29 ต.ค. 2567 นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ให้สัมภาษณ์กับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นการร้อง 6 ข้อต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยุบพรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมครอบงำพรรค รวมถึงในส่วนของนายทักษิณที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายทำลายพระเกียรติยศ ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ว่า การทำคำร้องได้อ้างอิงจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดียุบพรรคก้าวไกล คดีที่นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
รวมถึงคดียุบพรรคไทรักธรรม ซึ่งในส่วนของการยุบพรรคไทรักธรรม ในคำวินิจฉัยได้บรรยายไว้ว่า มีหลักการที่สำคัญว่าสมาชิกต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการของพรรค ไม่เช่นนั้นจะเป็นช่อง ทางให้กลุ่มทุนหรือผู้มีอิทธิพลทางการเมืองเข้ามาใช้อำนาจครอบงำพรรคการเมืองโดยไม่มีสมาชิกพรรคโต้แย้งคัดค้าน ทำให้พรรคการเมืองสูญเสียความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคการเมือง ตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญมาตรา 45
อันเป็นเหตุให้พรรคการเมืองไม่ส่งต่อเจตจำนงของประชาชน แต่ส่งต่อเจตจำนงของกลุ่มทุนหรือผู้มีอิทธิพลทางการเมืองไปสู่การบริหารประเทศ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยตนนึกถึงวันที่นายทักษิณไปแสดงวิสัยทัศน์ แล้วมีภาพบุคคลสำคัญต่างๆ มากมาย ตนก็นึกถึงคำว่ากลุ่มทุนหรือผู้มีอิทธิพลทางการเมือง นอกจากนั้นศาลยังอธิบายคำว่าการครอบงำพรรคการเมืองไว้ด้วย
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล มีในส่วนของการล้มล้างและการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ เมื่อวินิจฉัยว่าล้มล้าง คำว่าปฏิปักษ์ก็จะอยู่ในนั้นด้วย นอกจากนั้น ในคำวินิจฉัยคดีนี้ยังระบุด้วยว่า พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองที่มีวัตถุประสงค์เป็นการหล่อหลอมความคิด อุดมการณ์ เจตจำนงและความต้องการของประชาชนทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมเข้าไว้ด้วยกัน กำหนดเป็นนโยบายพรรคเพื่อสร้างเจตนารมณ์ทางการเมืองของประชาชนผ่านผู้แทน พรรคการเมืองจึงมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อระบอบประชาธิปไตย
และสิ่งที่ตนอยากให้ไว้เป็นข้อสังเกต คือในรัฐธรรมนูญมีหมวดพระมหากษัตริย์ ไม่มีคำว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ในขณะที่คำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล มีการพูดถึงคำว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะเดียวกันยังพูดถึงพรรคการเมืองว่าเป็นสถาบันทางการเมือง อีกทั้งเมื่อตนนึกถึงสมัยเรียน ป.ตรี ได้อ่านตำรากฎหมายปกครอง ซึ่งอธิบายคำว่าองคาพยพ พรรคการเมืองก็คือส่วนหนึ่งขององคาพยพทางการเมือง จึงไม่สามารถจำแนกแยกออกจากกันได้
“ศาลท่านถึงวินิจฉัยว่าพรรคการเมืองมีหน้าที่สำคัญ คุณมีสมาชิกใช่ไหม? แล้วสมาชิกก็จะส่งต่อเจตจำนงของสมาชิกผ่านผู้แทน ก็คือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรคเขา ไปสู่รัฐบาล สู่การปกครองประเทศ เพื่อบริหารประเทศไปสู่ความทัดเทียมนานาอารยประเทศได้หรือไม่ก็อยู่ที่ตรงนี้ ดังนั้นถ้าเราหยิบคำว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ออก แล้วลองเอาคำว่าสถาบันพรรคการเมืองเข้าไปใส่แทนที่ แล้วลองมองภาพทั้ง 6 คำร้อง เราจะเห็น พอผมเห็นภาพนั้น ผมเห็นคนเดียวไม่ได้ เพราะผมไม่มีอำนาจชี้” นายธีรยุทธ กล่าว
นายธีรยุทธ กล่าวต่อไปว่า เมื่อมาดูทั้ง 6 ข้อที่ร้องไป ทุกข้อเป็นเรื่องที่ถูกนำเสนอเป็นข่าวจากสื่อทุกสำนัก แสดงว่ามีความสำคัญ อย่างเรื่องที่ตนถูกโจมตี เพราะมีเรื่องพรรคพลังประชารัฐอยู่ใน 6 ข้อนี้ด้วย ดังที่เห็นจากสื่อว่าพรรคพลังประชารัฐมีการทวงถามตำแหน่ง มีการเสนอชื่อบุคคลและมีมติที่พรรครับรอง มีข้อกฎหมายเรียงตามรัฐธรรมนูญทั้งหมด ซึ่งการปกครองที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญต้องเป็นอย่างนี้ แต่ถามว่าถึงขั้นเซาะกร่อนหรือไม่ ในความเห็นตามสื่อก็แตกออกอย่างละครึ่ง
อย่างไรก็ตาม ตนได้เขียนอธิบายในคำร้องว่าจะแยกข้อใดข้อหนึ่งออกไม่ได้ เพราะทุกข้อร้อยเรียงเกาะเกี่ยวมัดรวมเป็นห่วงโซ่ อย่างกรณีของพรรคพลังประชารัฐนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างกลุ่มที่ออกไปก็ไปนั่งอยู่ในฝั่งเดียวกับพรรคเพื่อไทย และชื่อรัฐมนตรีที่บุคคลกลุ่มนั้นเสนอก็ไมได้มาจากมติพรรคพลังประชารัฐ จึงมองเห็นความผิดปกติเกิดขึ้น
ชมคลิปเต็มได้ที่
https://www.youtube.com/watch?v=s2l2G4C7P_4
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/politic/834682 ร้องศาลรธน.สั่งเลิกล้มล้างการปกครอง ‘ทักษิณ-เพื่อไทย’ผวา แจง6พฤติการณ์เข้าข่าย
https://www.naewna.com/politic/821213 คำวินิจฉัยฉบับเต็ม!!! ศาล รธน.ตัดสิน'ยุบพรรคก้าวไกล'
https://www.naewna.com/politic/687456 ด่วนที่สุด! มติศาล รธน.7 ต่อ 2 เสียงสั่งยุบ'พรรคไทรักธรรม'เซ่นปมดอกไม้จันทน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี