โยงพรรคดังเอี่ยวคดี ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’
ลากไส้แก๊งการเมือง
พปชร.ทิ้งบอมบ์เปิดชื่อย่อ
จี้ปธ.สภาฯไล่ตรวจสอบ
‘ดีเอสไอ’รับเป็นคดีพิเศษ
เข้าองค์ประกอบความผิด
“บอสพอล” ถก 17 บอสดิไอคอนในคุกวางแผนสู้คดี สั่งทนายล่า 7 แม่ข่าย เช็คบิลเพิ่มพิธีกร-พรีเซ็นเตอร์ “ค.” รับรายได้เหมือนบอสกันต์ แต่ยังไม่ตกเป็นผู้ต้องหา เดินหน้าแฉบริษัทไม่หยุด และแม่ข่าย “ป.” ด้านคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ดีเอสไอชี้ดิไอคอนเข้าองค์ประกอบความผิดพ.ร.ก.กู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.คอมพ์ฯ เสนออธิบดีดีเอสไอเซ็นรับเป็นคดีพิเศษ ขณะที่ “พปชร.”ทิ้งบอมบ์ ลากไส้แก๊งนักการเมืองเอี่ยว “ดิไอคอน” ปล่อยอักษร “ก.- ธ.- ส.- ต.- อ.-จ่า” โยงพรรคการเมืองใหญ่ ปูดอดีต กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคอักษรย่อ “ม.” ตอนนี้เป็น “รมช.” เมินคำร้องจนเรื่องเงียบ จี้ประธานสภาฯสอบตรงไปตรงมา
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอลเดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อนำเอกสารมอบอำนาจการเป็นทนายความมาให้นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือโค้ชแล็ป เซ็นมอบอำนาจ
“วิฑูรย์”รับเป็นทนายให้11บอส
หลังใช้เวลาเข้าเยี่ยมประมาณ 1 ชั่วโมง นายวิฑูรย์เปิดเผยว่า ล่าสุดตนเป็นทนายความดูแลคดี ดิไอคอนกรุ๊ปให้ 11 บอสผู้ต้องหา จากทั้งหมด 18 บอสแล้ว โดยวันนี้ได้ตีเยี่ยมบอสพอลและโค้ชแล็ป พร้อมอัพเดทข้อมูลข่าวสารที่เดิมจะไปยื่น 5 รายชื่อที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลังมีความชัดเจนว่าหน่วยงานใดเป็นเจ้าภาพทำคดี นอกจากนี้ ยังได้คุยเรื่องต่อสู้คดี และทีมทนายเข้าระบบโปรแกรมเมอร์หลังบ้านของดิไอคอนได้ทั้งหมดแล้ว ทำให้ทราบงานหลังบ้านและสินค้าเข้า-ออก วันไหน ส่งออกให้ใครบ้าง พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่ธุรกิจลูกโซ่ แต่เป็นการขายผ่านตัวแทน ตรงนี้มีข้อมูลทุกอย่างและส่งของผ่านขนส่ง DHL ทุกครั้ง
บอสพอลสั่งล่า7แม่ข่ายลุยฟ้องเพิ่ม
นายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า ส่วนบุคคลที่บอสพอลขอให้ดำเนินการเพิ่มอีก 2 คน เป็นคนที่ไปพูดโจมตีบริษัทฯในรายการทีวี คนแรกอักษรย่อ ป. คนที่สอง ต้องหาข้อมูลเพิ่ม เบื้องต้นทราบว่าเป็นอัยการ ตอนนี้มีรายชื่อแม่ข่ายแล้ว 7 คน โดยพฤติกรรมทั้ง 7 คนเป็นคนขายสินค้า มีตัวแทน ส่วนวิธีการหาตัวแทนเป็นอย่างไร ยังไมทราบ แต่ทั้งหมดได้รับผลประโยชน์และผลตอบแทนจากทางบริษัท
พรีเซนเตอร์“ค.”-แม่ข่าย“ป.”คิวล่าสุด
นอกจากนี้ คนที่บอสพอลอยากให้ดำเนินการอีกคนคือ พรีเซ็นเตอร์อักษรย่อ ค. เป็นพรีเซ็นเตอร์ก่อนคุณกันต์ กันตถาวร ตอนนี้กำลังดูสัญญาของ ค. ซึ่งได้ผลประโยชน์ตอบแทนเหมือนบอสกันต์ แต่ยังไม่ตกเป็นผู้ต้องหา และยังออกมาแฉหลายรายการว่าบริษัททำไม่ถูกต้อง ส่วนโค้ชแล็ปยืนยันว่าเป็นคีย์แมนเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์ของบริษัททั้งหมด เป็นคนคุมระบบหลังบ้านทั้งหมดของบริษัท โดยในระบบของบริษัทจะบอกข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับตัวแทนการรับเข้าและส่งออกสินค้า รวมถึงการสต๊อกสินค้าในโกดังและการเปิดบิล 250,000 บาท ซึ่งต้องเป็นการเปิดโดยตรงกับทางบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่การเปิดกับแม่ข่าย
ปูดตร.รีดโค้ชแล็ป9ล.แลกไม่ดำเนินคดี
“นอกจากนี้ ยังได้ข้อมูลจากคนใกล้ชิดโค้ชแล็ปว่า ก่อนหน้าที่โค้ชแล็ปจะถูกจับ ตำรวจกองปราบได้เสนอเรียกรับเงิน 9 ล้าน แลกกับการไม่ดำเนินคดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการที่นายอัจฉริยะพาตำรวจเข้าไปคุยกับโค้ชแล็ปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา” นายวิฑูรย์กล่าว และเผยว่า จากการเข้าเยี่ยมบอสพอลวันนี้ มีการแยกแดน แดนละ 2-3 คน ซึ่งกับบอสพอลพูดคุยกันได้ปกติ และยังประชุมวางแผนร่วมกับบอสทั้งหมดในการต่อสู้คดีอยู่ตลอด ส่วนเรื่องการประกันตัวในสัปดาห์หน้าจะฝากขังครบ 1 ผัด 12 วัน จะพิจารณาการขอยื่นประกันตัว ของทั้ง 15 บอส ในส่วนบอสดารายังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้
มติDSIรับดิไอคอนคดีพิเศษ
วันเดียวกัน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมพล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.แถลงหลังประชุมร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อหารือข้อเท็จจริงของสำนวนคดี และการดำเนินการของตำรวจ เพื่อส่งมอบให้ดีเอสไอรับไปดำเนินการเป็นคดีพิเศษตามพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
ร.ต.อ.วิษณุกล่าวว่า หลังตำรวจสอบสวนกลางส่งสำนวนให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอจะพิจารณารับเป็นคดีพิเศษได้ 2 ช่องทางคือ 1.ความผิดตามบัญชีท้าย หรือพ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และ2.ถ้าไม่ได้อยู่ในบัญชีท้ายก็จะเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งในกรณีนี้อธิบดีดีเอสไอมอบหมายให้ตนในฐานะประธานกลั่นกรองการรับเป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรค 1 (1) ซึ่งจะเกี่ยวกับ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ ประกอบกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนนี้จะอยู่ในบัญชีท้ายของพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 จึงเชิญพนักงานสอบสวนของบช.ก. และผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม และพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลและพยานหลักฐานให้คณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาเรื่องนี้
เข้าเกณฑ์ความผิดแชร์ลูกโซ่-พรบ.คอมพ์
“อย่างไรก็ตาม เราจะรับข้อเท็จจริงและพิจารณาพยานหลักฐานว่าเป็นความผิดตามบัญชีท้ายอย่าง พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ มีลักษณะเป็นคดีพิเศษหรือไม่ แต่เท่าที่รับฟังข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นความผิดตามพ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ และพ.ร.บ.คอมฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์เพื่อรีบเสนอให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณารับเป็นคดีพิเศษใน 2 ความผิดนี้”ร.ต.อ.วิษณุกล่าว และว่า ดีเอสไอจะทำงานร่วมบูรณาการกับตำรวจ ไม่ใช่การนับ 1 แต่เป็นการนับ 9 นับ ให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด ดังนั้น หากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ตำรวจก็ยังจะมาร่วมสอบปากคำกับดีเอสไอได้ เราไม่ไปตัดอำนาจตำรวจที่ทำมาก่อนแน่นอน เรายังทำงานร่วมกัน บช.ก.ยังส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมมาให้ดีเอสไอตลอดเวลา
ส่วนจะสอบปากคำผู้ต้องหารายใดเพิ่มเติม ร.ต.อ.วิษณุเผยว่า ดีเอสไอจะประชุมร่วมกับตำรวจเพื่อพิจารณาว่าส่วนใดบ้างที่ บช.ก.อยากดำเนินการ อีกทั้ง เรื่องหมายจับผู้ต้องหากลุ่มถัดไป ดีเอสไอขอดูพยานหลักฐานสำคัญต้องเพียงพอ แต่ยืนยันจะทำให้ทันผัดฝากขังผู้ต้องหาแน่นอน เพราะข้อกล่าวหา พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ สามารถขยายเวลาฝากขังได้ถึง 7 ฝากหรือ 84 วัน แต่เราก็ต้องรีบพิจารณาด้วย นอกจากนั้น จะเชิญอัยการ ผู้เชี่ยวชาญทุกด้านมาเป็นที่ปรึกษาในคดีด้วย โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการเงิน ภาษี
สอบสวนกลางเจอเส้นเงิน18บอสดิไอคอน
ด้านพล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับดีเอสไอพิจารณารับคดีดิไอคอนเป็นคดีพิเศษว่า ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียหายมาแจ้งความกลุ่มผู้ต้องหาและเครือข่าย หลายข้อหา อาทิ ความผิดตามพ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ และความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชน ตำรวจสืบสวนสอบสวนประเด็นต่างๆไปจำนวนมาก เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานใช้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา แต่ต่อมาพบพฤติกรรมกลุ่มผู้ต้องหาเริ่มยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ จึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีไปให้ศาลอาญาพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาทุกคน ในความผิดข้อหาตามพ.ร.บ.คอมพ์ฯ และฉ้อโกงประชาชน ซึ่งมีหลักฐานเพียงพอจนศาลออกหมายจับให้
พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวต่อว่า หลังจับกุมผู้ต้องหาครบทุกคน ตำรวจสอบปากคำผู้ต้องหาและปรากฏหลักฐานข้อมูลเส้นทางการเงิน งบการเงิน รูปแบบการตลาด การเสียภาษี พบว่ามีรูปแบบพฤติการณ์เสนอผลตอบแทน สร้างภาพลักษณ์ภูมิฐาน ชักจูงให้น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นพฤติการณ์ของแชร์ลูกโซ่ และเมื่อตรวจสอบจำนวนของผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจึงชัดเจนว่า คดีดังกล่าวเข้าตามบัญชีแนบท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ที่ต้องมีผู้เสียหายมากกว่า 300 คนและมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท จึงต้องส่งคดีดังกล่าวให้ดีเอสไอพิจารณา ไม่ได้เป็นการโยนคดี แต่เป็นไปตามที่กฎหมายระบุ จึงเร่งรวบรวมพฤติการณ์และพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้ดีเอสไอนำไปดำเนินคดีต่อ
ทำสำนวนคืบเกิน70%-พร้อมหนุนDSI
พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เริ่มทำคดีถึงปัจจุบัน การรับแจ้งความในสำนวนของผู้เสียหายยอมรับว่ายังไม่เรียบร้อยและยังไม่ทราบว่าจะเสร็จเมื่อใด เนื่องจากมีผู้เสียหายแจ้งความเข้ามามากกว่า 8,000 คน จากส่วนกลางและทั่วประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทยอยส่งสำนวนให้ดีเอสไอเกือบครบแล้ว ส่วนการทำสำนวนคดีและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดกลุ่มผู้ต้องหา ตำรวจทำสำนวนมีพยานหลักฐานเกินกว่า 70% ถ้าดีเอสไอต้องการข้อมูลหรือพยานหลักฐานก็พร้อมดำเนินการสนับสนุน
ส่งสำนวนให้DSIอีก17ลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เวลา 11.00 น. ตำรวจ บก.ปคบ.ทยอยนำส่งสำนวนคดี ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด เพิ่มเติมให้ดีเอสไออีก 17 ลัง ทั้งหมดถูกนำไปไว้รวมกับสำนวนที่ส่งมอบมาก่อนหน้านี้ 18 ลัง เก็บไว้ที่ห้องกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะตรวจสอบทุกแฟ้มเอกสาร ทั้งสำนวนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหาย และคำให้การของผู้ต้องหา
เล็งขยายเวลาสอบคลิปเสียง‘เทวดา”
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นเทวดาในสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือสคบ.ว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สคบ.เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ได้ประชุมและรายงานให้ทราบว่า การตรวจสอบคลิปเสียงที่ปรากฏขึ้นมายังไม่แล้วเสร็จ ต้องขยายผล มีบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่ม ต้องเรียกสอบพยานอีก 17 ปาก เป็นคนนอก 6 ปาก และเป็นคนใน 11ปาก ส่วนเรื่องกรอบเวลา 30 วัน ถือว่าตึงมาก ยิ่งดำเนินการยิ่งพบคนที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ดังนั้น ถ้าระยะเวลา 30 วันไม่พออาจต้องขยายเวลาสอบออกไป ส่วนเจ้าหน้าที่ สคบ.ที่ปรากฏเสียงในคลิปต้องมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ขอดูหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้แน่นอนก่อน
พปชร.ลากไส้แก๊งการเมืองเอี่ยวอิไอคอน
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงหลังประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พปชร.ถึงคดีดิไอคอน ที่มีการพาดพิงถึงสมาชิกพรรคคนหนึ่ง และพยายามพาดพิงถึงผู้ใหญ่ในพรรคเกี่ยวกับเงิน 31 ล้านบาทว่า วันนี้พิสูจน์แล้วเงินจำนวนดังกล่าวไม่ได้จ่ายจริง มีความพยายามใช้ข้อมูลเป็นเท็จให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า ผู้ใหญ่ของพรรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับจีนเทา มีการใช้นอมินีถือหุ้นว่านางจินดา แต่แท้จริงนางจินดาเป็นแม่ของบอสพอล
“ส่วนเทวดาที่ประชาชนถามหาว่าใครคือเทวดาตัวจริง อยู่เบื้องหลัง เบอร์หนึ่งของดิไอคอนคือ บอสพอล เบอร์สองคือบอสแซม ที่เป็นอดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.และอดีตผู้สมัคร สส.พรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง นอกจากนี้ หนึ่งในผู้ให้การสนับสนุนดิไอคอน เป็นเจ้าของรายการหนึ่งเกี่ยวข้องกับคนอายุน้อย อักษรย่อ ก. เคยเชิญผู้บริหารดิไอคอนมาออกรายการให้การสนับสนุน เชิญชวนประชาชนสมัครเป็นสมาชิก ซึ่งคนที่อักษรย่อ ก.เป็นอดีตผู้สมัคร สส.พรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งด้วยและสนิทกับผู้ใหญ่คนหนึ่งของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง มีการลงทุนในบางกิจกรรมร่วมกัน” พล.ต.ท.ปิยะกล่าว
เคยถูกร้องไปที่สคบ.แต่เรื่องเงียบ
และว่า เรื่องดิไอคอนถูกเพิกเฉยมาตลอดตั้งแต่ปี 2561 - 2567 ได้อย่างไร ไปเปิดดูชื่อกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ไม่ทราบว่าชื่ออะไร แต่อักษรย่อ ม. อยู่พรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง จ.ชัยภูมิ ส่วนเลขานุการ กมธ.ตอนนี้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงในครม.แพทองธาร ซึ่งไม่ทราบว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรจะกล้าสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ตรงไปตรงมาหรือไม่ ทั้งนี้ เรื่องดิไอคอนเคยมีการร้องเรียนผ่านอนุ กมธ.การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร เรื่องถูกส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แล้วจบลงอย่างไม่มีอะไร ถ้าวันนั้นดำเนินคดีตรงไปตรงมา ผู้เสียหายคงไม่เยอะเท่าทุกวันนี้ เรื่องนี้มีการร้องเรียนครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566
แฉ“ก.-ธ.-ส.-ต.-อ.-จ่า”โยงพรรคใหญ่
“สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องคล้ายๆกับเทวดา ยังมีบุคคลที่มีชื่ออักษรย่อ ก. ธ. ส. ต. อ.และจ่าคนหนึ่ง ซึ่งบุคคลทั้ง 6 คนนี้ ใกล้ชิดและเกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่ร่วมรัฐบาล เป็นนักการเมืองอยู่ในพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะ ส. อ. ด. เดาง่ายๆ ว่าเทวดาอยู่ข้างหลังเป็นใคร”พล.ต.ท.ปิยะระบุพร้อมเรียกร้องให้ประธานสภาฯ สอบถึงนักการเมืองหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับดิไอคอน ผู้ที่เป็นตัวแปรสำคัญคือ ผู้สอบบัญชีดิไอคอน ซึ่งรอดจากการตรวจสอบบัญชีของสรรพากรมาได้อย่างไรตั้ง 6 - 7 ปี ใครเป็นผู้สอบบัญชี แล้วสนิทกับใครในรัฐบาลนี้ ประธานสภาฯจะกล้าดำเนินการตรงไปตรงมาหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี