"ทวี" โยนถาม"ภูมิธรรม" ปม ออกพ.ร.ก.ต่ออายุคดีตากใบ หวั่นเอื้อเฉพาะกลุ่ม มอง ผู้เสียหายภูมิใจ เคยได้ออกหมายจับอดีตแม่ทัพ ยัน "รัฐบาล" ไม่มีอคติ
วันที่ 23 ตุลาคม 2567 เวลา 08.35 น. ที่พระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อขยายอายุความของคดีตากใบ ว่า เรื่องนี้ต้องไปถามรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง(นายภูมิธรรม เวชยชัย) เพราะการจะออกกฏหมายเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องมีการศึกษาว่าทำได้หรือไม่
เมื่อถามว่า เวลาที่เหลืออีก 2 วัน ก่อนที่คดีหมดอายุความ จะสามารถออก พ.ร.ก.ได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อายุความเป็นกฎหมาย แล้วพ.ร.ก.จะใหญ่กว่ากฎหมายได้อย่างไร ย้ำว่าต้องถามรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แต่กระทรวงยุติธรรมไม่มีประเด็นนี้
เมื่อถามว่า ที่พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมาว่าหวังจะมีปาฏิหาริย์ หมายความว่าอย่างไร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เมื่อเราตั้งใจทำงานอะไรด้วยความพยายามก็อาจจะประสบผลสำเร็จได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีสัญญาณอะไร เพียงแค่รับทราบจากฝ่ายสืบสวนว่า มีการไปพิสูจน์ทราบถึงที่อยู่แล้ว แต่ยังไม่พบตัว ตอนนี้ยังไม่ได้หมดหวัง ยังมีเวลา ต้องให้เขาทำงานอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า กังวลว่าจะกระทบกับฐานเสียงของพรรคประชาชาติ ในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อย่าพึ่งกังวลเรื่องฐานเสียง เราต้องกังวลเรื่องความยุติธรรม เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม สำหรับญาติผู้เสียหาย การเยียวยาก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่เขาต้องการคือไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่ในการรื้อฟื้นคดีก่อนขาดอายุความก็มีการมาเริ่มเอาในปีสุดท้ายคือช่วงเดือนมกราคม 2567 ความพยายามของกระบวนการยุติธรรม ก็ทำไปจนกระทั่งมีหมายจับ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า ในนามของผู้ปฏิบัติก็มีความกังวลด้วยอายุความที่เหลือน้อย ส่วนการหลบหนีก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเขาเห็นช่องว่างของอายุความที่ใกล้หมด ซึ่งมีหลายกรณีที่หลบหนีไปจนคดีหมดอายุความ จึงเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล และหากคดีดำเนินไปจนหมดอายุความ รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยที่มาจากประชาชน ก็ต้องเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้รับรู้ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าญาติของผู้เสียหายเขาไม่ได้ตั้งใจจะไปทำร้ายผู้ต้องหา เพียงแค่ต้องการความเป็นธรรมให้ผู้ที่สูญเสีย
“ขอย้ำว่า คดีตากใบผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว แต่รัฐบาลนี้มีความรับผิดชอบด้วยซ้ำที่ไม่อยากให้คดีนี้ขาดอายุความ จึงได้รื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมา แต่เราไม่สามารถไปแทรกแซงศาลและอัยการได้ โดยในมุมของประชาชนที่ฟ้องร้องคดีก็จะมีความภูมิใจว่าครั้งหนึ่งเคยออกหมายจับอดีตแม่ทัพได้ เพราะที่ผ่านมาญาติพี่น้องผู้สูญเสียเคยถูกออกหมายจับอย่างเดียว แต่วันนี้เขาคืนความเป็นธรรมด้วยการทำให้กระบวนการยุติธรรมออกหมายจับฝ่ายราชการได้” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า หากมีช่องทางใดที่รัฐบาลสามารถทำได้ก็จะทำ รวมถึงข้อเสนอที่ให้พ.ร.ก. ซึ่งก็ได้ศึกษาและพบว่าหากจะออก พ.ร.ก.จะยืดอายุความแค่ 8 คนหรือทั้ง 4,000 คน หรือผู้ที่ไม่ออกหมายจับอีกเป็นแสนคน จึงอาจถูกมองว่าเป็นการออกกฏหมายเพื่อใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่ แต่หากรัฐบาลทำได้ก็อยากทำ
เมื่อถามถึง กรณีที่อาจจะมีผู้ต้องหาหลบหนีไปประเทศลาว พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การตามจับผู้ต้องหาในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน เช่นกรณีของแป้งนาโหนด ที่กระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปช่วยสนับสนุนข้อมูล แต่ในกรณีของคดีตากใบ ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่าผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการ ผู้บังคับบัญชาควรนำตัวมาให้
เมื่อถามว่า ทางภาคประชาสังคมอาจจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องต่อศาลระหว่างประเทศ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนต้องขอชื่นชมประชาชนทุกภาคส่วน เพราะเรื่องความยุติธรรมเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ รัฐบาลไม่มีความกังวลแต่อย่างใด เพราะรัฐบาลไม่ได้ช่วยเหลือใคร และไม่มีอคติในการช่วยเหลือใคร อีกทั้งยังต้องการให้ผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะเรายึดหลักว่าใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเป้าหมายหลักสุดท้าย
ทางด้าน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นถึงข้อเสนอ ให้รัฐบาลออกพระราชกำหนดหรือ พ.ร.ก. ต่ออายุคดีสลายการชุมนุมหน้าสภ.ตากใบ ที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ โดยระบุเพียงสั้นๆว่า ขอไปก่อนนะคะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี