งัดหลักฐานยุบ 6 พรรคแจง‘กกต.’
มัด‘แม้ว’ครอบงำพท.
‘กลุ่มพิราบขาว’จี้‘อิ๊งค์’เปิดภาพ
แค่รวมตัวกินข้าวจริงหรือไม่
ท้า‘เพื่อไทย-ตระกูลชินวัตร’
สาบานวัดพระแก้วไม่มีชี้นำ
“พิราบขาว”เข้าชี้แจง“กกต.”คำร้องยุบ 6 พรรค หอบหลักฐานยันสัมพันธ์ชัด“ทักษิณ”ครอบงำ-สั่งการ จี้“นายกฯอิ๊งค์” เปิดภาพพิสูจน์ แค่กินข้าวจริงหรือไม่ท้า “เพื่อไทย-ตระกูลชินวัตร” ไปสาบานวัดพระแก้ว ลั่นคนไทยกินข้าวไม่ได้กินหญ้า ใครๆก็รู้ว่าเป็นพรรค’แม้ว’ส่งหลักฐานเพิ่มอีก เร่งส่งศาลรธน.ยุบ’พท.’ปมมีมติส่ง’ชาญ พวงเพ็ชร์’ลงสมัครนายก อบจ.ปทุมธานี
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม2567 นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบชาว 2006 กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (28 ต.ค.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เรียกให้ตนเข้าให้ข้อมูลในคำร้องให้มีการยุบ 6พรรคการเมือง จากกรณีที่ถูก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าครอบงำ ชี้นำ ซึ่งหลังจากที่ตนได้ยื่นคำร้องแล้วนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า คำร้องมีมูลปรากฎ โดยในคำร้องของตนปรากฏในวันที่ 14 ส.ค.2567 ที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งให้พ้นความเป็นรัฐมนตรี ในเย็นวันนั้นจะมีมติให้ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งปรากฏผ่านสื่อว่า นายทักษิณ ได้เชิญให้ทุกพรรคการเมือง รวมถึง นายชัยเกษมและนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รักษาการเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าไปพบที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งไม่ใช่ที่ทำการของพรรคเพื่อไทย ขณะที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กำลังอยู่ระหว่างไปร่วมศึกษาหลักสูตรมินิ วปอ.ที่ต่างประเทศและได้เดินทางกลับก่อนปิดหลักสูตร
ซึ่งหลายคนในพรรคเพื่อไทย กล่าวอ้างว่า มติในที่ประชุมเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีที่บ้านจันทร์ส่องหล้า คือ นายชัยเกษม ให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี อีกทั้งการที่กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และนายชัยเกษม ไปปรากฎตัวจะต้องได้รับมติของพรรคก่อน และมีหนังสือมอบอำนาจจาก น.ส. แพรทองธาร และในเช้าวันที่ 15 ส.ค.2567 ก็มีการนัดประชุมที่ตึกชินวัตร3 ซึ่งไม่ใช่ที่ทำการพรรคเพื่อไทยและเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า นายทักษิณเป็นเจ้าของตึกโดยมีมติเลือกน.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยคนที่ปรากฏตัวคนแรกคือนายทักษิณ และให้สัมภาษณ์กับสื่อว่ามาสังเกตการณ์ ก่อนเสนอชื่อน.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ “ความเกี่ยวข้องพ่อลูกก็ดี ความเกี่ยวข้องกับเจ้าของตึกชินวัตรก็ดี ณ วันนี้ที่ทำการพรรคเพื่อไทยที่ได้จดแจ้งไว้ต่อกกต.คือ ถนนเพชรบุรี แม้จะมีมติให้ย้ายไปที่ถนนวิภาวดี ก็ยังไม่ได้มีการจดแจ้งเสร็จสรรพ ดังนั้นการดำเนินการของพรรคเพื่อไทยที่ตึกชินวัตร 3 เสมือนว่าพรรคเพื่อไทยเป็นลูกน้องอดีตนายกทักษิณ เพราะไม่ใช่ที่ทำการพรรคเพื่อไทย แม้แต่วันที่จะแถลงนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้น
อดีตนายกทักษิณ ก็ปรากฏกายเพราะทั้งหมดได้ดำเนินการที่ตึกชินวัตร 3 ประเด็นการครอบงำเป็นที่ประจักษ์ คนไทยไม่ได้กินหญ้าแต่คนไทยกินข้าว และนับถือพระแม่โพสพ จะรู้ว่าเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงคือใคร และผมเองก็เป็นอดีตผู้สมัครสส.พรรคเพื่อไทย พรรคนี้มีเสน่ห์เรื่องการเงิน ไม่ว่าเจ้าของพรรคจะสั่งให้ดำเนินการอย่างไร ที่ไหน จะต้องดำเนินการตาม แม้แต่วันนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย ถูกสงสัยว่าตำแหน่งที่แท้จริงคืออะไร เพราะจุ้นจ้านไปทุกตำแหน่ง รวมถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้มันเป็นความปรากฏทั้งสิ้นทั้งมวลว่า อดีตนายกทักษิณ เป็นผู้ชี้นำการเมืองพรรคเพื่อไทย เริ่มตั้งแต่ในอดีตว่าทักษิณคิดเพื่อไทยทำ วันนี้ทักษิณชี้นิ้วเพื่อไทยทำ ถ้าไม่จริงไปสาบานกันที่วัดพระแก้วนะครับ ขอให้สส.พรรคเพื่อไทย สมาชิกพรรครวมถึงตระกูลชินวัตร ออกมายืนยันว่าอดีตนายกทักษิณไม่มีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทย ถ้าเป็นแบบนั้นจริงในวันนี้เราจะไม่เห็นน.ส.แพรทองธาร เป็นหัวหน้าพรรค และเป็นนายกรัฐมนตรีครับ” นายนพรุจ กล่าว
นายนพรุจ กล่าวอีกว่า ในคำร้องให้ยุบ 6พรรคการเมืองนั้น ตนมีหลักฐานมายื่นกกต.เริ่มตั้งแต่การปรากฏตัวของนายทักษิณที่ตึกชินวัตร3 ก่อนมีมติให้น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนออกนโยบายของรัฐบาลต่อมา ซึ่งตึกชินวัตร3 เป็นที่ทำงานของบริษัทในเครือ หรืออาจจะเชื่อในเรื่องของฮวงจุ้ยหรืออำนวยความสะดวกให้อดีตนายกทักษิณ ได้เข้าไปบัญชาการได้ง่ายโดยไม่ต้องแสดงตัว จึงมีข่าวว่ามีการดอดไป หรือหลบสื่อ แต่ปรากฏกายทุกครั้งในเหตุการณ์สำคัญของพรรคเพื่อไทย ซึ่งหลักฐานที่ตนนำมาสอดคล้องกับกลุ่มบุคคลที่เรียกว่าตนเองว่าเป็นกลุ่มนิรนามที่ยื่นคำร้องต่อกกต.มาก่อนหน้านี้ แต่ยืนยันว่าตนไม่เคยรู้จักกลุ่มนิรนามมาก่อน ไม่เคยติดต่อหรือรู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ แต่อาจจะพบเจอกันที่สำนักงานกกต.กันบ้าง
เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ได้ระบุว่าการที่ลูกพรรคไปพบเจอกับ นายทักษิณ เนื่องจากเป็นอดีตนายกที่เคารพ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการของพรรคการเมืองนั้น นายนพรุจ กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ไม่เคยเรียนรู้วิชาการปกครองบ้านเมือง ซึ่งในหลักสูตรรัฐศาสตร์สอนให้พูดความจริง ซึ่งตามข้อเท็จจริงการจะไปรับประทานอาหารสามารถไปที่ไหนก็ได้โรงแรมของคุณก็มีหลายแห่ง ซึ่งในวันนั้นน.ส.แพทองธาร ซึ่งเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ปรากฏตัว และนายทักษิณก็มีสถานะต้องห้ามเกี่ยวข้องกับการเมือง หลังจากอยู่ในช่วงหลังการพักโทษ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและในวันดังกล่าว กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ทั้ง 6 พรรค ยังอยู่ในสถานะรักษาการรัฐมนตรี รักษาการเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งการดำเนินการแบบฉุกละหุกทันด่วน ไม่มีใครเชื่อว่า คุณไปรับประทานอาหาร เป็นตนก็กินไม่ลง เพราะรีบ ถ้าวันนั้นทุกคนไปรับประทานอาหาร ตนถามว่า มีภาพปรากฏหรือไม่ ถ้า น.ส.แพทองธาร มองว่า เป็นการไปร่วมรับประทานอาหาร ต้องนำภาพมาแสดง มายืนยันต่อสื่อ ซึ่งทุกคนที่ไปจะต้องแต่งกายเหมือนวันนั้น เวลานั้น
วันเดียวกัน นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีก่อนหน้านี้ยื่นให้ กกต.พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย (พท.) จากเหตุมีมติส่ง นายชาญ พวงเพ็ชร์ ลงสมัครนายก อบจ.ปทุมธานี ในนามพรรคเพื่อไทย ทั้งที่นายชาญ ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพในโครงการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอุทกภัยใน จ.ปทุมธานี ปี 54 และต่อมาศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาให้จำคุก 6 ปี 18เดือน
โดย นายนพรุจ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญาทุจริตฯมีคำพิพากษาให้จำคุกนายชาญ ที่สมัครนายก อบจ.ในนามพรรคเพื่อไทย ฐานทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพ ซึ่งถือว่ากระทำความผิดเป็นที่ประจักษ์ต่อ กกต.โดยเฉพาะต่อหน้านายทะเบียนพรรคการเมือง จึงต้องการให้นายทะเบียนพรรคการเมือง อาศัยมาตรา 93 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองส่งศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาว่า เข้าข่ายเป็นความผิดยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่
“ขอย้ำว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 นายชาญยังคงเป็นผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม แม้ครั้งที่ 2 จะไม่ใช้ชื่อในนามพรรค แต่การแข่งขันก็ยึดถือใบสมัครใบแรก ดังนั้น จะหลีกเลี่ยงประเด็นนี้ไม่ได้ ฉะนั้น หลังจากวันที่ 24 ต.ค. น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นไปตามข้อกฎหมาย ความเป็นจริงแล้วพรรคเพื่อไทยควรต้องแสดงความรับผิดชอบ โดยกล่าวขอโทษคนปทุมธานี เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ว่าพรรคสำนึกผิดที่ส่งนายชาญลงสมัคร”
นายนพรุจ ยังกล่าวด้วยว่า น.ส.แพทองธาร อาจจะไม่ทราบเรื่องที่พรรคเพื่อไทยมีมติส่งนายชาญ ลงสมัคร และกกต.ให้ใบเหลืองนายชาญ รวมทั้งสั่งให้ดำเนินคดีอาญา นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี เพราะจัดเลี้ยงอุปสมบทลูกชายและกกต.ถือว่า มีส่วนทำให้การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ครั้งแรกไม่สุจริต เนื่องจาก น.ส.แพทองธาร เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่โดยหลักกฎหมายแล้วหัวหน้าพรรคต้องรับรู้เรื่องทั้งหมด ซึ่งตนเห็นว่าการที่ศาลอาญาคดีทุจริตมีคำพิพากษาจำคุกนายชาญ ในวันที่ 24 ต.ค.และนำเอกสารมายื่นเพิ่มเติมในวันนี้ ก็เท่ากับให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรู้ว่าสิ่งที่ตนได้ร้องเรียนมานั้น เป็นความจริงที่ปรากฏชัดเจนแล้ว เหลือเพียงนายทะเบียนพรรคการเมืองนำเรื่องทั้งหมดส่งให้ กกต.มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี