น 3 แนวทาง คือ เห็นด้วยว่าควรรวมการนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 , ไม่เห็นด้วยว่าควรรวมการนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 , เห็นด้วยว่าควรรวมการนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 แต่ให้มีเงื่อนไข ซึ่งส่วนตัวตนก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 นอกจากนี้ ยังมีความเห็นที่ระบุว่าขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่วินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายออาญามาตรา 112 เป็นบทบัญญัติในความผิด ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือว่ามีความผูกพันทุกองค์กร และมีบางฝ่ายมองว่าอาจจะเกิดความขัดแย้ง
"ผมเชื่อว่าหากมีการเสนอร่างกฎหมายเข้ามาแล้วรวมความผิดมาตรา 112 ด้วยนั้น จะไม่ผ่านและถูกร้องว่าขัดรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ในฐานะ กมธ.จากพรรคชาติไทยพัฒนา เรามีความเห็นเป็นมติว่าไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมมาตรา 112 เช่นเดียวกับหลายพรรคที่ได้ให้ความเห็นไว้ใน กมธ.ย้ำว่าในข้อสังเกตก็ระบุไว้ชัดว่ามาตรา 110 และมาตรา 112 เป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหว และรายงานนี้เป็นเพียงแค่การสรุปความเห็นของสมาชิกเท่านั้น" นายนิกร กล่าว
จากนั้นในเวลา 15.50 น. นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะ กมธ.ชี้แจง ว่า กมธ.ชุดนี้ไม่ใช่พิจารณาแก้ไข หรือยกเลิกมาตรา 112 เพียงศึกษาแนวทางนิรโทษกรรม และมันจะเป็นสารตั้งต้น เป็นหัวเชื้อ หรือไม่ มันขึ้นอยู่กับรัฐบาล มีบางท่านหยิบยกกรณีนิรโทษกรรมสุดซอย ซึ่งสมัยนั้น ตนยังไม่ได้เป็น สส.แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับฉบับสุดซอย เพราะไปรวมบรรดาเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการสั่งฆ่าประชาชนด้วย อยากให้สมาชิกผ่านรายงานฉบับนี้ เพื่อเป็นสารตั้งต้นของการหาทางออกบ้านเมือง นอกจากนี้ ถ้าท่านบอกว่า ต้องการแสดงถึงเจตจำนงการปกป้องสถาบันฯ พูดกันไปถึงขนาดว่า เป็นเลือดสีน้ำเงินต่างๆ ทำไมเราไม่เปิดประตูบานนี้ เพื่อหาทางออกทางการเมือง ท่านอาจไม่เห็นด้วย กับการแก้ไขมาตรา 112 ไม่เป็นไร แต่เราไม่ควรนำคนเห็นต่างทางการเมือง ไปคุมขัง จำคุก และอย่างน้อยมันคือการคลี่คลาย มันคือการเปิดฝาหม้อให้น้ำที่เดือดรอวันระเบิด ได้ปล่อยลมออกมา อยากให้ช่วยกันผ่านรายงาน แม้ว่าจะไม่มีข้อสรุปเรื่องนิรโทษกรรม มาตรา 112
ต่อมาในเวลา 16.06 น. นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.ฯ ชี้แจงกรณีที่มีสมาชิกบางคนอภิปรายว่าประเทศไทยไม่เคยมีการนิรโทษกรรมคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และกังวลว่าหากมีการนิรโทษกรรมแล้ว จะไปขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 รวมถึงอาจไปขัดหรือแย้งต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยว่า พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 หรือพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิด เนื่องในการชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างวันที่ 4 - 6 ต.ค.19 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาบังคับใช้ เมื่อเดือน ก.ย.21 และพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับนี้ เป็นการนิรโทษกรรมให้กับการกระทำในและนอกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมเท่านั้น โดยเจาะจงนิรโทษกรรมให้กับคดีความ 2 คดี ได้แก่ คดีที่ศาลทหารกรุงเทพฯ 1 คดี และคดีที่ศาลอาญาอีก 1 คดี ซึ่งทั้ง 2 คดีนี้ เป็นคดีที่จำเลยถูกฟ้องดำเนินคดีหลายคดี รวมถึงคดีมาตรา 112 ด้วย หมายความว่าระบบกฎหมายไทยเคยนิรโทษกรรมมาตรา 112 มาแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ใดๆ ทั้งสิ้น และเมื่อออกมาแล้ว ก็ไม่เห็นมีการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือล้มล้างการปกครองใดๆ ทั้งสิ้น
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เกี่ยวข้องกับตนโดยตรง หรือคือคดีของอดีตพรรคก้าวไกล ซึ่งท่านสมาชิกให้ข้อมูลว่า หากไปออกกฏหมายนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 จะขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตนยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมหรือไม่นิรโทษกรรมคดี 112 ซึ่งตนยินดีรับฟังความคิดเห็น จะเห็นด้วยหรือเห็นต่าง ไม่มีปัญหา แต่ในแง่ข้อเท็จจริง ไม่เกี่ยวกัน เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญนี้ เกี่ยวข้องกับการกระทำเพียง 2 เรื่อง ที่ศาลห้ามการกระทำ คือ 1.ศาลห้ามมิให้แสดงความคิดเห็น หรือรณรงค์ให้ยกเลิกมาตรา 112 และ 2.ศาลห้ามมิให้มีการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยกระบวนการนิติบัญญัติที่ไม่ใช่กระบวนการนิติบัญญัติโดยชอบ ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม มาตรา 112 ใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ภายหลังจากการอภิปรายมาสักระยะ นายพิเชษฐ์ ในฐานะประธานการประชุม ชี้แจงว่า เรื่องนี้มีผู้เห็นต่างจำนวนมาก รวมถึงผู้ชี้แจง ก็ชี้แจงเต็มที่แล้วจนเป็นที่เข้าใจทุกฝ่าย หากจะมีการชี้แจงไปก็เหมือนเดิม ทำให้ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แย้งว่า หากเรื่องใดที่เห็นต่างกันจำนวนมาก ต้องให้มีการลงมติ พรรคประชาชนเห็นพ้องให้เสนอรายงานฯฉบับนี้ส่งไปยังรัฐบาล และพร้อมอยู่ลงมติ ยืนยันว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่มีล่มองค์ประชุมแน่นอน เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไร พวกเราพร้อมยอมรับ แต่ควรเปิดโอกาสให้ผู้เห็นต่าง โดยเฉพาะ กมธ.ฯ ได้ชี้แจงให้เข้าใจตรงกัน และเรายังมีญัตติด่วนเรื่องธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่อาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนที่สังคมจับตาอยู่ กำลังรอการพิจารณาด้วย ก็ขอให้ดำเนินการไปตามระเบียบวาระ
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะลงมติชี้ขาด โดยเฉพาะ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อประธานเห็นว่าอภิปรายมามากแล้ว กลัวจะซ้ำซ้อน กมธ.ฯ ก็ชี้แจงแล้ว หากชี้แจงอีก ก็จะสงสัยกันไปอีกแต่จริงๆ ไม่ต้องชี้แจง เพราะ กมธ.ทำมากั๊กทั้งหมด ตนคิดว่าควรลงมติได้เลย ทำให้นายปกรณ์วุฒิ ลุกขึ้นยืนยันที่จะให้มีการเปิดโอกาสให้ กมธ.ฯ ชี้แจงถึงข้อสงสัยต่างๆ อย่างกว้างขวาง
ด้าน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ลุกขึ้นโต้แย้งว่า หากประธานฯจะมีการปิดการอภิปรายแล้วก็จะต้องลงมติต่อทันที หากปล่อยให้อภิปรายไป โดยเฉพาะ กมธ.บางคน เช่น นายรังสิมันต์ อภิปรายเกินเวลาไปมากกว่าสมาชิก 3 เท่า หากทำแบบนี้สภาฯ จะเดินต่อไม่ได้ หากสมาชิกจะลงชื่ออภิปราย ประธานฯ ต้องเปิดให้ลงชื่อได้ เพราะมีสมาชิกมาบ่นกับตนว่าจะไปลงชื่ออภิปราย แต่ปิดรับอภิปรายไปแล้ว เช่นเดียวกับที่ประธานวิปฝ่ายค้านระบุว่าเป็นเวทีรับฟังความคิดเห็น ก็ต้องลงอย่างเสรี ไม่ใช่มาจำกัด ไม่อย่างนั้นจะต้องมาตั้งหลักเกณฑ์อภิปรายใหม่
ทั้งนี้ ฝ่าย กมธ.ฯ พยายามที่จะขอชี้แจง แต่นายพิเชษฐ์ พยายามไกล่เกลี่ย เพื่อที่จะขอไม่ให้ กมธ.ฯ ชี้แจง เพราะยังมี กมธ.อีกหลายคน มิเช่นนั้นจะไม่จบ อย่างไรก็ตาม กมธ.ยังไม่ทันจะได้แสดงท่าที นายพิเชษฐ์ก็ได้สั่งปิดการประชุมทันทีในเวลา 16.58 น.แม้จะมีสมาชิกตะโกนทักท้วง แต่นายพิเชษฐ์ ไม่สนใจ ทำให้ญัตติด่วนด้วยวาจาขอให้สภาฯ ศึกษาปัญหาและการแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันธุรกิจอันเข้าลักษณะการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ ที่ต่อคิวอยู่ ต้องเลื่อนออกไปพิจารณาในสัปดาห์หน้าด้วย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี