‘แม้ว’รายงานตัว
คดีมาตรา 112 ที่ศาลอาญา
สืบพยานโจทก์ 1 ก.ค.ปีหน้า
“ทักษิณ”ดอดรายงานตัวคดีม.112 ที่ศาลอาญา ยังไม่ได้ยื่นขอออกนอกประเทศรอบ 2 นัด สืบพยานโจทก์ปากเเรก 1 กรกฎาคมปีหน้าขณะที่ “เรืองไกร” ร่อนหนังสือร้อง ป.ป.ช.สอบนายกฯกรณีซินแส 2 ราย เข้าปรับเปลี่ยนห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ว่าได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เข้าข่ายฝ่าฝืนพ.ร.ป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 128 หรือไม่
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ที่ศาลอาญา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางมารายงานตัวที่ศาลอาญาในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 กรณีให้สัมภาษณ์กับเดอะโชซอนมีเดียของเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน ซึ่งก่อนหน้านี้นายทักษิณได้รับการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยตีราคาประกัน 5เเสนบาทกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
รายงานข่าวเเจ้งว่า นายทักษิณไม่ได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกประเทศ หลังก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าเตรียมจะยื่นคำร้องขอออกนอกประเทศอีกครั้งหลังศาลอาญาเคยยกคำร้องไปเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2567โดยในวันนี้เป็นไปกำหนดเงื่อนไขที่จะต้องมารายงานตัวต่อศาลเดือนละ1 ครั้ง ซึ่งในวันนี้ไม่ได้เเจ้งล่วงหน้า ทั้งนี้ ภายหลังรายงานตัวซึ่งใช้ระยะเวลาไม่นานประมาณ5-10 นาที นายทักษิณก็เดินทางกลับทันทีส่วนกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ครั้งเเรกของคดีนายทักษิณจะเป็นวันที่ 1 ก.ค.2568
วันเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) ขอให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำการตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้จากซินแสทั้ง 2 คน อันอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 128 หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า ในหนังสือมีเนื้อหาระบุว่า ข้อ 1. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 (บางส่วน) และมาตรา 128 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ว่า “มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ “เจ้าพนักงานของรัฐ” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และคณะกรรมการ ป.ป.ช.“ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” หมายความว่า (1) นายกรัฐมนตรี“มาตรา128 ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณ เป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด”
ข้อ 2. เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2567 เว็บไซต์ไทยรัฐ หัวข้อ “ทักษิณ” แนะนำซินแสดูห้องทำงานในทำเนียบฯ ปรับให้เหมาะกับ “นายกฯ อิ๊งค์” ลงข่าวไว้ (บางส่วน) ดังนี้ “วันที่ 15 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ก่อนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าของวันที่ 12 และ 13 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ได้ปรึกษา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดา โดยนายทักษิณ ได้แนะนำซินแส 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทชาวต่างชาติให้เข้ามาดูสถานที่ทำเนียบรัฐบาล และห้องทำงานนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำให้มีการปรับเปลี่ยนจากเดิมในยุคของ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ทำงาน”
ข้อ 3. การที่ซินแส 2 คน เข้ามาดูสถานที่ทำเนียบรัฐบาล และห้องทำงานนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำให้มีการปรับเปลี่ยนจากเดิม เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้ทำงาน นั้น เมื่อพิจารณาจากข้อหารือของกรมสรรพากร (ตามสำเนาที่แนบมาด้วย) ซินแส 2 คน นั้น น่าจะมีเงินได้พึงประเมินตามความในประมวลรัษฎากร มาตรา 40 และถือเป็นเงินได้เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศ ตามความในมาตรา 41 แต่หากไม่มีการจ่ายเงินได้ ผู้รับบริการคือนายกรัฐมนตรี ก็อาจมีการรับประโยชน์อันอาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ป.ป.ช.ตามมาได้
ข้อ 4. จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงมีเหตุอันควรตรวจสอบตามลำดับ ดังนี้ ตรวจสอบตามประมวลรัษฎากรก่อนว่า ซินแส 2 คน นั้น มีเงินได้พึงประเมินตามความในประมวลรัษฎากร มาตรา 40 เป็นจำนวนเงินเท่าใด และถือเป็นเงินได้เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศ ตามความในมาตรา41หรือไม่ตรวจสอบว่า น.ส.แพทองธารเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินให้ซินแสทั้ง 2 คน หรือไม่ จ่ายโดยวิธีใด ตรวจสอบว่า หาก น.ส.แพทองธารไม่ได้จ่ายเงินได้ให้ซินแสทั้ง 2 คน จะถือว่า น.ส.แพทองธารได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้จากซินแสทั้ง 2 คน อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ในส่วนที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้จากผู้ใด” หรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี