“สว.”จี้ ถาม”รัฐบาล“ วางแนวทางป้องกันแชร์ลูกโซ่อย่างไรบ้าง สับ "เทวดา" จะหนีรอดหรือไม่ ลั่น แบบนี้ไม่ใช่แล้ว มันคือ "ซาตาน-ผีปอบ" ด้านนายกฯ ส่ง "รมต.น้ำ" มาตอบ ยันไม่ละเว้นแน่นอน
28 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภาที่มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระกระทู้ถามด้วยวาจา นายสุนทร พฤกษพิพัฒน์ สว. ตั้งประเด็นคำถามถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องธุรกิจหลอกลวงประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบแทน
โดยนายสุนทร ตั้งคำถามว่า เราจะจริงจังหรือยังที่จะป้องกันไม่ให้เกิดธุรกิจหลอกลวงประชาชนได้อย่างไร ตั้งแต่ปี 2525 จนถึงปัจจุบัน ผ่านมา 40 กว่าปี มันก็ยังหลอกลวง จับได้ หนีไป หลุดไปอยู่ตลอด พร้อมยกตัวอย่างแชร์แม่ชม้อย ที่ถือเป็นคดีแรก ตอนนั้นตนยังเด็กฟังข่าวว่าแม่ชม้อยถูกจำคุกนับแสนปี ฟังดูน่ากลัวมาก แต่ปรากฎว่าจำคุกจริงเพียง 11 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีแชร์ชาร์เตอร์ , แชร์บลิสเซอร์ , แชร์ก๋วยเตี๋ยวบางกอก , UFUN , แชร์คอร์สสัมมนา , แชร์โชกุน , FOREX 3D จนมาถึงดิไอคอน
นายสุนทร ไล่เรียงว่าแชร์เหล่านี้ จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใช้ดารา อินฟลูเอนเซอร์มาหลอกประชาชน ในกรณีดิไอคอน ล่าสุดนี้ มีคำว่าเทวดา ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นเทวดาตบทรัพย์หรืออย่างไร หรือเป็นซาตาน ผีปอบ สุดท้ายเราไม่รู้ว่าเทวดาจะหนีรอดอีกหรือไม่
"มาจนถึงพระ หลอกลงทุนไปที่แชร์แครอทเนี่ย มาถึงต้องบอกว่าถึงเวลาที่จริงจังหรือยัง ทำอย่างไรไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดขึ้นมาแล้วไปไล่จับ" นายสุนทร กล่าว
นายสุนทร ตั้งคำถาม 2 ข้อว่า 1.ทุกกรณีมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง มีคนมีศักดิ์มีศรีเข้าไปเกี่ยวข้อง รัฐบาลมีวิธีการจัดการอย่างไร เทวดามีจริงหรือไม่ และ 2.มีแนวทางการป้องกันก่อนเกิดเหตุอย่างไร
ทำให้นางสาวจิราพร ลุกขึ้นตอบว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยได้มีข้อสั่งการถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน เพื่อช่วยเร่งสางปมคดีที่เกิดขึ้น
"สตช. ได้เปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องทุก ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา เปิดให้ทุกสน.มาแจ้งข้อหา ได้ระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ช่วยร่วมสนับสนุนข้อมูลให้สอบสวนโดยเร็ว"
น.ส.จิราพร ย้ำว่า สคบ. ได้เรียกประชุมเรื่องนี้ รวมถึงยึดโล่รางวัลคืนจากดิไอคอน มีการบูรณาการร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีการยึดอายัดทรัพย์สิน จะเห็นได้ว่าล่าสุดมีพี่น้องประชาชนเข้ามาแจ้งความ 9,000 รายแล้ว มูลค่าความเสียหาย 2,000 กว่าล้านบาท ซึ่งก็ได้เข้าเงื่อนไขที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะรับไปดำเนินการต่อ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ. สอบสวนคดีพิเศษ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สคบ. ก็จะสนับสนุนข้อมูลในฐานะพยาน
ส่วนเรื่องเทวดา สคบ. นั้น น.ส.จิราพร กล่าวว่าเรื่องนี้มาจากการเผยแพร่คลิปเสียงที่อ้างว่าเคลียร์กับผู้เสียหายได้ โดยเปิดเผยมาตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. ตนยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีการเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่ามีกรณีนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ มีการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ได้เสนอเรื่องไปยังนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลอยู่ ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง
"คลิปเปิดเมื่อวันที่ 10 ต.ค. วันที่ 16 ต.ค. ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าท่านดูไทม์ไลน์ ก็ใช้ระยะเวลาไม่ถึง 1 อาทิตย์ ในการตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ ซึ่งตามโครงสร้างของคณะกรรมการนี้จะเห็นได้ว่าเป็นคนนอกทั้งหมด เราไม่ได้ให้คนในตรวจกันเอง เราใช้กรรมการจากคนนอกที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะอาญาเข้ามาอยู่ในโครงสร้าง มีทั้งตัวแทนของอัยการ ปปง. ดีเอสไอ สตช. เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุด ระหว่างกรอบเวลาที่จะสืบหาข้อเท็จจริงนี้ 30 วัน ซึ่งคณะกรรมการก็ได้ประชุมทันที" น.ส.จิราพร กล่าว
น.ส.จิราพร กล่าวต่อว่า คณะกรรมการชุดนี้ยังตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 2 คณะ ได้แก่ คณะในการสืบหาข้อเท็จจริง และคณะที่ศึกษาปัญหาข้อจำกัดในการทำธุรกิจขายตรงหรือแบบตรง ซึ่งจะเข้ามาดูตั้งแต่ขั้นตอนการขอใบอนุญาต ข้อบังคับต่างๆ
"ดิฉันต้องเรียนว่าในเรื่องการให้ความกระจ่างของสังคมเรื่องเทวดา สคบ. ตอนนี้ได้เริ่มดำเนินการค้นหาข้อเท็จจริงแล้วนะคะ ถ้าปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีบุคคลใดที่กระทำผิดกฏหมาย ก็จะต้องมีการดำเนินการต่ออย่างเต็มที่ ไม่ละเว้นแน่นอน ให้พยานหลักฐานเป็นคนให้คำตอบในประเด็นนี้" น.ส.จิราพร กล่าว
น.ส.จิราพร ย้ำถึงแนวทางการป้องกัน เพิ่มให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตว่า เรื่องนี้รัฐบาลให้ความตระหนักเป็นอย่างดี ส่วนที่ตนกำกับคือ สคบ. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ถือกฎหมาย พ.ร.บ.ธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ซึ่งได้สั่งการให้ไปตรวจสอบและเชิญมาให้ข้อมูล รวมถึงสั่งการให้ทบทวนข้อกฎหมาย เพื่อให้เป็นการดำเนินการเชิงรุก แต่อย่างที่ทราบ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับ สคบ. เพียงอย่างเดียว การทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะต้องมีการร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เช่น กระทรวงการคลัง อย. กฤษฎีกา สตช.
"ดิฉันได้สั่งการให้ไปดูหลังบ้าน เพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ... สคบ.มีคนค่อนข้างจำกัด ดังนั้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ โดยเฉพาะการติดตาม ประเมินผล ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่ผ่านมา สคบ. ได้รับงบประมาณในการประชาสัมพันธ์ค่อนข้างน้อย" น.ส.จิราพร กล่าว
จากนั้น นายสุนทร ลุกขึ้นขอเสริมว่า ตนอยากฝากแนวทางการป้องกัน 5 ข้อ 1.การเพิ่มโทษ 2.การแก้ไขอายุความ 3.การจัดการบูรณาการ ขยายกรอบการทำงาน แบบ One Stop Alert 4.การตรวจสอบคนที่อวดรวยผิดปกติ 5.การสร้างกระแสสังคมที่ถูกต้องจากการทำงาน ไม่ใช่ฝันข้ามคืน
"เทวดาพวกนี้มันหายตัวไว ถ้าหัวไม่ส่ายหางก็ไม่กระดิก สิ่งสำคัญคือผู้นำรัฐบาลเอาจริงหรือไม่" นายสุนทร กล่าว
ต่อมาน.ส.จิราพร กล่าวว่า เรื่องดิไอคอน ที่มีการร้องเรียนตั้งแต่ปี 2561 แต่ยังไม่คืบหน้า เป็นเพราะขณะนั้นยังมีข้อจำกัดเรื่องกฎหมาย แต่ต่อมาก็มีการสนับสนุนข้อมูล ประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ เรื่อง One Stop Alert รัฐบาลก็จริงจังกับเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมวุฒิสภาในวันนี้ ประธานในที่ประชุม ได้เปิดโอกาสให้ สว. ตั้งกระทู้ถามได้เต็มที่ เนื่องจากเป็นช่วงก่อนปิดสมัยการประชุมแล้ว ทำให้ สว.บางส่วน ตั้งคำถามแบบจัดเต็มเกินเวลา ทำให้ประธานต้องกำชับหลายครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี